ชีสกินกับอะไรก็อร่อย คัดเฉพาะเมนูชีสเด็ดๆ มาพร้อมเสริฟ
ชีส ( Cheese ) คือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนมวัว นมแพะ นมแกะ นมอูฐ และนมควาย มีลักษณะเป็นทั้ง แบบเนื้อนุ่ม เนื้อแข็ง กึ่งแข็ง-กึ่งนุ่ม

ชีส

ชีส ( Cheese ) คือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนมวัว นมแพะ นมแกะ นมอูฐ และนมควาย ฯลฯ มีลักษณะเป็นชีสเนื้อนุ่ม (Soft Cheese) ชีสกึ่งแข็ง-กึ่งนุ่ม (Semi Cheese) ชีสแข็ง (Hard Cheese) ซึ่งชีสทำมาจากน้ำนมโดยการนำมาผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์นมดิบใส่เชื้อแบคทีเรียลงไป

คุณค่าทางโภชนาการของชีส

ชีส 100 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 342 กิโลแคลอรี่ 

สารอาหาร ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
โปรตีน 5.9 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม
ไขมัน 34.2 กรัม
คลอเรสเตอรอล 110 มิลลิกรัม
โซเดียม 365 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 138 มิลลิกรัม
น้ำตาล 3.2 กรัม
วิตามินเอ 27 เปอร์เซ็นต์
แคลเซียม 10 เปอร์เซ็นต์
วิตามินอี 1 เปอร์เซ็นต์
วิตามินเค 4 เปอร์เซ็นต์
วิตามินดี 6 เปอร์เซ็นต์
วิตามินบี6 2 เปอร์เซ็นต์
วิตามินบี12 4 เปอร์เซ็นต์
ไทอามิน 1 เปอร์เซ็นต์
ไนอามิน 1 เปอร์เซ็นต์
ฟอสฟอรัส 11 เปอร์เซ็นต์
เหล็ก 2 เปอร์เซ็นต์
แมกนีเซียม 2 เปอร์เซ็นต์
โรโบพลาวิน 7 เปอร์เซ็นต์
ไรโบพลาวิน 7 เปอร์เซ็นต์
สังกะสี 3 3 เปอร์เซ็นต์

 

ข้อมูลโภชนาการของชีสแต่ละประเภท

1. ชีสบรี ( Brie ) คือ ชีสเนื้อนุ่มที่ทำจากนมวัว ให้พลังงาน 100 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ไขมัน 9 กรัม
โปรตีน 5 กรัม แคลเซียม 150 มิลลิกรัม โซเดียม 170 มิลลิกรัม

2. ชีสหรือเนยแข็ง ( Cheddar ) คือ ชีสที่ผลิตจากนมวัว นมแพะ นมแกะ นมอูฐ และนมควาย ฯลฯ
ให้พลังงาน 120 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ไขมัน 10 กรัม โปรตีน 7 กรัม แคลเซียม 200 มิลลิกรัม โซเดียม 190 มิลลิกรัม

3. เฟต้าชีส ( Feta Cheese ) คือ ชีสที่มีต้นกำเนิดจากประเทศกรีกทำมาจากน้ำนมแกะ ให้พลังงาน 60 แคลอรี่
คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ไขมัน 4 กรัม โปรตีน 5 กรัม แคลเซียม 60 มิลลิกรัม โซเดียม 360 มิลลิกรัม

4. ชีสสวิส ( Swiss Cheese ) มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ผลิตจากน้ำนมวัวที่เลี้ยงด้วย
สมุนไพรในทุ่งหญ้า เนื้อหนึบหนับเวลาเคี้ยวมีรสหวานตัดเค็มเล็กน้อย ให้พลังงาน 100 แคลอรี่ คาร์โบ
ไฮเดรต 1 กรัม ไขมัน 9 กรัม โปรตีน 5 กรัม แคลเซียม 150 มิลลิกรัม โซเดียม 170 มิลลิกรัม

5. เชดด้าชีส ( Cheddar cheese ) เป็นเนยแข็งชนิดหนึ่งทำจากน้ำนมวัวกึ่งอ่อนกึ่งแข็ง มีแหล่งกำเนิดมาจาก
ประเทศอังกฤษ มีรสชาติเข้มข้นออกเค็มนิดหน่อย

6. เนยแข็งมอสซาเรลลา ( Mozzarella ) เป็นเนยแข็งชนิดหนึ่ง มีต้นกำเนิดจากภาคใต้ของประเทศอิตาลีทำ
มาจากนมควาย เนื้อนุ่มเหนียว กลิ่นไม่แรงมาก ให้พลังงาน 85 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ไขมัน 6 กรัม
โปรตีน 6 กรัม แคลเซียม 143 มิลลิกรัม โซเดียม 138 มิลลิกรัม

7. เนยแข็งกูวด้า ( Gouda ) คือ มีแหล่งกำเนิดมาจากเมืองเกาดาในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นชีสชนิดแข็ง (Hard Cheese) สีเหลืองเข้ม รสเค็ม ถ้าหากบ่มนานกลิ่นจะแรง ลักษณะเป็นก้อนแบนกลมเคลือบด้วยไขขี้ผึ้งสีแดงหรือสีเหลือง ให้พลังงาน 110แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ไขมัน 9 กรัม โปรตีน 7 กรัม แคลเซียม 200 มิลลิกรัม โซเดียม 200 มิลลิกรัม

8. บลูชีส ( Blue cheese ) มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ชีสที่มีเนื้อเป็นลวดลายสีฟ้าออกเขียวๆ ส่วนที่เป็นสีที่เกิดขึ้นมานั้นมันเป็นเชื้อรา จึงเป็นชีสที่มีกลิ่นรุนแรงที่สุด และมีรสชาติเค็ม ให้พลังงาน 353 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 2.3 กรัม แคลเซียม 528 มิลลิกรัม โซเดียม 1,395 มิลลิกรัม

9. มาสคาโปนชีส (Mascarpone Cheese) มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี เป็นชีสที่มีความชื้นสูง ละมุนลิ้นละลายในปากรสชาติดี นิยมใช้เป็นวัตถุดิบในเมนูขนมหวาน เช่น ทีรามิสุพาย บานอฟฟี่ ชีสเค้ก ฯลฯ ให้พลังงาน 437 แคลอรี่ ไขมัน 45.9 กรัม  คาร์โบไฮเดรต 1.8 กรัม โปรตีน 7.1 กรัม

10. คอทเทจชีส (Cottage Cheese) มีลักษณะเป็นเม็ดกลมคล้ายเมล็ดข้าวโพดคั่ว มีรสอ่อน มีความอมหวานของนมนิดๆ อาจผลิตจากนมพร่องมันเนยไขมันต่ำ อุดมด้วยโปรตีน และมีโปรไบโอติกที่ดีต่อลำไส้ ไม่ผ่านการหมักหรือการบ่ม นิยมทานกับผลไม้ สลัด หรือของหวาน ให้พลังงาน 98 แคลอรี่ ไขมัน 2.8 กรัม คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม โปรตีน 13 กรัม โซเดียม 364 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 104 มิลลิกรัม แคลเซียม 83 มิลลิกรัม

11. กามองแบร์ชีส (Camembert Cheese)
มีที่มาจากเมืองกามองแบร์ประเทศฝรั่งเศส ผลิตจากน้ำนมวัว มีรสสัมผัสของความครีมมี่ หวานนิดๆ หอม มัน นิยมทานร่วมกับไวน์แดง ขนมปัง ผลไม้ ให้พลังงาน 299 แคลอรี โปรตีน 20 กรัม แคลเซียม 388 มิลลิกรัม โซเดียม 842 มิลลิกรัม

12. พาร์มีซานชีส (Parmesan Cheese)
มีที่มาจากประเทศอิตาลี เป็นชีสแข็งมาก รสชาติออกเค็มมัน จะใช้กระบวนการบ่มยาวนานสูงสุดถึง 3 ปี ทำให้รสชาติยิ่งเข้มข้นมาก ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอาหารอิตาเลียน เช่น พิซซ่า ซีซาร์สลัด สปาเก็ตตี้คาโบนารา ริซอตโต้ เฟซตูชินี่ พลังงาน 420 แคลอรี่ โปรตีน 28.4 กรัม ไขมัน 250 กรัม โซเดียม 1804 มิลลิกรัม แคลเซียม135 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของชีสต่อสุขภาพ

  • ชีสสามารถลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิศของผู้หญิงได้ ควรได้ในปริมาณ 1,500 – 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน อุดมไปด้วยแคลเซียม โปรตีน แมกนีเซียม สังกะสี และวิตามินA วิตามินD
    วิตามินK
  • ชีสสามารถเสริมสร้างสุขภาพฟันรากฟัน ป้องกันฟันผุได้
  • ชีสช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • ชีสอุดมไปด้วยไขมันดีช่วยในการเพิ่มน้ำหนักได้
  • ชีสช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ (ชีสไขมันต่ำและโซเดียมต่ำเท่านั้น)
  • ชีสช่วยให้หลอดเลือดที่แข็งแรง (ชีสไขมันต่ำและโซเดียมต่ำเท่านั้น)
  • ชีสมีประโยชน์ต่อระบบหัวใจ
  • ช่วยให้ผิวเปล่งปรั่ง ลดสิว
  • ชีสช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • ชีสช่วยในการแข็งตัวของเลือด
  • ชีสอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น
  • ชีสมีประโยชน์ช่วยต่อระบบภูมิคุ้มกัน
  • ชีสยังมีคุณสมบัติสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ชีสช่วยกระตุ้นแบคทีเรียดีในลำไส้ที่แข็งแรง
  • ชีสสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ช่วยชดเชยการขาดสารอาหารในระหว่างการให้นม
  • ช่วยบำรุงสมองสามารถลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์

เมนูชีส ทำง่ายๆ

1. ผักโขมอบชีส

ส่วนผสม : ผักโขม หอมใหญ่ 1/2 หัว แฮม ​เนยสด ​นมจืด ​แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4
ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ชีส 5 กรัม

วิธีทําผักโขมอบชีส

  • หันผักโขม หอมใหญ่ แฮม
  • ตั้งกะทะใส่เนยผัดหอมใหญ่ทั้งหมดให้สุก
  • จากนั้นใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปผัดต่อจนแป้งเป็นก้อน
  • ใส่แฮมที่หั่นเตรียมไว้และนมจืดไปลงไปส่วนหนึ่งก่อนผัดต่อไปอีก
  • ใส่ผักโขมและเทนมจืดส่วนที่เหลือลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยป่น และน้ำตาลทราย
  • นำผักโขมที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้วใส่ภาชนะแล้วปิดด้วยชีสแผ่นตามความชอบ นำไปอบจนสุก

2. แซนด์วิชครีมชีส

ส่วนผสม : ขนมปังตัดขอบ 2 แผ่น ชีสเชดด้า 1 แผ่น เนย 1 ก้อนเล็ก

วิธีทําครีมชีส

  • นำขนมปังวางทับด้วยแผ่นชีส แล้วนำอีกแผ่นมาปะกบทับอีกชั้น
  • ตั้งกะทะก้นแบน ใช้ไฟแรงปานกลางนำเนยลงไปทาให้ทั่วกะทะนำขนมปังลงไปทอดจนเป็นสีน้ำตาล
    อ่อนทั้ง 2 ด้าน แล้วหันเป็นสามเหลี่ยมพร้อมเสริฟ

3. ชีสเค้ก

ส่วนผสม : ครีมชีส 150 กรัม วิปครีม 150 มิลลิลิตร ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 75 กรัม

วิธีทำชีสเค้ก

  • ตีครีมชีส น้ำตาลทราย ให้เข้ากัน แล้วตามด้วย ไข่ไก่ ตามด้วยวิปครีม
  • เทใส่ภาชนะไม่ต้องใส่จนเต็ม แล้วไล่ฟองอากาศออกจนหมด
  • ตั้งเวลาอบไว้ 33 นาที ด้วยความร้อน 200 องศา ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 5 นาที จัดจานพร้อมเสริฟ

4. ชีสบอล

ส่วนผสม : มอสซาเรลาชีส 150 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง เกล็ดขนมปัง 2 ถ้วย

วิธีทำชีสบอล

  • นำมอสซาเรลล่าชีสแบบขูดมาปั้นเป็นก้อนกลม ประมาณ 15 กรัม ปั้นบีบให้แน่นชีสจะได้ไม่แตกออก ปั้นชีสไว้ทั้งหมด
  • นำชีสชุบแป้งสาลี ชุบไข่ไก่ เกล็ดขนมปัง ทำซ้ำประมาณ 3-4 รอบ ทำจนหมดทุกก้อน
  • ตั้งน้ำมันให้พอร้อน ใส่ชีสบอลลงไปทอดจะเกล็ดขนมปังสุกสีเหลืองทอง สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมกับซอสมะเขือเทศและมายองเนส

