โยเกิร์ตดีต่อคนรักสุขภาพ
โยเกิร์ต ( Yogurt ) หนึ่งในอาหารที่ได้จากน้ำนมถูกนำมาหมักด้วยวิธีธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อระบบลำไส้ ช่วยให้ขับถ่าย และช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

โยเกิร์ต

โยเกิร์ต ( Yogurt ) เป็น หนึ่งในอาหารที่ได้จากน้ำนมถูกนำมาหมักด้วยวิธีธรรมชาติหรือที่เรารู้จักกันว่าโยเกิร์ตนั่นเอง ในโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่มีชีวิตอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสารอาหารมากมาย เช่น โปรตีน แคลเซียม วิตามิน และโปรไบโอติกสามารถเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายดี ช่วยป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน และช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบันโยเกิร์ตกลายเป็นกระแสนิยมในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก นักกีฬาเป็นต้น

คุณค่าทางโภชนาการของโยเกิร์ต 100 กรัม

โยเกิร์ต 100 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 59 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหาร
ไขมัน 0.4 กรัม
คลอเรสเตอรอล 5 มิลลิกรัม
โซเดียม 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 141 มิลลิกรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.6 กรัม
น้ำตาล 3.2 กรัม
โปรตีน 10.2 กรัม
วิตามินบี 6 3 เปอร์เซ็นต์
วิตามินบี 12 13 เปอร์เซ็นต์
แมกนีเซียม 3 เปอร์เซ็นต์
โรไบพลาวิน 16 เปอร์เซ็นต์
สังกะสี 3 เปอร์เซ็นต์
ไทอามิน 2 เปอร์เซ็นต์
ไนอาซิน 1 เปอร์เซ็นต์
ฟอสฟอรัส 14 เปอร์เซ็นต์

ประโยชน์ของโยเกิร์ต

โยเกิร์ตอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญมีแคลเซียม แร่ธาตุ และวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพรวมถึง

  • ช่วยลดน้ำหนัก
  • ช่วยลดอาการภูมิแพ้
  • ช่วยป้องกันโรคไข้หวัด
  • ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • ช่วยลดความอยากอาหาร
  • ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
  • ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
  • ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในลำไส้
  • ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร
  • ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  • ช่วยป้องกันเหงือกและฟันให้แข็งแรง
  • ช่วยลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง
  • ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2
  • ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
  • ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

เมนูลดน้ำหนักด้วยโยเกิร์ต

1. โยเกิร์ตธัญพืช
2. สมูทตี้กีวีโยเกิร์ต
3. เมล็ดเจียโยเกิร์ต
4. อโวคาโดโยเกิร์ต
5. สลัดโยเกิร์ตผลไม้รวม

วิธีทำโยเกิร์ต

ส่วนผสม โยเกิร์ต
• นมสด 3.8 ลิตร (สามารถใส่นมผงเพิ่มโปรตีนได้ค่ะ)
• กรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย

ขั้นตอนการทำโยเกิร์ต
1. เทนมสดลงในหม้อ ใส่นมผงตามลงไป ใช้ไฟอ่อนต้มจนเดือด ปิดไฟ
2. พอส่วนผสมนมอุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 95-115 องศาเซลเซียส
3. ตักส่วนผสม ( ผลไม้หรือธัญพืชตามชอบ ) เล็กน้อยลงไปคนผสมกับกรีกโยเกิร์ตให้เข้ากัน
4. เทกลับลงไปคนผสมให้เข้ากันแล้วตักใส่ภาชนะ แช่ตู้เย็นก่อนเสิร์ฟ

โยเกิร์ตไม่เหมาะสำหรับใครบ้าง

  • การแพ้แลคโตส เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดแลคเตสเอนไซม์ที่จำเป็นในการย่อยแลคโตสซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบ
    ในนมอาจมีอาการ เช่น ปวดท้อง ท้องเสียหลังจากบริโภคผลิตภัณฑ์นม ดังนั้นผู้ที่แพ้แลคโตสอาจต้องหลีก
    เลี่ยงการรับประทานโยเกิร์ต
  • การแพ้นม นมประกอบด้วยเคซีนซึ่งเป็นโปรตีนที่บางคนแพ้ ซึ่งนมอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยา เช่น เป็นลมพิษ คันบวมแดง ไปจนถึงภูมิแพ้ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

เลือกโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพ แคลอรี่ เหมาะสำหรับลดน้ำหนัก

  • โยเกิร์ตดัชชี่ ไขมัน 0% ให้พลังงาน 80 แคลอรี่
  • โยเกิร์ตเมจิ ไขมัน 0% รสธรรมชาติ ให้พลังงาน 70 แคลอรี่
  • โฟร์โมสต์โยเกิร์ต ไขมันต่ำ ให้พลังงาน 110 แคลอรี่
  • โยเกิร์ตโยลิดา รสธรรมชาติ ให้พลังงาน 70 แคลอรี
  • โยเกิร์ตดัชชี่ 0% Fat รสธรรมชาติ ให้พลังงาน 80 แคลลอรี่
  • โยเกิร์ตริชเชส Fiber รสธรรมชาติ ให้พลังงาน 80 แคลลอรี่
  • โยเกิร์ตเมจิบัลแกเรีย รสธรรมชาติ ให้พลังงาน 60 แคลลอรี่
  • โยเกิร์ตปาร์ตี้แดรี่ไลท์ ไขมัน 0% รสธรรมชาติ ให้พลังงาน 60 แคลอรี่
  • บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิก โยเกิร์ต ให้พลังงาน 60 แคลอรี่

การศึกษาพบว่าผู้หญิงที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำจะมีสุขภาพช่องคลอดดีช่วยป้องกันการผลิตแคนดิดาเป็นเชื้อ
ราชนิดหนึ่ง และลดการอักเสบในช่องคลอดได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการออกกำลังลดพุง ลดหน้าท้อง ลดไขมัน ลดน้ำหนัก และนักกีฬา อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่แพ้นม แพ้แลคโตสควรระมัดระวังการกินเกิร์ตอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้เช่นเดียวกัน

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม