จะไม่เป็นมะเร็ง ต้องอยู่กับเพื่อนที่ไหวตัวทัน
จะไม่เป็นมะเร็ง ต้องอยู่กับเพื่อนที่ไหวตัวทัน
ชีวิตประจำวันของคุณเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็ง หรือเปล่าคะ ? คุณลองมองไปรอบตัวของคุณดูสิว่ามีอะไรบ้างไหมที่เป็นคุณคิดว่าทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ดิฉันเชื่อว่าเวลาที่เรามองไปรอบตัวเราจะเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เราเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งอยู่หลายอย่างมาก ทั้งอาหารที่เราต้องกิน ทั้งมลพิษจากควันรถ ทั้งความเครียดจากการทำงาน ทุกสิ่งล้วนแต่สร้างความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทั้งสิ้น เราทุกคนล้วนเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งแต่ความเสี่ยงของแต่ละคนนั้นจะมีเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงย่อมขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของแต่ละคน การเตรียมความพร้อมนั้นเป็นสิ่งที่ทำง่ายกว่าการรักษามากนัก เพราะว่าการเตรียมตัวเราก็แค่เลือกกิน เลือกใช้ชีวิตให้มีคุณภาพไม่ต้องทนกับการเจ็บปวดเหมือนกับการรักษา คุณมีการเตรียมตัวที่จะป้องกันมะเร็งมากน้อยแค่ไหน
>> คนยุคใหม่ ทำอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
คนบางคนอยากรู้เกี่ยวกับ มะเร็ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะความรู้ได้ที่ไหน คนบางคนไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับมะเร็งแม้แต่น้อยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว คนบางคนรู้เกี่ยวถึงความร้ายแรงของมะเร็งและไม่อยากเป็นมะเร็งแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีถึงชีวิตจะไม่มีมะเร็งเข้ามา สำหรับดิฉันคิดว่าการป้องกันเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับมะเร็งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะว่าการป้องกันนั้นจะทำให้เราไม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งในอนาคต ดิฉันเชื่อว่าทุกคนที่รู้จักมะเร็งย่อมไม่อยากเป็นมะเร็งกันทั้งนั้น สำหรับคนที่ไม่อยากเป็นมะเร็ง ดิฉันคิดว่าการที่เรารู้เท่าทันและป้องกันมะเร็งนี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลยนะคะ การป่วยเป็นมะเร็งไม่เคยสร้างความสุขให้กับใครหรอกค่ะ การป่วยเป็นมะเร็งมีแต่สร้างความทุกข์ระทมให้กับตัวเองและคนรอบข้าง อย่างตอนที่ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งนั้น นอกจากดิฉันที่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดจากรักษามะเร็งและการรักษา มะเร็ง แล้ว ยังต้องทนกับความเหงา ความคิดถึงอย่างหนัก บางคืนคิดถึงลูกจนนอนน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ คนเดียวก็เคยมาแล้ว คนในครอบครัวของดิฉันก็ไม่ต่างกัน ทุกคนต้องทุกข์ด้วยความเป็นห่วงและความคิดถึงเช่นเดียวกัน ยามที่ดิฉันต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้คีโม พ่อ แม่และสามีก็เป็นห่วงเป็นใยคอยสอบถามอาการของดิฉันอยู่ตลอด พวกเขาจะถามดิฉันทุกวันทั้งวันที่อยู่ด้วยกันที่บ้านและวันที่ดิฉันต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้คีโมว่า คุณ...เป็นยังไงบ้าง คุณ...เจ็บมากไหม คุณ...เวียนหัวอยู่หรือป่าว คุณ...วันนี้ดีขึ้นหรือยัง ส่วนลูกๆ ยามที่แม่ต้องนอนโรงพยาบาล พอตกกลางคืนก็ร้องไห้หาแม่ด้วยความคิดถึง พวกเขายังเล็กนักไม่เข้าใจว่าแม่ต้องไปนอนที่อื่น ทำไมแม่ไม่อยู่บ้านนอนกับเค้า พ่อต้องคอยปลอบว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว แม่ไปรักษาตัวให้หายก่อน แม่รักษาตัวหายแล้วแม่จะได้กลับมาอยู่กับหนูนานๆ ไงคะ แม่รักษาตัวแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว ได้ยินเสียงลูกเรียกแม่จ๋า แม่อยู่ไหน หนูคิดถึงแม่ ดิฉันต้องฝืนไม่ให้ร้องไห้พร้อมพูดและยิ้มกับลูกว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับบ้านแล้ว หนูต้องเป็นเด็กดีกับคุณพ่อนะคะ คิดถึงช่วงเวลานั้นทีไร น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาทุกที
ดิฉันเชื่อว่าการไม่เป็น มะเร็ง นั้นดีที่สุดในชีวิตของทุกคนเพราะการเป็นมะเร็งช่างเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด การที่คุณจะไม่เป็นมะเร็งได้นั้น นอกจากตัวคุณที่ต้องรู้จักป้องกันตัวเองจากมะเร็งแล้ว การที่คุณมีเพื่อนที่ไหวตัวทันต่อมะเร็งเป็นเพื่อนที่คอยเตือนคุณอยู่ตลอดว่าสิ่งนี้ไม่ดีนะ สิ่งนั้นไม่ดีนะ สิ่งที่ทำอยู่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งนะ รวมถึงคอยแนะนำถึงวิธีการป้องกันมะเร็งอย่างถูกต้องให้กับคุณแล้วย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิตของคุณมาก เพราะเพื่อนแบบนี้จะนำชีวิตที่ปราศจากความทุกข์จากมะเร็งมาให้คุณ
ปัจจุบันนี้ดิฉันเชื่อว่ามีคนที่รักสุขภาพเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ดิฉันเชื่อว่าคนรักสุขภาพทุกคนเตรียมพร้อมป้องกัน มะเร็ง กันเป็นอย่างดี การเตรียมความพร้อมที่มีให้กับตัวเองและคนอื่นๆ อย่างไม่หวังผลตอบแทน การที่ทุกคนทำเช่นนั้นก็หวังเพียงว่าคนที่ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจะได้หมดไปจากโลกนี้เสียที วันนี้คุณมีเพื่อนที่ไหวตัวทันต่อมะเร็งหรือยังค่ะ เพื่อนที่พาเราไปสู่อนาคตที่ไม่มีโรคมะเร็งเข้ามาในชีวิต
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ร่วมกับ AmProHealth ชุมชนห่างไกล โรคมะเร็ง
ร่วมกับ AmProHealth ชุมชนห่างไกล โรคมะเร็ง
ดิฉันเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักมะเร็งกัน รู้ว่ามะเร็งเป็นโรคที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยไปมากมายเหลือเกิน ปัจจุบันนี้จำนวนคนที่ป่วยเป็นมะเร็งก็ยังไม่มีทีท่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย ดิฉันกลับพบว่ามีคนที่ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยเพราะการสูญเสียไม่ว่าด้วยเหตุใดล้วนแต่นำความเสียใจมาทั้งนั้น ดิฉันมีความหวังและความตั้งใจที่จะช่วยให้ผู้ป่วยและผู้ที่เสียชีวิตจากมะเร็งนั้นลดลง เช่นเดียวกับ AmProHealth ที่มีความตั้งใจที่จะเห็นคนไทยทุกคนห่างไกลจาก โรคมะเร็ง ทุกชนิด >> คนยุคใหม่ ทำอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
หลังจากที่ดิฉันหายป่วยจาก โรคมะเร็ง แล้ว ดิฉันยังต้องไปพบคุณหมอเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มะเร็งเต้านมภายในตัวดิฉันกลับมาอีก ทุกครั้งที่ดิฉันไปโรงพยาบาลดิฉันจะพบกับคนป่วยเป็นมะเร็งเข้ามารับการตรวจเพิ่มขึ้นทุกครั้ง มีทั้งคนที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นครั้งแรก คนที่เข้ามารับการรักษาโรคมะเร็งและคนที่มาตรวจเฝ้าระวังเช่นเดียวกับดิฉัน สิ่งที่เห็นจากคนเหล่านั้นก็คือความทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งความเจ็บปวดจากการรักษามะเร็งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ความกังวลใจและความกลัวที่แฝงอยู่ในดวงตาของคนป่วยทุกคน ถ้าทุกคนเลือกได้ทุกคนคงเลือกที่จะไม่ป่วยเป็นมะเร็งกัน ดิฉันเองถึงจะป่วยเป็นมะเร็งแต่ก็โชคดีที่รักษาตัวจนหายได้ การที่ดิฉันสามารถรักษาตัวจนหายจากมะเร็งได้ นอกจากำลังใจของตัวเองและการรักษาจากคุณหมอแล้ว ดิฉันโชคดีที่ได้รู้จักกับ AmProHealth ทำไมนะหรือคะ? เพราะว่าตอนที่ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งจนกระทั่งรักษาตัวจนหายก็ได้รับความรู้จากเกี่ยวกับมะเร็งจากที่นี่เป็นอย่างดี AmProHealth เป็นชุมชนที่ช่วยให้ทุกคนห่างไกลโรคมะเร็ง ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งทุกอย่าง ทั้งการป้องกันตัวเองให้ห่างจากโรคมะเร็ง ทั้งการดูแลตัวเองขณะที่รักษาตัวและการดูแลตัวเองป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาอีก นอกจากที่คุณหมอบอกแล้วดิฉันก็ได้รับความรู้จากที่นี่เพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อดิฉันนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติจริงๆ ช่วยให้ดิฉันฟื้นตัวเร็วขึ้นและผลการรักษาก็เป็นผลที่น่าพอใจ คุณหมอเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมดิฉันฟื้นตัวได้เร็วนักและยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเป็นอย่างดี บางครั้งคุณหมออธิบายนิดหน่อยดิฉันก็ทำตามได้อย่างถูกต้องทำให้สามารถรักษามะเร็งให้หายได้ในระยะเวลาอันสั้น ดิฉันรู้สึกเสียดายเหลือเกินที่ไม่ได้รู้จักกับที่นี่ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง ถ้าดิฉันรู้จักที่นี่ก่อนดิฉันคงไม่ต้องเป็นมะเร็งแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อคุณเข้ามาใน AmProHealth คุณจะได้รับความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง ทั้งชนิดของมะเร็ง สาเหตุของมะเร็ง การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งร้าย การกินอาหารที่มีประโยชน์ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง การออกกำลังกายที่ถูกวิธีเพื่อป้องกัน โรคมะเร็ง รวมถึงเทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัยที่ AmProHealth นำมาอัพเดทให้เราได้รู้กันตลอด โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจหาความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะการตรวจหาความเสี่ยงการเกิดมะเร็งนั้น ทำให้เรารู้ตัวและเตรียมตัวป้องกันมะเร็งได้อย่างตรงจุด และทำให้เรามีโอกาสที่จะไม่เป็นมะเร็งสูงมากด้วย
ชุมชน AmProHealth เป็นชุมชนที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เมืองไทยปราศจาก โรคมะเร็ง ชุมชนนี้มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับมะเร็ง รวมถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคร้ายทุกชนิดด้วย ในเมื่อคุณมีของดีแบบนี้อยู่ใกล้มือแล้ว ดิฉันหวังว่าคุณจะมาร่วมกับ AmProHealth ร่วมกันสร้างชุมชนห่างไกลโรคมะเร็ง ดิฉันเข้ามาอยู่ในชุมชนห่างไกลมะเร็งแล้ว แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะห่างไกลมะเร็งแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วเข้ามาอยู่ในชุมชน AmProHealth ด้วยกันสิค่ะ เข้ามาอยู่ในชุมชนห่างไกลมะเร็งด้วยกันกับเรา
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
พวกเราจะไม่เป็นมะเร็ง หรือ จะมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
พวกเราจะไม่เป็นมะเร็ง หรือ จะมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
ความประมาทเป็นหนทางแห่งความวิบัติ ความประมาททำให้คนเสียชีวิตมานักต่อนักแล้ว บนท้องถนน ถ้าเราข้ามถนนด้วยความประมาทไม่มีสติไม่ดูรถให้ดีก่อนที่จะข้ามถนนเราอาจโดนรถชน เวลาที่เราขับรถถ้าเราขับรถด้วยความประมาทอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บหรือแม้แต่เสียชีวิตได้ การใช้ชีวิตประจำวันก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างประมาทไม่มีสติอาจทำให้ป่วยเป็น มะเร็ง ได้เช่นกัน ยิ่งเราใช้ชีวิตประมาทมากแค่ไหนเราก็มี ความเสี่ยง ในการเป็นมะเร็งมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับดิฉันที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทมาเกือบ 30 ปีจนต้องป่วยเป็นมะเร็งไงคะ แม้ว่าไม่อยากป่วยเป็นมะเร็งสักเท่าใดแต่ก็เพราะความประมาทเผลอเรอของตัวเองที่ทำให้ป่วยเป็นมะเร็ง แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ประมาทจนเป็นมะเร็งจะดีแค่ไหนกันนะ แล้วการใช้ชีวิตอย่างมีสติที่ทำให้ไม่เป็นมะเร็งนี่ต้องทำยังไงกันนะ
>> คนยุคใหม่ ทำอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
การใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือ การที่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในทุกอิริยาบท รู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้มีผลทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็ง หรือไม่ เมื่อรู้เท่าทันว่ามี ความเสี่ยง ก็ควรที่จะหยุดการกระทำนั้นเสีย แต่ถ้าการกระทำนั้นไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งก็ทำได้ เช่น ตอนที่เรากินเราก็ต้องรู้ว่าอาหารที่เรากินอยู่นี้มีสารก่อมะเร็งหรือเปล่า ถ้าอาหารนั้นมีสารก่อมะเร็งหรือเป็นอาหารที่ทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ถ้าเรามีสติเราก็จะไม่กินแม้ว่าอาหารนั้นจะอร่อยสักแค่ไหน แต่ถ้าเรากินไปแล้วมันจะทำให้เราเสี่ยงเป็นมะเร็งมากขึ้น เราก็ไม่ควรกินอาหารนี้เข้าไป หรือว่าเราอยากไปเที่ยว เราก็ต้องดูว่าสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมหรือไม่ ในที่เที่ยวนั้นมีควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งให้เราสูดดมหรือเปล่า ถ้าสถานที่นั้นมีสารก่อมะเร็งอย่างควันบุหรี่อยู่ ถ้าเรามีสติเราก็ไม่ควรไปเที่ยวสถานที่แบบนั้น แต่ถ้าสถานที่เที่ยวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติมีอากาศบริสุทธิ์ให้เราสูดดม มีต้นไม้เขียวขจีที่ดูแล้วสบายใจสถานที่แบบนี้สิที่เราควรไปเที่ยว เป็นต้น ถ้าเรามีสติในการใช้ชีวิต รู้จักใช้ชีวิตให้มีคุณค่าไม่ประมาท รู้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดีต่อร่างกาย ไม่นำสิ่งหรือสารก่อมะเร็งเข้ามาในร่างกาย ย่อมทำให้ชีวิตมีความสุข การใช้ชีวิตอย่างมีสติจะทำให้ชีวิตเรามีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งน้อย บางทีเราจะไม่มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเลยก็ได้ ดิฉันเชื่อว่าพวกเราทุกคนคงมีชีวิตที่มีความสุขมากทีเดียวว่ามั้ยคะ? ถ้าไม่ต้องคอยกังวลว่าเราจะเป็นมะเร็งไหม เราจะเป็นมะเร็งเมื่อไหร่นะ เราจะตายเพราะมะเร็งหรือป่าว ดิฉันว่าชีวิตแบบนั้นคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยค่ะ ชีวิตแบบที่ดิฉันไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วในชีวิตนี้ ทำไมนะหรือคะ? ก็เพราะว่าการที่ดิฉันเคยเป็น มะเร็ง มาแล้ว คุณหมอบอกว่าดิฉันมี ความเสี่ยง ที่จะกลับมาเป็นมะเร็งได้มากกว่าคนที่ไม่เคยเป็นหลายเท่านัก ด้วยคำพูดนี้ของคุณหมอทำให้ดิฉันใส่ใจตัวเองมากขึ้นใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่เคยประมาทเลยแม้แต่น้อย สิ่งใดที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งดิฉันล้วนละเว้นทั้งหมด ไม่เคยที่จะเผลอไปกับสิ่งยั่วยุของสารก่อมะเร็งที่ผ่านเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ถามว่าดิฉันสู้ไหม? คำตอบคือดิฉันพร้อมสู้กับมะเร็งอยู่แล้วค่ะ ดิฉันกลัวไหมกับการกลับไปเป็นมะเร็งอีก? คำตอบคือไม่กลัว ดิฉันไม่เคยกลัวมะเร็งที่อาจจะกลับเข้ามาอีก แต่ว่าส่วนลึกของใจก็ยังมีความกังวลเล็กๆ อยู่บ้างว่ามะเร็งจะกลับมาไหมนะ แต่ด้วยกำลังใจและการใช้ชีวิตอย่างมีสติของดิฉัน ดิฉันเชื่อว่าดิฉันมีความเสี่ยงที่จะกลับไปเป็นน้อยมากหรือบางทีดิฉันอาจจะไม่กลับไปเป็นมะเร็งอีกก็ได้นะ ดิฉันก็เชื่อว่าถ้าพวกคุณทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติเหมือนกับที่ดิฉันใช้อยู่ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทต่อมะเร็งรับรองว่าพวกคุณไม่เป็นมะเร็งแน่นอนค่ะ
การเป็น มะเร็ง ไม่ใช่สิ่งสวยงามที่น่าจดจำในชีวิตแม้แต่น้อย สำหรับทุกคนรวมถึงตัวดิฉันด้วย แม้ว่าเมื่อผ่านการเป็นมะเร็งมาดิฉันได้รับประสบการณ์ชีวิตอันแสนมีค่ามากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเลือกได้ดิฉันขอไม่ป่วยเป็นมะเร็งและไม่มีประสบการณ์นี้จะดีกว่าค่ะ ดิฉันหวังว่าพวกคุณจะใช้ชีวิตอย่างมีสติกันนะคะ เพราะการใช้ชีวิตอย่างมีสติพวกคุณจะพบแต่ความสุข จิตใจจะผ่องใส หน้าตาสดชื่น ผิวพรรณผุดผ่อง ร่างกายแข็งแรงปลอดภัยจากโรคมะเร็ง แล้วแบบนี้จะรออะไรกันอยู่ค่ะ เรามาใช้ชีวิตอย่างมีสติกันดีกว่าเพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นมะเร็ง ดิฉันเริ่มแล้ว แล้วคุณล่ะเริ่มใช้ชีวิตอย่างมีสติแล้วหรือยัง?
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
โรคมะเร็งไม่ถามหา พวกเราล้วนออกห่างจากมะเร็ง
โรคมะเร็งไม่ถามหา พวกเราล้วนออกห่างจากมะเร็ง
ทำไมช่วงนี้มีแต่ข่าวขอรับบริจาคให้กับโรงพยาบาลนะ? ดิฉันดูข่าวที่ไรก็เห็นแต่ข่าวโรงพยาบาลต้องการรับบริจาคเงินเพื่อสร้างอาคารผู้ป่วยเพิ่ม ต้องการเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่ม มีการจัดกิจกรรมเพื่อรับบริจาคเงินเข้าโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ทำไมโรงพยาบาลถึงยังไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วยกันนะ ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลในประเทศไทยเรานี่ก็มีตั้งมากตั้งมาย มาคิดๆ ดูแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะตัวดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลก็เนื่องมาจากการไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองนั่นเองนั่นแหละค่ะ บางคนเป็นพวกบ้าวัตถุนิยมค่ะ ชีวิตต้องมีบ้านหลังใหญ่ ต้องมีรถโก้ๆ ต้องกินอาหารตามร้านหรูๆ เป็นหน้าเป็นตาเอาไว้อวดคนอื่น วันวันก็เลยต้องจมอยู่กับการทำงานเพื่อหาเงินมาปรนเปรอความต้องการของตัวเอง ชีวิตมีแต่ความเครียดจากการทำงานและเครียดกับความอยากได้อยากมี กินแต่อาหารจานด่วนเพราะความสะดวกรวดเร็ว อาหารที่กินเข้าไปก็มีแต่น้ำมัน ไขมัน แป้ง เนื้อสัตว์ บางทีอาทิตย์หนึ่งยังไม่เคยกินผักผลไม้เลยสักคำ เรื่องออกกำลังกายนี่อย่าหวังเลยค่ะ ออกกำลังกายทำไมกันแค่ทำงานทุกวันนี่ก็เหนื่อยหลือเกินแล้ว ร่างกายต้องการพักผ่อนมากกว่าจะให้ไปออกกำลังกายให้เหนื่อยอีกทำไมกันอีก การพักผ่อนที่ว่านี่คือการกิน การนอน การไปเที่ยวดื่มเหล้า สูบบุหรี่กับเพื่อน การใช้ชีวิตแบบที่ไม่ดูแลสุขภาพต่อเนื่องเป็นเวลานานร่างกายจะค่อยๆ อ่อนแอลง จนวันหนึ่งร่างกายทนไม่ไหวเกิดล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งโรคที่เป็นกันมากจากการไม่ดูแลตัวเองและการใช้ชีวิตแบบนี้ก็คือโรค มะเร็ง นั่นเอง
>> ต้องอยู่อย่างไร ถึงจะไม่เป็นมะเร็ง
>> คนยุคใหม่ ทำอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
แต่ปัจจุบันนี้ดิฉันเห็นทุกคนตื่นตัวเรื่องการออกกำลังกายกันมากขึ้น คนทำงานมีการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพมากขึ้น มีการแบ่งเวลามาออกกำลังกาย อย่างตอนเช้าหรือตอนเย็นตามสวนสาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มีคนไปออกกำลังกายกันเต็มไปหมดเลยค่ะ ยิ่งตอนเย็นๆ นี่คนยิ่งมากเพราะเลิกงานแล้วแทนที่จะไปเที่ยวหรือไปหาอาหารตามร้านกินกันก็หันมาออกกำลังกาย บางคนมากันเป็นคู่ บางคนมาเป็นครอบครัวใหญ่มีคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายและลูกหลานตัวเล็ก มาวิ่งเล่นส่งเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณสนามเด็กเล่น แบบนี้รับรองว่าสุขทั้งกายสุขทั้งใจกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ และทางหน่วยงานต่างๆ ก็มีการส่งเสริมเกี่ยวกับการออกกำลังกายมากขึ้น มีการจัดอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่มาช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้องให้กับทคนทั่วไป อย่างที่หมู่บ้านของดิฉันนี่มีการติดตั้งเครื่องออกกำลังกายเพิ่มให้ชาวบ้านได้ไปเล่นกันอย่างทั่วถึงและมีการจัดครูสอนเต้นแอโรบิกมาสอนเต้นให้ทุกเย็นที่ลานกิจกรรมหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลด้วยนะ ตอนเย็นดิฉันยังไปเต้นด้วยเกือบทุกวันเลยนะคะ นึกย้อนกลับไปก่อนที่ดิฉันจะเป็น มะเร็ง นะ กิจกรรมพวกนี้ไม่มีหรอกค่ะ แค่สนามที่จะไปวิ่งยังไม่มีเลย ถ้าอยากวิ่งก็ต้องไปวิ่งตามสนามฟุตบอลในโรงเรียนใกล้ๆ บ้านเอา แต่ก็อย่างว่านะคะสมัยนั้นกับสมัยนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว ยุคนี้เป็นยุคแห่งสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก นอกจากการออกกำลังกายแล้วเราก็ยังหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินกันมากขึ้น มีการรณรงค์เลิกใช้สารเคมีฆ่าแมลงในปลูกผักผลไม้ มีการปลูกผักผลไม้อินทรีย์ที่ปลอดสารพิษตกค้างทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่มีคุณภาพ เมื่อออกกำลังกายสม่ำเสมอประกอบกับการกินอาหารที่มีคุณภาพร่างกายก็แข็งแรงมีภูมิต้านทานโรค ดิฉันเองถึงจะเคยเป็นมะเร็งมาแล้ว เชื่อมั้ยว่าตอนนี้ดิฉันมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าแต่ก่อนอีกนะคะ เพราะการที่เราใส่ใจเรื่องการกินและออกกำลังกายเป็นประจำอยู่ตลอด ทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์มีภูมิต้าทานโรคสูง แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตของเราออกห่างจากมะเร็งไปไกลแล้วค่ะ
ดิฉันเชื่อว่าถ้าทุกคนเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้เป็นคนที่รักสุขภาพของตนเองเหมือนที่ดิฉันเปลี่ยน เปลี่ยนมาเป็นคนที่รู้จักรักตัวเอง ด้วยใช้ชีวิตอย่างเห็นความสำคัญของร่างกายมากกว่าสิ่งของรอบตัว เชื่อมั้ยคะ ว่าเวลาที่เราเสียชีวิตนี่แม้แต่เงินบาทเดียวเราก็เอาติดตัวไปไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อเราเห็นความสำคัญและให้เวลาในการดูแลร่างกายของเราเป็นอย่างดีแล้ว ร่างกายของเราก็จะตอบแทนเราโดยการที่จะไม่ยอมให้เจ้ามะเร็งมันแอบย่องเข้ามาในร่างกาย แบบนี้โรคมะเร็งคงไม่กล้าถามหาเราหรอกค่ะ แค่นี้เราก็ออกห่างจากมะเร็งได้แล้ว ดิฉันเลือกที่จะอยู่ห่างจาก มะเร็ง แล้วคุณเลือกหรือยังค่ะว่าคุณอยากอยู่ใกล้ชิดหรือห่างไกลจากมะเร็ง?
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
คุณยังมีโอกาส และ ไม่เป็นมะเร็ง
คุณยังมีโอกาส และ ไม่เป็นมะเร็ง
คุณลองคิดดูสิว่าถ้าคุณ ไม่เป็นมะเร็ง มันจะดีมากแค่ไหน? ประเทศไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน ในแต่ละปีเราต้องสูญเสียประชากรส่วนหนึ่งไปด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งตอนนี้มะเร็งนี่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้มีคนเสียชีวิตมากที่สุด แซงการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุแบบขาดลอยเลยนะ และในแต่ละปีเรายังพบผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ทั่วโลกก็พบปัญหาเดียวกับประเทศไทยคือมีคนตายและป่วยจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั่วโลกและประเทศไทยหันมาตระหนักถึงความสำคัญของโรคมะเร็ง มีการบอกถึงวิธีป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง มีการคิดค้นและผลิตฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งและจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีให้ประชาชนทั่วไปฟรีต่อเนื่องทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ซึ่งการตรวจคัดกรองนี้เพื่อหาคนที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งว่าเป็นมะเร็งแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จะให้คำแนะนำถึงวิธีป้องกันมะเร็งอย่างได้ผล แบบนี้คุณก็มีโอกาสที่จะไม่เป็นมะเร็งกันแล้วนะ
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
>> คนยุคใหม่ ห่างไกลมะเร็งได้
สำหรับดิฉันที่เคยป่วยเป็น มะเร็ง มาแล้วรับรู้ดีถึงความทุกข์และทรมานจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งว่าเป็นยังไงมาแล้ว ถึงแม้ว่าดิฉันจะเป็นคนที่มีกำลังใจดี มีการเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็ง แต่บางขั้นตอนในการรักษาก็สร้างความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากการให้คีโมนี่ ดิฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ เวียนหัว อาเจียน ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ต้องขอบอกว่าเคยท้อไปหลายหนเหมือนกันนะคะ ท้อถึงขนาดคิดว่าถ้าเราตายไปตอนนี้เราก็ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้ เราก็ไม่ต้องทนกับอาการทั้งหลายทั้งแหล่ที่ประเดประดังกันเข้ามา เราก็ไม่ต้องมานอนอยู่ในโรงพยาบาล แต่พอคิดถึงลูกเท่านั้นแหละค่ะ ความท้อที่มีอยู่ก็หายไป ดิฉันพยายามคิดถึงลูกที่อยู่ที่บ้านให้มากเข้าไว้ คิดว่าเราต้องรักษาตัวให้หาย เราต้องอดทนเพื่อที่เราจะได้กลับไปอยู่กับลูกของเรา เราจะได้กลับไปนั่งฟังเสียงลูกหัวเราะ พูดคุยกับเราทุกวัน และความพยายามของดิฉันก็ได้ผลเพราะวันนี้ดิฉันหายจากโรคมะเร็งแล้ว ดิฉันได้กลับมาอยู่กับลูกและครอบครัวอย่างคนปกติ ถึงแม้ว่าคุณหมอจะยังนัดอยู่เรื่อยๆ เพื่อเฝ้าระวังมะเร็งที่อาจจะกลับมา
สำหรับคนที่ยัง ไม่เป็นมะเร็ง ตอนนี้พวกคุณมีโอกาสรอดจากมะเร็งสูงมากนะคะ ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะเสี่ยงจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวหรือจากสภาพแวดล้อมก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง ทั้งการตรวจที่สามารถตรวจหาความเสี่ยงเป็นมะเร็งในตัวเราว่ามีหรือไม่ ทำให้เราสามารถป้องกันมะเร็งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างได้ผลและตรงตามชนิดของมะเร็งที่คุณเสี่ยง เช่น การตรวจ Gene Test การตรวจยีนส์บางชนิดที่เป็นสารก่อ มะเร็ง การตรวจเลือด เป็นต้น
ถึงแม้ว่าคนที่ตรวจพบว่ามีความเสี่ยงนั้นอาจจะ ไม่เป็นมะเร็ง ในอนาคตก็ได้ แต่ดิฉันคิดว่าถ้ารู้ว่ามีความเสี่ยงและเตรียมตัวป้องกันตั้งแต่ต้นก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลยและไม่ได้ป้องกันอะไรเลยว่ามั้ยคะ เหมือนกับตัวดิฉันที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพราะมีคนในครอบครัวป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทำให้ดิฉันไม่ได้ป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็งเลยแม้แต่น้อย จนตัวเองป่วยเป็นมะเร็งแล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงมาตั้งนานแล้ว นอกจากการตรวจแล้วยังมีการค้นพบว่ามีอาหารอีกหลายชนิดที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้โดยเฉพาะผักผลไม้สดปลอดสารพิษ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงป้องกันการเกิด มะเร็ง ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันนี้โรค มะเร็ง ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เราคิดกันแล้ว ที่ดิฉันกล้าพูดแบบนี้เพราะว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่รักษาให้หายได้และโรคมะเร็งยังเป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้อีกด้วย เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำในยุคปัจจุบัน ทำให้คนเรามีโอกาสรอดจากมะเร็งมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งวิธีป้องกันมะเร็งนั้นเริ่มจากตัวเราเอง เพียงแค่คุณรักและดูแลเอาใจใส่ร่างกายของตัวเองมากขึ้น กินแต่ของที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คุณก็มีโอกาส ไม่เป็นมะเร็ง แล้ว เมื่อก่อนดิฉันไม่รอดจากมะเร็งแต่ตอนนี้ดิฉันรอดไม่เป็นมะเร็งอีกแล้วค่ะเพราะดิฉันดูแลเอาใจใส่ตัวเองไม่ได้ขาด ขนาดดิฉันมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่เคยเป็นมะเร็งหลายเท่า ดิฉันยังรอดจากมะเร็งได้เลยแล้วพวกคุณที่ไม่เคยเป็นมะเร็งย่อมรอดจากมะเร็งแน่นอน
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ได้เวลา หยุดโรคมะเร็งแล้ว
ได้เวลา หยุดโรคมะเร็งแล้ว
คุณรู้ไหมว่าปีๆ หนึ่ง มะเร็ง คร่าชีวิตคนไปแล้วกี่ล้านคน? ในแต่ละปีทั่วโลกมีคนตายด้วยโรคมะเร็งหลายล้านคน ไม่เว้นแม้แต่คนไทย คนไทยที่ตายด้วยโรคมะเร็งปีละเกือบแสนคนเชียวนะ เราต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักปีละเกือบแสนคนจากโรคมะเร็ง คุณเคยสูญเสียคนที่รักจากมะเร็งไหม? ดิฉันเป็นหนึ่งคนที่เคยสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคมะเร็ง ทั้งคุณตา คุณยาย คุณป้าและคุณลุงอันเป็นที่รักของดิฉันต่างก็ตายด้วยโรคมะเร็งทั้งสิ้น ในวันที่เราสูญเสียบุคคลอันที่รักเรารู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าโรคมะเร็งมันช่างร้ายกาจเสียจริง มันเข้ามาพรากบุคคลอันเป็นที่รักของเราไปก่อน วัยอันควร โดยเฉพาะคุณตาอันเป็นที่รักยิ่งของดิฉัน ดิฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ คุณตาจะทำว่าวให้เล่นในหน้าหนาวทุกปี พอลมหนาวพัดมาท่านจะเริ่มตัดต้นไผ่เป็นท่อนยาพอประมาณ ท่านจะค่อยบรรจงใช้มีดกรีดไปบนก้านไผ่ที่เป็นเหลี่ยมค่อยๆ ครูดเบาๆ เหลาจนได้ไม้ไผ่แท่งกลมกลึง นำไม้ไผ่ที่เหลาแล้วมามัดขัดกันเป็นโครงว่าว ติดทับด้วยกระดาษแก้วพร้อมทั้งผูกเชือกกลายเป็นว่าวแบบง่ายให้หลานๆ ได้เล่นกันถ้วนหน้า หน้าหนาวทุกปีดิฉันจะต้องได้ว่าวจากฝีมือคุณตามาเล่นกับพี่ๆ น้องๆ อย่างสนุกสนาน แต่แล้ววันหนึ่งคุณตาเกิดปวดท้องต้องไปโรงพยาบาล แม่บอกว่าคุณตาเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายเพราะคุณตาดื่มเหล้ามาก หน้าหนาวปีนั้นคุณตาไม่กลับมาทำว่าวให้ดิฉันเล่นอีกแล้ว ไม่มีเสียงเรียกยามที่ดิฉันวิ่งไปไกลเกินไป ไม่มีแล้วสายตาของคุณตาที่มองด้วยความรักและหวังดี ดิฉันต้องสุญเสียคุณตาอันเป็นที่รักไปเพราะโรคมะเร็งตับ
>> คุณยังมีโอกาส และ ไม่เสี่ยงเป็นมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
เราต้องสูญเสียคนที่รักเพราะโรคมะเร็งอีกสักเท่าไหร่ เราถึงจะเริ่ม หยุดมะเร็ง กันเสียที บางคนไม่เคยใส่ใจดูแลตัวเองและคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อยด้วยคิดว่ามะเร็งเป็นเรื่องที่ไกลตัว คงไม่มีใครเป็นมะเร็งหรอก วันนี้คุณอาจจะโชคดีที่ยังไม่สูญเสียคนที่รักจากโรคมะเร็ง แต่ในวันหน้าคุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่คุณรักจะไม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง คนที่คุณรักจะไม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งหรือแม้แต่ตัวคุณเองจะไม่เป็นโรคมะเร็งจนตาย ในเมื่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรานั้นมีแต่มลพิษ สารพิษและสารเคมีตกค้าง ขนาดตัวดิฉันเองที่คิดว่าตัวเองไม่มีทางเป็นมะเร็งยังป่วยเป็นมะเร็งได้เลย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหยุดมะเร็ง การหยุดมะเร็งนั้นไม่ยาก เริ่มต้นที่ตัวเราโดยดูแลตัวเอง เริ่มจากกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกกินผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษมากกว่าเนื้อสัตว์ ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันเพื่อร่างกายจะได้แข็งแรงมีภูมิต้านทานโรคได้มากขึ้น ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มของมึนเมาทุกชนิด ไม่กินอาหารที่เป็นสารก่อมะเร็ง ทั้งอาหารหมักดอง อาหารที่ผ่านการถนอมอาหาร อาหารมันๆ อาหารทอด อาหารไหม้ อาหารรมควัน ทำตัวเป็นคนรักเดียวใจเดียวเหมือนกับดิฉันและสามีที่รักกัน ไม่มีชู้ ไม่มีกิ๊ก ไม่มีกั๊ก ไม่มั่ว ไม่ส่ำสอน และที่สำคัญอย่าลืมทำตัวเป็นคิดบวก คิดง่ายๆ ว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ไม่มีปัญหาใดอยู่กับเราไปตลอดชีวิตหรอกค่ะ ปัญหาเปรียบเสมือนคนขี้เบื่อที่ไม่ชอบอยู่กับที่หรืออยู่กับใครนานๆ ปัญหาจะแวะเข้ามาทักทายและอยู่กับเราแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวเค้าก็ไปต่อแล้วค่ะ การคิดบวกนี่จะทำให้จิตใจเราสดชื่นแจ่มใส ชีวิตเราก็มีความเครียดน้อยลงเมื่อความเครียดน้อยลงสุขภาพเราก็แข็งแรง ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดลบ ชีวิตมีแต่ความเครียด เครียดทั้งเรื่องของตัวเองไม่พอยังเอาเรื่องคนอื่นมาคิดมาเครียดด้วยนะ พอเครียดก็กินไม่ได้นอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แย่ทั้งกายทั้งใจ แต่พอดิฉันกลับมาเป็นคนคิดบวก มองทุกปัญหาเป็นเรื่องเล็กเดี๋ยวก็แก้ได้ ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ความเครียดลดลง กินได้นอนหลับร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น หน้าตาแจ่มใส ตั้งแต่เป็นคนคิดบวกนี่มีคนทักว่าดูสวยขึ้นสาวขึ้นด้วยนะคะ เป็นไงคะ วิธีการ หยุดมะเร็ง ไม่ยากใช่มั้ยคะ ถ้าคุณทำตามแค่นี้เราก็หยุดมะเร็งได้แล้ว ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากหยุดมะเร็ง ขอให้เริ่มที่ตัวคุณเองก่อนแล้วขยายไปยังคนในครอบครัว คนในหมู่บ้าน ขยายต่อไปเรื่อยสู่สังคม ดิฉันเชื่อว่าต่อไปในอนาคตโรคมะเร็งเหลือแต่ชื่อเท่านั้น โรคมะเร็งจะเป็นเพียงชื่อโรคโรคหนึ่งที่เคยพบในคน เป็นโรคที่หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิงเหมือนกับอหิวาตกโรค
จะเห็นว่าการ หยุดมะเร็ง ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ต้องอาศัยความตั้งใจจริงและความร่วมมือกันของทุกคนเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ช่วยกันลด ละ เลิกสิ่งที่ทำเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ดิฉันไม่อยากเสียใจเพราะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักด้วยโรคมะเร็งอีก และไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากมะเร็งด้วยเช่นกัน ดิฉันจึงอยากที่จะหยุดมะเร็งไว้แค่นี้ ไม่อยากให้มีผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันหยุดมะเร็งร้ายให้หายไปจากโลกนี้ ร่วมกันหยุดมะเร็งเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่เราจะสูญเสียคนที่รักไปกับมะเร็งมากกว่านี้ ดิฉันเริ่มหยุดมะเร็งแล้ว คุณเริ่มหยุดมะเร็งแล้วหรือยัง?
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
คนยุคใหม่ ห่างไกลมะเร็ง
คนยุคใหม่ ห่างไกลมะเร็ง
คุณคิดว่า มะเร็ง เป็นเรื่องที่ไกลตัวไหม? เมื่อก่อนดิฉันเคยคิดว่ามะเร็งเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ชีวิตนี้ไม่มีทางที่จะเป็นมะเร็งหรอก แหม!ใครจะคิดว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งได้ค่ะ อย่าว่าแต่คิดว่าจะเป็นเลยค่ะ รู้จักยังไม่รู้จักเลยว่าโรคมะเร็งนี่เป็นยังไง อย่าถามถึงสาเหตุและวิธีป้องกันนะยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย ต้องเข้าใจว่าสักประมาณ 20-30 ปีที่แล้วนี่เทคโนโลยีการสื่อสารและการเผยแพร่ข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ นั้นแย่มาก การเข้าถึงคนในพื้นที่ห่างไกลอย่างบ้านดิฉันนี่ขอบอกเลยว่ามีน้อยมาก และจำนวนคนที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในช่วงนั้นยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับการเสียชีวิตด้วยโรคอื่น ทำให้การรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งสู่กับคนทั่วไปก็น้อยตามไปด้วย คนที่มีความรู้เกี่ยวกับมะเร็งก็เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ บางกลุ่มเท่านั้น คนแถวบ้านดิฉันบางคนยังไม่รู้จักโรคมะเร็งเลยค่ะว่าเป็นยังไง ต่างจากปัจจุบันนี้ที่มีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากเป็นอันดับหนึ่งเลยที่เดียว จึงมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งทั้งทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สื่อออนไลน์ แผ่นพับและวิทยากรที่มาอบรมตามสาธาณสุขหมู่บ้านมากขึ้น คนสามารถเข้าถึงข้อมูลของมะเร็งได้ ทั้งสาเหตุการเกิดมะเร็ง การป้องกันและการรักษาโรคมะเร็งได้มากขึ้นตามไปด้วย
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
>> คุณยังมีโอกาสที่จะ...ไม่เป็นมะเร็งได้นะ
ในอดีตเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ดิฉันต้องยอมรับว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับ มะเร็ง น้อยมาก ยิ่งจะให้หาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งนี่เป็นไปไม่ได้เลยเพราะโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวเองและไม่มีทางเป็นมะเร็งแน่ๆ ก็ชีวิตคนทำงานบ้านนอก แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าอากาศที่บริสุทธิ์โอกาสที่จะเป็นมะเร็งน่าจะไม่มีจริงไหมคะ และด้วยความรู้ไม่เกี่ยวกับมะเร็งทำให้ดิฉันเป็นมะเร็งเต้านมในที่สุด ลองมานั่งนึกดูว่าทำไมดิฉันถึงเป็นมะเร็งได้นะ คิดๆ ดูแล้วก็อาหารโปรดของดิฉันมีแต่อาหารที่มีสารก่อมะเร็งทั้งนั้นเลย ทั้งผลไม้ดอง กุนเชียง ไก่ย่างที่ย่างจนหนังไหม้เกรียม หนังไก่ทอด หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ยิ่งหมูกะทะยิ่งชอบ โอ้!! แม่เจ้า ของโปรดของดิฉันทุกอย่างมีแต่สารก่อมะเร็งทั้งนั้น ก็คนมันไม่รู้นี่น่า รู้แต่ว่าอร่อยกินได้ทุกวันไม่มีเบื่อ แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวล้ำทำให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสได้รับความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งมากขึ้น จากสื่อโทรทัศน์ วิทยุ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงทุกที่รวมถึงบ้านดิฉันเอง และการรณรงค์เกี่ยวกับมะเร็งจากสถาบันสุขภาพต่างๆ ทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็ง วิธีป้องกันมะเร็งอย่างได้ผล
สิ่งที่ต้องไม่ควรทำถ้าไม่อยากเป็น มะเร็ง ตัวอย่างเช่น แผ่นพับ 5 ทำ 5 ไม่ ไกลจากมะเร็ง จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติที่บอกถึง 5 สิ่งที่ต้องทำและ 5 สิ่งที่ไม่ควรทำเพื่อชีวิตจะ ห่างไกลมะเร็ง ดิฉันคิดว่าแผ่นพับที่ออกมานี้ช่วยให้คนที่ทำตามนั้นห่างไกลจากโรคมะเร็งได้จริงๆ นะ ดิฉันเชื่อว่าถ้าดิฉันได้รับรู้ข่าวสารและเรื่องราวดีๆ แบบนี้ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง รับรองว่าดิฉันไม่มีวันเป็นมะเร็งแน่นอนค่ะ นอกจากข่าวสารความรู้เกี่ยวกับมะเร็งที่ทำให้เรารู้เท่าทันมะเร็ง รู้ถึงวิธีการป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งแล้ว เทคโนโลยีสมัยใหม่ยังสามารถตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ทำให้เรา ห่างไกลมะเร็ง มากขึ้นไปอีกก้าวหนึ่งด้วย แบบนี้เรามีโอกาสรู้ล่วงหน้าได้เลยนะ ว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในอนาคตหรือป่าว ถ้ามีเรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งอะไร ทำให้เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งได้ แบบนี้ช่างสุดยอดจริงๆ ทำให้โอกาสที่คนจะเป็นมะเร็งลดน้อยลง และไม่แน่ว่าในอนาคตโรคมะเร็งอาจจะหายไปจากโลกนี้เลยก็ว่าได้
ช่างน่าอิจฉาคนยุคใหม่นี้เสียจริงๆ ว่ามั้ยคะ พวกคุณช่างเป็นคนที่โชคดีมากถึงมากที่สุด โชคดีที่มีโอกาสรู้เกี่ยวกับมะเร็ง โชคดีที่มีคนให้คำแนะนำวิธีป้องกันมะเร็ง โชคดีที่มีคนคิดค้นวิธีลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้สำเร็จ โชคดีที่มีเทคโนโลยีในการตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งในตัวคุณก่อนที่คุณจะเป็นมะเร็งเสียอีก ความโชคดีนี้เกิดจากการหลายคนต้องสูญเสียคนที่รักจากโรคมะเร็ง ทำให้มีการคิดค้นและทำทุกวิถีทางที่จะป้องกันไม่ให้คนป่วยเป็นโรคมะเร็ง ถือว่าคุณจึงเป็นคนยุคใหม่ที่โชคดีเป็นคนยุคใหม่ห่างไกลจากโรคมะเร็ง แล้ววันนี้คุณเป็นคนยุคใหม่ที่ ห่างไกลมะเร็ง แล้วหรือยัง?
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
สู้มะเร็งไม่ได้ ก็ตายกันไป
สู้มะเร็งไม่ได้ ก็ตายกันไป
มะเร็ง เป็นแขกไม่ได้รับเชิญที่แอบย่องเข้ามาในร่างกายเรา ใครๆ ก็ไม่อยากเป็นมะเร็งรวมถึงตัวดิฉันด้วย แม้เราจะไม่อยากเป็นมะเร็งมากแค่ไหน แต่บางครั้งมะเร็งยังแอบย่องเข้ามาในร่างกายของเราอยู่ดี รู้มั้ยคะ!! ว่าครั้งแรกที่ดิฉันรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามันดับวูบชีวิตนี้มีแต่ความสิ้นหวัง ในใจร่ำร้องว่าทำไมต้องเป็นดิฉัน ทำไมไม่เป็นคนอื่น สมองไม่รับรู้อะไรแล้ว ขนาดว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องตรวจได้ยังไงยังไม่รู้ตัวเลย มารู้สึกตัวก็ตอนที่แฟนเข้ามาถามว่าผลเป็นยังไง เท่านั้นแหละค่ะ น้ำตาที่เอ่ออยู่ที่ขอบตามันไหลพรั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำ ดิฉันบอกได้เลย ณ เวลานั้น ดิฉันคิดแต่ว่าดิฉันต้องตายแน่ๆ ดิฉันต้องจากลูกอันเป็นที่รักตั้งแต่ลูกยังเล็กเหลือเกิน ได้แต่คิดว่าลูกจะอยู่กับใครถ้าดิฉันตายไป เวลาลูกร้องไห้ใครจะคอยปลอบ เวลาลูกหิวใครจะคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ เวลานอนใครจะคอยกล่อมให้หลับ คิดแต่ว่าตัวเองต้องตายเท่านั้น และดิฉันเชื่อว่าทุกคนที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งก็คิดว่าตัวเองต้องตายเหมือนกันใช่มั้ยค่ะ ไม่มีใครที่พอรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งแล้วจะคิดว่าตัวเองรอดแน่ๆ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันได้ผ่านไปแล้ว ประสบการณ์ครั้งนั้นเป็นบทเรียนอันมีค่าสำหรับดิฉันและครอบครัว ถ้าเป็นคุณเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งจะทำยังไง ยอมรับโชคชะตาและตายไปกับมะเร็งหรือสู้กับมะเร็งจนชนะ
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
>> คุณยังมีโอกาสที่จะ...ไม่เป็นมะเร็งได้นะ
มะเร็ง เป็นโรคที่ร้ายแรง ใครได้ยินต่างก็กลัวกันทุกคนแต่คุณรู้หรือไม่ว่ามะเร็งเป็นโรคที่รักษาให้หายได้นะ แต่การที่จะรักษามะเร็งให้หายได้นั้น นอกจากวิทยาการทางการแพทย์และยาที่หมอใช้ในการรักษาแล้ว ยังมียาอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี ยาชนิดนี้จะทำให้ยาที่เรากินเข้าไปทำลายเชื้อมะเร็งให้ตายได้ ยาชนิดนี้ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ยาชนิดนี้ทำให้มะเร็งไม่สามารถแพร่ขยายหรือลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ ยาชนิดนี้ทำให้ก้อนมะเร็งก้อนใหญ่ๆ ฟ่อเล็กลงจนหายไปในที่สุด
คุณรู้ไหมว่ายาชนิดนี้คือยาอะไร? ยาชนิดนี้ คือ กำลังใจของผู้ป่วยโรคมะเร็งไงคะ กำลังใจของคนที่ป่วยเป็น มะเร็ง นี่เป็นยาขนานเอกที่ทำให้เราสามารถเอาชนะโรคมะเร็งได้ ดิฉันเองเคยท้อแท้และสิ้นหวังเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แต่ดิฉันก็ผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ด้วยกำลังใจจากสามีผู้เป็นที่รัก จากคนในครอบครัวทุกคนและกำลังใจของตัวดิฉันเอง กำลังใจที่อยากจะมีชีวิตอยู่กับคนที่รักทุกคน หลังจากที่ท้อแท้สิ้นหวังอยู่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่างอยู่พักใหญ่ สามีก็เข้ามาเตือนสติว่า “ ถ้าคุณไม่สู้แล้วลูกจะอยู่กับใคร ไม่มีใครช่วยคุณได้ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวของคุณเอง ” ซึ่งมันก็จริงอย่างที่สามีของดิฉันพูด เพราะว่าถ้าตัวดิฉันไม่ยอมต่อสู้กับโรคมะเร็งแล้วใครจะช่วยดิฉันได้ แม้แต่ตัวดิฉันเองยังไม่ยอมช่วยตัวเองเลยและถ้าดิฉันตายไปใครอยู่กับลูก ใครจะดูแลลูกได้ดีเหมือนแม่คงไม่มีหรอกจริงไหมค่ะ คิดได้อย่างนั้นดิฉันก็ตั้งปณิธานเลยว่าดิฉันจะสู้กับโรคมะเร็ง ดิฉันต้องรักษาโรคมะเร็งให้หายให้จงได้ ดิฉันจะไม่ยอมแพ้ มะเร็ง ร้ายอย่างเด็ดขาดต่อให้การรักษามะเร็งจะต้องเจ็บปวด ทรมานมากแค่ไหนดิฉันก็จะอดทนและสู้เพื่อที่ดิฉันจะได้อยู่ต่อไป เมื่อถึงเวลาทำการรักษาดิฉันตั้งใจทำตามที่หมอบอกทุกอย่างอย่างเคร่งครัด ดิฉันอดทนต่อความเจ็บปวดและทรมานในขั้นตอนการรักษาไม่เคยท้อแท้ที่จะไม่ยอมรักษาต่อแม้แต่น้อย และในที่สุดดิฉันก็สมหวังตามที่ตั้งใจไว้ เพราะว่าตอนนี้ดิฉันหายจากโรคมะเร็งแล้ว แต่ใช่ว่าทุกคนที่จะสู้เหมือนดิฉัน เพราะยังมีคนอีกหลายคนที่พอรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งก็สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ท้อแท้กับชีวิต ไม่ยอมต่อสู้กับมะเร็ง แม้ว่าคนรอบข้างจะเพียรบอกให้สู้ เฝ้าบอกให้มีความหวังที่จะรอดจากมะเร็งร้าย แต่สิ่งที่พูดออกไปกลับไม่เป็นผล เนื่องจากตัวผู้ป่วยเองไร้ซึ่งความหวังที่จะมีชีวิตต่อไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นดิฉันขอบอกได้เลยว่ามะเร็งได้ชนะคุณขาดลอยแล้วค่ะ เชื้อมะเร็งกำลังเฉลิมฉลองอยู่ในร่างกายของคุณ มันกำลังกัดกินอวัยวะของคุณอย่างเมามันส์ ก็แม้แต่เจ้าของร่างกายยังไม่ต้องการที่จะรักษามะเร็งให้หายเลย ต่อให้ยาที่ใช้รักษานั้นดีเลิศหรือวิเศษมากแค่ไหนก็คงช่วยรักษามะเร็งให้หายไม่ได้ เพราะตัวคุณเองไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
คุณจะเลือกได้หรือยังค่ะว่าจะเป็นแบบไหน? ระหว่างสู้กับ มะเร็ง จนหายหรือยอมตายไปกับมะเร็ง เพราะคนที่เป็นมะเร็งแล้วไม่สู้ คุณก็ต้องตายไปพร้อมกับมะเร็งนั่นแหละแต่ถ้าคุณเป็นมะเร็งแล้วสู้ คุณก็จะรอดจากมะเร็งเหมือนกับดิฉันไงค่ะ ที่สู้กับมะเร็งเต้านมจนหายเป็นปกติกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่รัก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ดิฉันได้เกิดใหม่เป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ดิฉันผ่านบทเรียนชีวิตมาแล้ว รู้ว่าถ้าเราสู้เราก็มีโอกาสที่จะอยู่ต่อไป แต่ถ้าเราไม่สู้เราก็ต้องตายไป ดิฉันหวังว่าคนที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นมะเร็งจะต่อสู้กับโรคมะเร็งจนถึงที่สุด
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
I am text block. Click edit button to change this text. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
ชนิดของมะเร็ง และเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย
ชนิดของมะเร็ง และเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งในร่างกาย
ดิฉันเคยเป็นมะเร็งเต้านมถึงแม้ว่าตอนนี้ดิฉันจะหายแล้วก็ตาม แต่ยังจำความรู้สึกวันแรกที่รู้ว่าตัวเองเป็น มะเร็ง ได้ดีว่าเสียใจมากแค่ไหน จำเสียงร้องไห้ของตัวเองหน้าห้องตรวจ จำถึงความรู้สึกที่ว่าตัวเองโชคร้ายมากแค่ไหน และรู้ว่าการตั้งตัวจากมะเร็งนั้นยากขนาดไหนแต่เราก็ต้องทำให้ได้เพื่อคนที่เรารักและเพื่อคนที่รักเรา กว่าดิฉันจะตั้งสติและเรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับมะเร็งได้ก็ต้องอาศัยกำลังใจสูงมาก หลังจากที่ทำใจยอมรับและพร้อมที่จะสู้กับมะเร็งได้แล้ว สิ่งแรกที่ดิฉันต้องทำ คือ การทำความรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับมะเร็ง
>> คนยุคใหม่ ห่างไกลมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
ดิฉันพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับ มะเร็ง ทั้งจากหนังสือ จากคนรอบข้างที่เคยเป็นมะเร็ง จากในอินเตอร์เน็ตและถามจากคุณหมอด้วย ในบางเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบหรือยังไม่แน่ใจในข้อมูลที่ตัวเองได้รับมา สิ่งแรกที่ดิฉันได้รู้เกี่ยวกับมะเร็งที่ดิฉันเป็น คือ ชนิดของมะเร็ง เพราะคุณหมอบอกว่าการรักษามะเร็งจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งที่เราเป็นว่าเป็นมะเร็งชนิดไหนและควรจะทำการรักษาอย่างไร
ชนิดของเซลล์ที่เกิดของมะเร็ง
มะเร็ง นั้นมีหลายชนิดแต่หลักๆ แล้วจะแบ่งตามชนิดของเซลล์ที่เกิดของมะเร็ง ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ชนิด คือ
1. มะเร็งคาร์ซิโนมา ( Carcinoma )
เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผิว ( Epithelium )
2. มะเร็งซาร์โคมา ( Sarcoma )
คือมะเร็งที่เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่ออ่อน ( Soft Tissue ) เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ( Connective Tissue ) หรือเซลล์เนื้อเยื่อเสริม ( Supportive Tissue ) กล้ามเนื้อ ไขมัน เส้นประสาท เนื้อเยี่อเกี่ยวพันและกระดูก
3. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ( Lymphoma )
คือมะเร็งที่เกิดจากการที่เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในต่อมน้ำหลืองหรือเนื้อเยื่อของน้ำเหลือง มี
4. มะเร็งเม็ดเลือดขาว ( Leukemia ) หรือลูคีเมีย
คือมะเร็งที่เกิดจากไขกระดูกทำการผลิตตัวอ่อนเม็ดเลือดขาวออกมามากผิดปกติ
5. มะเร็งผิวหนัง ( Melanoma )
คือเป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีผิว ( Melanocyte )
มะเร็ง ชนิดเร็งคาร์ซิโนมา ( Carcinoma ) กับมะเร็งซาร์โคมา ( Sarcoma ) เกิดขึ้นได้กับทุกอวัยวะของร่างกาย มะเร็งที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เกิดมะเร็งและระยะของมะเร็งที่ตรวจพบ และระยะของมะเร็งที่ตรวจพบด้วย
ตัวดิฉันเองเป็นมะเร็งเต้านมชนิดคาร์ซิโนมา ( Carcinoma ) ที่อยู่ในระยะเริ่มแรกเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังมีโอกาสที่รักษาหายได้มากถึง 90% ทีเดียว ถือว่าดิฉันเป็นคนที่โชคดีมากที่ตรวจพบได้เร็ว ที่เป็นอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณอาของดิฉันด้วย เพราะว่าอาของดิฉันเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ( อสม. ) ที่มาบังคับให้ดิฉันทำการตรวจมะเร็งเต้านม กับมะเร็งปากมดลูกทุกปี ทำให้ดิฉันตรวจเจอก้อน มะเร็ง ที่เต้านมเจอได้เร็ว ทำให้สามารถรักษาหายได้ แต่ถ้าไม่เป็นก็คงดีกว่านี้จริงมั้ยค่ะ ใครๆ ก็ไม่อยากเป็นมะเร็งทั้งนั้นแหละค่ะ พอคุยกับคุณหมอเรื่องชนิดของมะเร็งแล้ว ดิฉันก็ถามว่ามะเร็งชนิดไหนร้ายแรงที่สุด ชนิดไหนร้ายแรงมากกว่ากัน คุณหมอบอกว่าไม่สามารถบอกได้ว่ามะเร็งชนิดไหนร้ายแรงมากน้อยกว่ากัน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าความรุนแรงของมะเร็งไม่ได้อยู่ที่ชนิดเพียงอย่างเดียว ยังขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เกิดด้วย เช่น การเกิดมะเร็งคาร์ซิโนมา ( Carcinoma ) ที่เต้านมกับที่ตับ มะเร็งที่เกิดที่ตับจะมีความร้ายแรงมากกว่ามะเร็งที่เกิดที่เต้านม แต่ก็ขึ้นกับระยะของมะเร็งที่เจอด้วย ถ้ามะเร็งที่เต้านมเจอในระยะลุกลามแต่มะเร็งที่ตับอยู่ในระยะแรก แบบนี้มะเร็งที่เต้านมก็ร้ายแรงกว่ามะเร็งที่ตับ อย่างนี้เป็นต้น เป็นไงบ้างคะ กับชนิดของมะเร็งที่ดิฉันนำมาบอกกันวันนี้ ดิฉันหวังว่าคงจะมีประโยชน์กับทุกคนบ้างนะคะ
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอาแล้วสิ เป็นมะเร็งปอดซะแล้ว
มะเร็งปอด
มะเร็งปอด เป็นมะเร็งที่พบผู้ป่วยและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก แต่สำหรับคนไทยแล้วมะเร็งปอดเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดโดยเฉพาะในผู้ชาย จากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดพบมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า แต่ที่น่าตกใจมากคือมีแนวโน้มการพบผู้ป่วยมะเร็งปอดที่เป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกด้วย ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากการใช้ชีวิตของผู้หญิงมีการสูบบุหรี่ การเสพสารเสพติด การทำงานที่ต้องเข้าใกล้รังสีหรือสารก่อมะเร็ง และการเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น มะเร็งปอดจัดเป็นมะเร็งที่อันตรายมากอีกชนิดหนึ่ง แต่ละปีเราพบผู้ป่วยที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดประมาณ 20,000 คนและเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดนั้นเสียชีวิต ในเมื่อมะเร็งปอดมันร้ายแรงขนาดนี้ ดิฉันว่าเรามาทำความรู้จักกับมะเร็งปอดกันดีกว่าค่ะ
>> คนยุคใหม่ ห่างไกลมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
การแบ่งชนิดของเซลล์มะเร็งปอด
มะเร็งปอดนั้นแบ่งตามขนาดของเซลล์ในบริเวณที่เกิดมะเร็งเป็นหลัก โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1.มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโตหรือชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non Small Cell Lung Cancer) มีตัวย่อว่า NSCLC มะเร็งชนิดนี้อยู่ในกลุ่มของคาร์ซิโนมา มะเร็งชนิดเซลล์ไม่เล็กมีการแพร่กระจายได้ช้าและสามารถทำการรักษาให้หายได้ ถ้ามีการตรวจพบในระยะแรก การแพร่กระจายจะแพร่กระจายอยู่ภายในปอดและเนื้อเยื่อใกล้เคียงก่อนจึงจะมีการแพร่กระจายออกไปสู่อวัยวะภายนอกและกระแสเลือด มะเร็งชนิดเซลล์ไม่เล็กเป็นมะเร็งปอดที่พบมากที่สุด มะเร็งชนิดนี้แบ่งออกเป็น 3 ชนิดย่อยๆ คือ
1.1 มะเร็งชนิด Adenocarcinoma เป็นมะเร็งที่เกิดในหลอดลมฝอย
1.2 มะเร็งชนิด Squamous Cell Carcinoma เป็นมะเร็งที่พบในบริเวณใกล้ขั้วปอด
1.3 มะเร็งชนิด Large Cell Carcinoma เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ที่มีขนาดใหญ่จะพบได้ที่บริเวณชายปอด