5. เฟรนฟรายชีส

ส่วนผสมซอสดิปชีส : ผงดิปชีส 50 กรัม น้ำสะอาด 150 มิลลิกรัม
ส่วนผสมเฟรนช์ฟรายส์ชีส : เฟรนช์ฟรายส์แช่แข็ง 500 กรัม ผงปรุงรสชีส 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1.5 ลิตร เชดด้าชีส 7 แผ่น นมจืด 120 กรัม เนย 1 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนชา มอสซาเรลล่าชีสขูด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทําเฟรนฟรายชีส

  • ทำชีสซอสโดยการละลายเนยในหม้อ ใส่แป้งลงไปผัดจนแป้งสุก ตามด้วยนมจืดค่อยๆ ใส่ รอนมเดือดตามด้วยเชดด้าชีสแผ่น คนให้ละลายปิดไฟพักไว้
  • นำเฟรนช์ฟรายส์ลงทอดจนสุก สะเด็ดน้ำมันพักไว้
  • โรยผงปรุงรสชีสคลุกให้ทั่วเฟรนช์ฟรายส์ เทใส่จานราดด้วยชีสซอสหรือจะใส่ถ้วยไว้จิ้มก็ได้ โรยมอสซาเรลล่าขูด แล้วเบิร์นให้ชีสละลาย (จะไม่ทำขั้นตอนนี้ก็ได้) พร้อมเสิร์ฟ

6. ต๊อกโบกี ชีส

ส่วนผสม : แป้งต๊อก 100 กรัม ปูอัด 30 กรัม ลูกชิ้นเนื้อ 30 กรัม เต้าหูขาว 20 กรัม หอมหัวใหญ่ซอย 15 กรัม ชีสมอสซาเรลลาขูด 150 กรัม กิมจิ 100 กรัม ซอสโคชูจัง 3 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร

วิธีทําต๊อกโบกีชีส

  • ตั้งกะทะใช้ไฟปานกลาง เทน้ำเปล่าลงไปรอให้น้ำเดือดเล็กน้อย
  • ใส่แป้งต๊อก ปูอัด ลูกชิ้นเนื้อ กิมจิ เต้าหู้ขาว หอมหัวใหญ่ซอย ซอสโคชูจัง แล้วคนให้เข้ากัน ต้มจนแป้งต๊อกนิ่มเทน้ำออกเล็กน้อย
  • ตั้งไฟกลางตักส่วนผสมทั้งหมดใส่ในกะทะร้อน โรยชีสมอสซาเรลลาขูดลงไปแล้วรอจนชีสละลายหมด
  • ใช้ไฟพ่นหน้าชีสเพิ่มความหอม และสีสันที่น่ากิน

7. มันบดอบชีส

ส่วนผสม : มันฝรั่ง 3 หัวเนยเค็ม 1/2 ก้อน แฮมหรือเบคอน 1 ห่อ มอสซาเรล่าชีส 1/4 ก้อน พริกไทย 1-2 ช้อนชาเกลือ 1/2 ช้อนชา ออริกาโน่ 1-2 ช้อนชา

วิธีทํามันบดอบชีส

  • ต้มมันฝรั่งในน้ำผสมน้ำเกลือประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วปอกเปลือกออก ใช้ช้อนบดมันฝรั่งให้ละเอียด
  • เวฟเนยให้ละลาย แล้วเทลงในมันฝรั่งคนให้เข้ากัน
  • ใส่แฮมหรือเบคอนปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และออริกาโน่ หลังจากนั้นโรยด้วยมอสซาเรล่าชีส
  • อบต่อด้วย 180 องศา เป็นเวลา 10 นาที ตั้งทิ้งไว้ 5 นาทีจัดจานพร้อมเสริฟ

ผลข้างเคียงสำหรับแพ้นม แพ้แลคโตส

สำหรับคนที่แพ้นม แพ้แลคโตส ควรหลีกเลี่ยงการกินชีสอาจก่อให้เกิดอาการท้องผูก ปวดหัว ผดผื่นคัน
แสบร้อนทั่วร่างกาย

การซื้อชีสประเภทต่าง ๆ มารับประทานเองในคนปกติส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
หลอดเลือด หรือโรคอ้วนคำแนะนำควรเลือกชีสที่มีโซเดียม ไขมันต่ำ และรับประทานในปริมาณที่เหมาะ
สมเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม