ดวงตา ส่งผลต่อรูปลักษณ์และรูปลักษณ์ส่งผลต่อชีวิต

0
4071
ดวงตาส่งผลต่อรูปลักษณ์และรูปลักษณ์ส่งผลต่อชีวิต
ตา เป็นอวัยวะสำคัญใช้รับแสงสะท้อนของร่างกาย ทำให้สามารถมองเห็น และรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัว
ดวงตาส่งผลต่อรูปลักษณ์และรูปลักษณ์ส่งผลต่อชีวิต
ตา เป็นอวัยวะสำคัญใช้รับแสงสะท้อนของร่างกาย ทำให้สามารถมองเห็น และรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัว

ดวงตา

ดวงตา บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึก แววตาสามารถแสดงออกสื่ออารมณ์โกรธ ทั้งเศร้า เหงา ทุกข์ กังวล หรือแม้กระทั่งความรู้สึก ความสุข หรือเสียใจ

ดวงตา ในอุดมคติเป็นอย่างไร?

1. หางคิ้ว หางตา และปีกจมูกต้องอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
2. หางตาเฉียงขึ้นเล็กน้อยจะดูสวยกว่าหางตาตรงและชั้นตาควรกว้าง 1 – 1.5 มิลลิเมตร จึงจะเป็นขนาดที่พอดี
3. ความยาวของ ดวงตา และระหว่างตาคือ 3 เซนติเมตร

[adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

ขนาดของ ดวงตา ในอุดมคติควรมีความยาวของดวงตาและระหว่างดวงตาเท่ากัน กล่าวคือดวงตาของสาวงามจะต้องมีความยาวดวงตาและระยะห่างระหว่างดวงตา 3 เซนติเมตรและระยะห่างระหว่างตา 2 ข้างนี้ จะต้องเท่ากับความกว้างของปีกจมูก

ถ้าหัวคิ้ว หัวตา และปิกจมูกอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน หางคิ้ว หางตา และปีกจมูกก็ควรอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันด้วย หางตาควรเฉียงขึ้นเล็กน้อย สูงกว่าหัวตาประมาณ 5 องศา ชั้นตากว้าง 1 – 1.5 มิลลิเมตร จึงจะถือว่าเป็นดวงตาที่สวยงามได้สมดุล

ดวงตาสวยมีลักษณะอย่างไร ?

1. ดวงตา สดใสเปล่งประกายเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้
การศัลยกรรม ดวงตา เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ เพราะดวงตาไม่สามารถปิดบังความรู้สึกได้ สิ่งที่สะท้อนมาจากดวงตาจึงบอกทุกอย่างในตัวของคนคนนั้น ดวงตาทำหน้าที่สำคัญในการสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบ ตาตี๋เล็กและเปลือกตาบวมทำให้ดูไม่สดใสหรือดูง่วงนอน ส่วนหางตาชี้ขึ้นก็ทำให้ดูเป็นคนความรู้สึกไวและเถรตรง

ในทางตรงกันข้ามถ้าหากตาตกก็จะทำให้ดูเศร้าและขาดความมั่นใจ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มาโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาเรื่องการทำศัลยกรรมดวงตาว่าอยากให้ตาโตขึ้น การทำให้ ดวงตา โตขึ้นมีวิธีการหลักคือทำตาสองชั้น ผ่าเปิดหัวตาและผ่าเปิดหางตา การผ่าตัดทำตาสองชั้นจะทำให้ตาโตขึ้น 20% แต่คนส่วนใหญ่จะไม่พอใจเพียงแค่นี้และมักผ่าเปิดหัวตากับหางตาร่วมด้วย

เมื่อผ่าตัดเปิดหัวตา ตาจะดูโตขึ้นเพราะหนังตาที่เปิดบริเวณหัวตาถูกตัดออกไป โดยเฉพาะหากผ่าเปิดหางตาร่วมด้วย หลังจากผ่าตัดเปิดหางตาแล้วมีโอกาสถึง 50 – 70 เปอร์เซ็นต์ที่ผิวบริเวณหางตาจะสมานกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เพื่อแก้ปัญหาการผ่าเปิดหางตา ปัจจุบันใช้เทคนิคการผ่าเปิดหางตาแบบไม่ติด โดยใช้ไหมเย็บดึงหางตาบริเวณขนตาบนขึ้น 3 มิลลิเมตร โดยไม่ต้องผ่า หางตาจะยาวขึ้นและคงรูป โดยที่ไม่เห็นขอบตาสีแดงหรือรอยแผลเป็น และตาจะดูโตอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป

หากทำถุงใต้ตาเหมือนบาร์บี้ หนา 3 มิลลิเมตร ที่ขอบตาล่างร่วมด้วย ดวงตา จะดูโตและคมยิ่งขึ้น คนที่มีหนังตาหย่อนคล้อยจนบังลูกตา สามารถทำให้หนังตากลับมาตึงด้วยการผ่าตัดแก้ไขดวงตา ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นตาขาวมากขึ้น และทำให้ตาดูโต [adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

2. ดวงตาแสนซนเหมือนตาแมว
การศัลยกรรม ดวงตา เหมือนตาแมว น่าจะยาวรีเหมือนแมวดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่ ถ้าหากศัลยกรรมดวงตาให้เหมือนตาแมวจะต้องผ่าเปิดหัวตาร่วมด้วย การผ่าเปิดหัวตาเพื่อตัดหนังตาที่ปิดหัวตาออก จะช่วยให้ดวงตาดูยาวและสดใสขึ้น แม้ไม่ได้ผ่าตัดทำตาสองชั้น

3. ตาลูกหมาดูฉลาดแสนซน
การศัลยกรรม ดวงตา เหมือนตาลูกหมา ความประทับใจในดวงตาที่โตเกินปกติของตัวการ์ตูน ทำให้สาววัยใสทุกคนอยากมีตาโต ๆ แบบนั้นบ้าง ผู้ชายเกิน 70% ชอบผู้หญิงที่มีดวงตากลมเหมือนลูกหมาซึ่งเปี่ยมด้วยความรู้สึก ดวงตาแบบลูกหมาจึงยังเป็นที่ชื่นชอบ

การผ่าตัดศัลยกรรม ดวงตา เหมือนลูกหมา ก่อนอื่นต้องใช้วิธีทําตาสองชั้นแบบเย็บจุดเดียวหรือการกรีดให้เหมาะกับดวงตาของตัวเอง ชั้นตาต้องหนาคม ยิ่งปัจจุบันคนนิยมทำศัลยกรรมตาให้ดูคมขณะที่ยังดูอ่อนโยน ดวงตาใสซื่อแบบลูกหมาจะช่วยให้หน้าดูเด็กลงด้วย

การทำศัลยกรรมดวงตามีอะไรบ้าง

1. การเย็บหลายจุดแบบธรรมชาติ

วิธีศัลยกรรมตาสองชั้นให้ดูเป็นธรรมชาติด้วยการร้อยไหมเย็บที่ด้านในของหนังตาเพื่อสร้างชั้นตา ต่างจากการเย็บ 1 จุดด้วยการฝังปมไหมแบบวิธีเดิม

วิธีการเย็บหลายจุดนี้ช่วยแก้ไขข้อเสียของการเย็บ 1 จุดแบบเดิมที่ฝังปมไว้ใต้หนังตาเพื่อให้เกิดชั้นตา โดยจะสร้างชั้นตาให้ดูเป็นธรรมชาติด้วยการร้อยไหมเย็บยืดกล้ามเนื้อกับหนังตาเข้าด้วยกันเพียงแค่เจาะรูเล็ก ๆ จึงแทบจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ แต่เนื่องจากมีการเย็บภายนอกจึงมีโอกาสสูงที่ชั้นตาจะคลายออก ใช้เวลาผ่าเพียง 30 นาที และใช้ยาชาเฉพาะที่ จึงสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที และตัดไหมหลังจากผ่าตัด 3 – 5 วัน

การเย็บหลายจุดแบบธรรมชาติเหมาะกับใคร?
1. คนที่ต้องการตาสองชั้นที่ดูเป็นธรรมชาติ
2. คนที่ไม่ต้องการให้เห็นรอยเย็บเวลาหลับตา
3. คนที่มีหนังตาบางและหนังตาไม่ตก
4. คนที่ไม่อยากมีรอยแผลเป็น
5. คนที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ๆ [adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

2. การเย็บจุดเดียวอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ทำศัลยกรรม

การเย็บจุดเดียวโดยไม่ต้องกรีดผิวหนัง ดูเป็นธรรมชาติและบวมน้อย วิธีนี้เรียกอีกชื่อว่า Scarless ทำได้โดยการฝังปมไหมสร้างชั้นตาขึ้นมา มีรอยรูเล็ก ๆ เพียงเล็กน้อยโดยไม่จำเป็นต้องกรีดผิวหนัง รอยแผลจึงเล็กและหายเร็วดูเป็นธรรมชาติ
วิธีเย็บจุดเดียวจะใช้แรงจากไหมทำให้เกิดชั้นตา เมื่อเวลาผ่านไปชั้นตามีโอกาสเปลี่ยนหรือคลายออก แต่สามารถผูกปมไหมในหนังตาใหม่ให้แน่นขึ้นอีกครั้ง เพียงเท่านี้ชั้นตาก็จะไม่คลายออก แม้หลังผ่าตัดแล้วก็ยังสามารถแก้ไขชั้นตาได้ จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้

วิธีการนี้จะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30 นาทีและใช้ยาชาเฉพาะที่ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีและไม่ต้องตัดไหม แต่คนที่มีไขมันที่หนังตาหนา มีโอกาสสูงที่ชั้นตาจะคลายออก จึงควรทำศัลยกรรมตาด้วยวิธีกรีดจะดีกว่า

การเย็บตาจุดเดียวเหมาะกับใคร

1. คนที่มีหนังตาบาง
2. คนที่มีชั้นตาหลายชั้น
3. คนที่มีตาสองชั้นเป็นบางครั้ง
4. คนที่ปกติติดเทปทำตาสองชั้น
5. คนที่มีหนังตาหย่อนคล้อยแต่ไขมันน้อย

3. การกรีดสร้างชั้นตาให้สวยเหมือนมีมาตั้งแต่เกิด

วิธีศัลยกรรมตาด้วยการกรีด

ทำโดยการกรีดเปิดหนังตาเพื่อเอาไขมันและกล้ามเนื้อที่ไม่จำเป็นออก จากนั้นจึงเย็บหนังแท้กับกล้ามเนื้อเปลือกตาเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดชั้นตา ชั้นตาที่ได้จะคมและชัดเจนสร้างความพอใจให้กับคนไข้

เนื่องจากวิธีนี้ต้องกรีดหนังตาจึงมีแผลใหญ่กว่าวิธีอื่น มักเกิดอาการบวมได้ง่าย แต่หากได้รับการผ่าตัดจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะสามารถสร้างชั้นตาที่เป็นธรรมชาติ ทั้งยังเกิดรอยแผลและอาการบวมน้อยด้วย การออกแบบชั้นตาจะวิเคราะห์จากรูปหน้าโดยรวม ผิวและรูปทรงของ ดวงตา รูปทรงจมูก ฯลฯ สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินรวมทั้งหนังตาที่หย่อนคล้อยได้ จึงได้ชั้นตาที่คมและเป็นธรรมชาติ  [adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

เวลาผ่าตัด 1-1.30 ชั่วโมง และใช้ยาชาเฉพาะที่ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที และตัดไหมหลังจากผ่าตัด 5-7 วัน นอกจากการผ่าตัดทำตาสองชั้นแล้วหากมีการแก้ไขรูปตา ผ่าเปิดหัวตาและหางตาร่วมด้วย คนไข้จะพอใจกับผลการผ่าตัดยิ่งขึ้น

การกรีดเหมาะกับใคร
1. คนที่ต้องการชั้นตาคมชัด
2. คนที่มีหนังตาหย่อนคล้อย
3. คนที่ต้องการแก้ไขชั้นตาหนาให้บางลง
4. คนที่มีเปลือกตาหนาและมีไขมันมาก

4. การกรีดแผลเล็กเพื่อให้ได้ชั้นตาที่ดูเป็นธรรมชาติ

รวมข้อดีของการเย็บจุดเดียวและการกรีดเข้าด้วยกัน
เป็นวิธีที่รวมข้อดีของการเย็บจุดเดียวกับการกรีดเข้าด้วยกัน โดยการกรีดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนังยาว 1 – 2 มิลลิเมตร แล้วเอาไขมันและกล้ามเนื้อส่วนเกินออกเพื่อสร้างชั้นตา เมื่อเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินออกมาเย็บผิวหนังกับกล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน ชั้นตาจะไม่คลายง่าย แผลจะเล็กกว่าการกรีดมาก อาการบวมและแผลเป็นจึงน้อยลงด้วย คนที่มีไขมันหรือกล้ามเนื้อที่เปลือกตามาก หากทำศัลยกรรมตาด้วยวิธีเย็บจุดเดียวชั้นตาจะคลายออกง่าย การกรีดแผลเล็กจึงได้ผลดีมากกว่า
ใช้เวลาผ่าตัด 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง และใช้ยาชาเฉพาะที่ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที ตัดไหมหลังผ่าตัด 5 -7 วัน

การกรีดแผลเล็กเหมาะกับใคร
1. คนที่ต้องการฉันตาเป็นธรรมชาติ
2. คนที่มีหนังตาหนาและมีไขมันมาก
3. คนที่มักมีอาการตาบวมทุกเช้าเพราะไขมันที่เปลือกตา
4. คนที่ไม่อยากมีรอยแผลเป็นที่เปลือกตา    [adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

5. การผ่าเปิดหัวตา

ชาวตะวันออกมักมีหนังตาปิดบริเวณหัวตา (Mongolian Eyes) ซึ่งจะต่างจากชาวตะวันตก ทำให้รูปตาดูสั้นเกินไป ดูอึดอัด และตาดูห่างออกจากกัน ทั้งยังอาจทำให้ ดวงตา ดูดุด้วย แม้จะมีตาสองชั้นหรือทำศัลยกรรมตาสองชั้น แต่ถ้าไม่ผ่าเปิดหัวตาร่วมด้วย หนังตาจะตกลงและดูไม่เป็นธรรมชาติ

การผ่าตัดเปิดหัวตาจะช่วยแก้ไขดวงตาที่ดูอึดอัดและดุได้ ช่วยให้ดวงตาดูสดใสและโตขึ้น ดวงตายาวจะช่วยให้ดูสดชื่น แต่ข้อเสียของวิธีผ่าเปิดหัวตาคือเกิดแผลเป็นที่มองเห็นได้ชัด

การผ่าเปิดหัวตาเทคนิคใหม่จะช่วยให้รอยแผลเป็นอยู่ชิดและขนานไปกับเยื่อตา จึงไม่เห็นรอยแผลเป็น ดวงตายาวขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนโยนลง หากผ่าเปิดหัวตาร่วมกับการทำตา 2 ชั้นจะยิ่งได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากขึ้น ความกว้างของหว่างตา เมื่อผ่าเปิดหัวตาเอาหนังตาที่ปิดหัวตาออก ดวงตาก็จะยาวและดูสดชื่นขึ้น หัวตาจะมีลักษณะเหมือนกลีบดอกกล้วยไม้ ดวงตา อ่อนโยน ช่วยแก้ไขชั้นตาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาขนตาทิ่มเข้าด้านใน และแก้ไขหัวตาล่างได้ด้วย

6. การผ่าเปิดหางตา

การผ่าเปิดหางตาเป็นการผ่าตัดขยายดวงตา ช่วยให้รูปตาที่สั้นดูยาวขึ้น เป็นวิธีผ่าตัดที่ไม่คำนึงถึงความลึกของเยื่อตา จึงไม่สามารถเย็บขอบของผิวหนังและเยื่อตาได้อย่างแม่นยำ เนื้อเยื่อที่อยู่ด้านบนและล่างจะสมานกันอีก ทำให้หางตากลับมาชิดติดกัน

เป็นเรื่องสำคัญในการป้องกันไม่ให้หางตาที่ผ่าขยายแล้วกลับมาชิดติดกันอีก ซึ่งต้องกำหนดความยาวของหางตาโดยคำนวณจากตำแหน่งของลูกตาดำและความกว้างของตาขาว และต้องตัดผิวหนังที่จะติดกันอีกครั้งออกให้หมด เพื่อแก้ไขข้อเสียที่ไม่ให้ผิวกลับสมานกันอีก การผ่าเปิดหางตาช่วยแก้ปัญหาตาเขได้ ดวงตาจะยาวขึ้น ดูโตและสดชื่นขึ้น

7. การทำถุงใต้ตา

กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะหดตัวเวลายิ้ม ทำให้ถุงใต้ตาโป่งออกมา คนที่มีกล้ามเนื้อส่วนนี้น้อยจึงนิยมทำศัลยกรรมถุงใต้ตา ถุงใต้ตาช่วยให้ดูเด็กลงและน่ารัก เวลายิ้มจะดูสดใสร่าเริง การทำศัลยกรรมถุงใต้ตาทำได้ด้วยการฉีดสารเติมเต็ม และการผ่าตัดเสริมชั้นหนังแท้เทียมควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แล้วเลือกวิธีที่เหมาะกับรูปตาของตัวเอง

การทำศัลยกรรมถุงใต้ตาด้วยการฉีดสารเติมเต็ม
การฉีดสารเติมเต็มเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก ศัลยแพทย์จะฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่ถุงใต้ตาใช้เวลาประมาณ 10 นาที เนื่องจากใช้เวลาน้อยจึงเหมาะกับคนวัยทำงาน และไม่ต้องมีการกรีดเปิดผิวหนัง จึงไม่มีรอยแผลเป็น อาการบวม หรือความเจ็บปวดแต่อย่างใด หลังจากฉีดแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที

เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการฉีดสารเติมเต็มคือ การกะปริมาณและการออกแบบถุงใต้ตา หากฉีดมากเกินไป ถุงใต้ตาจะดูใหญ่ไม่เข้ากับใบหน้า แต่ถ้าหากน้อยเกินไปคนไข้ก็มักจะไม่พอใจกับผลที่ได้ ดังนั้น คนไข้จะต้องขอคำแนะนำจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อออกแบบถุงใต้ตาให้เข้ากับดวงตา ความสูงของจมูก โครงหน้า รวมทั้งภาพลักษณ์เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของตัวเอง  [adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

การศัลยกรรมเสริมถุงใต้ตาด้วยชั้นหนังแท้เทียม

ชั้นหนังแท้เทียมคืออวัยวะเทียมที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อเลียนแบบเนื้อเยื่อผิวหนัง เมื่อเวลาผ่านไปชั้นหนังแท้เทียมจะไม่ถูกดูดซึมหรือมองเห็นทะลุผ่านผิวหนัง จึงใช้ในการผ่าตัดเสริมถุงใต้ตาแบบถาวร ควบคุมขนาดและความหนาได้ สามารถปรับให้เหมาะกับขนาดของดวงตาได้ง่าย

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดศัลยกรรมดวงตา

1.ประคบเย็น 2 – 3 วันหลังผ่าตัด
2.งดใส่คอนแทคเลนส์ 4 สัปดาห์
3.งดติดขนตาปลอม 4 สัปดาห์
4.งดดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ 3 – 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด
5.งดไปโรงอาบน้ำสาธารณะหรือห้องซาวน่า 4 สัปดาห์

ปัญหารอบดวงตา

แม้ ดวงตา จะสวยขึ้นจากการทำศัลยกรรมแล้ว การดูแลตัวเองจะยิ่งทำให้ดวงตาสวยยิ่งขึ้น อย่าหยุดความพยายามเพื่อความสวยเพียงแค่การศัลยกรรม ปัญหาหลักของรอบดวงตา คือ ตาบวม ใต้ตาหมองคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตา

1. ตาบวม
ปัญหาหลักที่พบมากที่สุดคืออาการบวมเพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี จึงเกิดอาการบวมน้ำบ่อยครั้ง ทำให้สูญเสียความยืดหยุ่น เกิดรอยคล้ำและริ้วรอยรอบ ดวงตา ตามมา สาเหตุเกิดจากดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวัน กินอาหารรสเค็มช่วง 2 ชั่วโมงก่อนนอน ดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไป หรือร่างกายขาดสารอาหาร ส่งผลให้กระบวนการเผาผลาญอาหารแปรปรวน เลือดไหลไปข้างบริเวณรอบดวงตาทำให้ตาบวมในที่สุด ต้องนวดเพื่อให้เลือดที่คั่งอยู่บริเวณใบหน้ากระจายไปที่ลำตัว

นวดกระตุ้นวนเป็นวงกลมบริเวณขมับ
เมื่อร่างกายขาดโปรตีนและธาตุเหล็กจะทำให้เกิดภาวะบวมน้ำเพื่อรักษาระดับเลือด คนที่มีอาการบวมน้ำง่ายควรลดปริมาณอาหารมื้อเย็นลง และกินอาหารที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น พยายามลดกินอาหารรสเค็มลงและกินอาหารที่มีโพแทสเซียมและซาโปนินซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย

สารอาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ
โพแทสเซียม (อะโวคาโด) โปรตีน (เนื้อปลาสีขาว) ธาตุเหล็ก (หอย หน่อไม้ฝรั่ง ผักใบเขียว และเหลือง) ซาโปนิน (โสม ถั่วแดง พืชตระกูลถั่ว) [adinserter name=”ความงามและผิวพรรณ”]

รอยคล้ำใต้ตา
ผิวหนังรอบตานั้นบอบบางมาก ซึ่งบางเท่ากับกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งเลยทีเดียว ทำให้มองเห็นเส้นเลือดหรือรอยคล้ำบริเวณใต้ตาได้ง่าย ซึ่งดูไม่สวยและเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพอีกด้วย ถ้าเลือดไหลเวียนไม่ดีรอบ ดวงตา จะหมองคล้ำ นอกจากรอบดวงตาแล้วต้องกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดที่ใบหน้าและร่างกายด้วยจึงจะเห็นผล เช่น อบซาวน่าหรือนวดคลายกล้ามเนื้อทั่วตัวเป็นต้น หากนอนหลับไม่เพียงพอ เครียดและเหนื่อยสะสม จะยิ่งทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ดังนั้น จึงต้องนอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงและพยายามหลีกเลี่ยงความเครียด เมื่ออายุมากขึ้นผิวใต้ตาจะเริ่มหย่อนคล้อย เบ้าตาลึกลง ทำให้เกิดเงาใต้ตา จึงต้องบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าให้ยืดหยุ่น เพื่อดึงผิวใต้ดวงตาให้ตึง

การนวดลดใต้ตาหมองคล้ำทำได้ง่ายและสามารถทำได้บ่อยครั้ง โดยนวดจากขมับไล่มายังใต้ตา แล้ววนรอบ ดวงตา  นวดเบาๆ ซ้ำ 2 – 3 ครั้ง นอกจากนี้ควรประคบตาสัปดาห์ละครั้งด้วยผ้าคุณหนูร้อนสลับเย็น 3 – 4 ครั้ง โดยเตรียมผ้าขนหนูชุบน้ำ 2 ผืนบิดให้หมาด นำผืนหนึ่งไปอุ่นในไมโครเวฟ อีกผืนหนึ่งชุบน้ำเย็น การประคบร้อนสลับเย็นจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและลดรอยคล้ำใต้ตาที่แก้ไขยากได้

สิ่งสำคัญในการป้องกันรอยคล้ำใต้ตาอยู่ที่การทำให้เลือดสะอาด กรดโฟลิกช่วยให้เฮโมโกลบินในเลือดไหลเวียนดี และแก้รอยคล้ำใต้ตาได้ นอกจากนี้วิตามินซีก็ช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีด้วย

สารอาหารที่ช่วยแก้รอยคล้ำใต้ตา
ธาตุเหล็ก ( หอย ตับ ) กรดโฟลิก ( หน่อไม้ฝรั่ง กีวี สาหร่าย กะหล่ำปลี ) วิตามินซี (พริกหวาน ส้ม)

ริ้วรอยรอบดวงตา
ริ้วรอยรอบ ดวงตา จะเริ่มเกิดขึ้นเมื่ออายุ 20 ปีเป็นต้นไป จึงต้องเริ่มดูแลผิวอย่างเต็มที่ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันริ้วรอย ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวรอบดวงตา และทาครีมกันแดดรอบดวงตาด้วยเมื่อมีอายุมากขึ้น ผิวรอบดวงตาจะค่อย ๆ สูญเสียความชุ่มชื้น

เมื่ออายุ 40 ปีผิวจะยิ่งแห้งมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากผลิตภัณฑ์สำหรับผิวรอบ ดวงตา แล้วควรทำมาสก์รอบดวงตาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้ายังสังเกตเห็นริ้วรอยแม้ไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะแสดงว่าเป็นริ้วรอยลึก แก้ไขได้ด้วยการฉีดสารเติมเต็มหรือทำเลเซอร์ยกกระชับ ร่วมกับการกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี ถั่วเหลืองเพื่อเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงที่ลดน้อยลง และช่วยให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น [adinserter name=”sesame”]

สารอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยป้องกันได้ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ส่วน Collagen คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายถึง 33 เปอร์เซ็นต์ เป็นโครงสร้างหลักในชั้นหนังแท้ร่วมกับอิลาสติน ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงและยืดหยุ่น เราสามารถกินโปรตีนเพื่อเสริมคอลลาเจนที่ลดลงตามวัยได้

สารอาหารที่ช่วยลดริ้วรอย
วิตามินซี (ส้ม พริกหวาน) โปรตีน (ปลาแอนโชวี เนื้อวัว) คอลลาเจนและอิลาสติน (เต้าหู้ กระดูกอ่อน ปีกไก่ หนังหมู) เซราไมด์ (หัวบุก)

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Japsen, Bruce (15 June 2009). “AMA report questions science behind using hormones as anti-aging treatment”. The Chicago Tribune. Retrieved 17 July 2009.

Stampfer, M., Hu, F., Manson, J., Rimm, E., Willett, W. (2000) Primary prevention of coronary heart disease in women through diet and lifestyle. The New England Journal of Medicine, 343 (1) , 16-23. Retrieved October 5, 2006, from ProQuest database.