2.มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวเล็ก (Small Cell Lung Cancer / Oat Cell Carcinoma) มีตัวย่อว่า SCLC เป็นมะเร็งชนิดคาร์ซิโนมา มะเร็งชนิดเซลล์ตัวเล็กพบเพียงร้อยละ 20 ของมะเร็งที่พบทั้งหมด ถือว่าพบได้ในปริมาณที่น้อยแต่ว่าเป็นมะเร็งที่มีความร้ายแรงมาก มะเร็งชนิดนี้แพร่กระจายและเติบโตได้เร็วกว่ามะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่เซลล์เล็ก เวลาที่ตรวจพบมะเร็งชนิดนี้มักจะตรวจเจอในระยะที่มีการแพร่กระจายและลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ทำให้ทำการรักษาได้ยาก ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดชนิดนี้มีโอกาสรอดน้อยมาก
สาเหตุของมะเร็งปอด
มะเร็งปอด นี่น่ากลัวทีเดียวนะคะเนี่ย แล้วอะไรที่เป็นต้นเหตุทำให้เราเป็นมะเร็งปอด มาค่ะดิฉันจะบอกถึงต้นเหตุที่ทำให้คุณเป็นมะเร็งปอด
1.บุหรี่ บุหรี่เป็นสาหตุอันดับหนึ่งของการเกิด มะเร็งปอด ทุกชนิด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในบุหรี่มีสารพิษเป็นพันๆ ชนิดและในนั้นมี 60 ชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งสารก่อมะเร็งเหล่านี้ทำให้เกิดมะเร็งได้ทุกที่ที่ควันบุหรี่ผ่านเข้าไปโดยเฉพาะที่ปอด นอกจากบุหรี่แล้วยังรวมถึง ซิการ์ ยาเส้น ยานัด กัญชา คนที่สูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 10 ปีจะมีโอกาสเป็นมะเร็งและคนที่สูบบุหรี่จัดถึงวันละ 20 ม้วนต่อวันจะมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่สูบปกติถึง 3 เท่า นอกจากคนที่สูบบุหรี่แล้วคนที่ได้รับควันบุหรี่จากคนอื่นก็จัดเป็นคนมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดมากกว่าคนที่ไม่เคยได้รับควันบุหรี่เช่นกัน
2.สารเคมี สารเคมีบางชนิดก็มีส่งผลให้เราเกิด มะเร็งปอด ได้ ส่วนมากสารเคมีนี้จะอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น ถ่านหิน สารหนู แร่ใยหิน ถ่านโค้ก ซิลิกา นิลเกิล เบริลเลียม ก๊าซเรดอน ดังนั้นใครที่ต้องทำงานอยู่กับสารเหล่านี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้
3.สารพิษจากสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมรอบตัวเราในปัจจุบันนี้มีสาพิษที่เป็นสารก่อ มะเร็งปอด อยู่มากมาย เช่น ควันรถยนต์ ควันรถมอเตอร์ไซต์และควันจากเครื่องจักรต่างๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในควันที่ออกจากเครื่องจักรที่ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงนั้นจะมีส่วนของก๊าซไนโตรเจนออกไซต์ ซึ่งก๊าซไนโตรเจนออกไซต์นี้เป็นสารพิษที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด
4.การติดเชื้อ ปอดสามารถเกิดการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากปอดเป็นที่กรองเอาเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนมาในอากาศออกไปไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ปอดจึงเปรียบเสมือนปราการด้านแรกที่เชื้อโรคจะทำร้าย ดังนั้นปอดหรือเนื้อเยื่อภายในปอดอาจจะถูกทำร้ายจากเชื้อโรคที่เข้ามาสู่ร่างกาย เกิดอาการติดเชื้อซึ่งการติดเชื้อหรืออาการอักเสบภายในปอด ซึ่งการติดเชื้อและการอักเสบที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์เป็น มะเร็งปอด ได้
5.พันธุกรรม ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าคนที่ป่วยเป็น มะเร็งปอด นั้น นอกจากจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกแล้ว สาเหตุทางพันธุกรรมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ป่วยเป็นมะเร็งปอด ถึงไม่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนแต่จากสถิติพบกว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมักมีคนในครอบครัวเคยป่วยหรือเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดมาก่อน ดังนั้นถ้าใครมีบุคลลในครอบครัวเคยป่วยหรือเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดก็แสดงว่าคุณมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งปอดด้วยเหมือนกัน
อาการของมะเร็งปอด
แล้วต้นเหตุ มะเร็งปอด ของคุณคืออะไรคะ? ดิฉันว่าสาเหตุของมะเร็งปอดนี่ป้องกันได้ไม่ยากนะ แค่อย่าสูบบุหรี่ อย่าเข้าใกล้คนที่สูบบุหรี่หรืออยู่ในสถานที่ที่มีควันบุหรี่ เวลาทำงานก็สวมอุปกรณ์ป้องกันรังสี สารเคมีไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย แต่เรื่องมลพิษจากรถยนต์เครื่องจักรที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงนี่ สงสัยต้องให้คนเปลี่ยนมาใช้รถที่ใช้ไฟฟ้าคงจะดีไม่น้อย ไม่มีผลพิษเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม...
ยีนส์มะเร็ง และการกลายพันธุ์ ทางพันธุกรรม
ยีนส์มะเร็ง และการกลายพันธุ์ ทางพันธุกรรม
คุณรู้ไหม ยีนส์มะเร็ง ชนิดไหนที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม? อย่างที่ดิฉันเคยบอกว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายนอก แต่ว่ายังมีมะเร็งบางชนิดที่มีสาเหตุมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมากกว่าสาเหตุจากปัจจัยภายนอก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ยีนส์กลายพันธุ์ ที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั้นมีผลต่อการทำงานของเซลล์โดยตรง ทำให้ผู้ที่ได้รับยีนส์กลายพันธุ์มีความเสี่ยงในเกิดเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่ได้รับการถ่ายทอดยีนส์กลายพันธุ์นี้ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอกมาทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากกว่าก็ตาม ซึ่งยีนส์กลายพันธุ์ที่ถ่ายทอดทาง พันธุกรรม และเป็นสาเหตุของมะเร็ง คือ BRCA1 และ BRCA2 หลายคนคงอยากรู้จักกับยีนส์ชนิดนี้กันแล้วสิค่ะ ว่ายีนส์นี้มีหน้าทำอะไรและทำไมถึงทำให้เกิดมะเร็งได้ งั้นเรามาทำความรู้จักกับยีนส์นี้กันดีกว่าค่ะ
>> คนยุคใหม่ ทำอย่างไรห่างไกลมะเร็ง
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
BRCA1 และ BRCA2 คือ ยีนส์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ (Tumor Suppressor Gene) โดยการเข้าไปซ่อมแซม DNA ที่มีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตที่เกิดความผิดปกติให้กลับสู่สภาวะปกติป้องกันการ กลายพันธุ์ ของเซลล์ แต่ถ้ายีนส์นี้มีความผิดปกติเกิดขึ้น นั่นคือยีนส์ไม่สามารถซ่อมแซม DNA ที่ผิดปกติให้กลับสู่สภาวะปกติได้ จะทำให้ DNA ส่วนที่ควบคุมการเจริญเติบโตมีความผิดปกติเกิดการกลายพันธุ์เป็นเซลล์ที่เจริญเติบโตได้ไม่หยุดหรือกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งนั่นเอง
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามียีนส์นี้อยู่หรือไม่ การที่เราจะรู้ว่าเรามี ยีนส์กลายพันธุ์ ชนิดนี้อยู่หรือไม่ เราสามารถไปตรวจได้นะคะ แต่ว่าก่อนที่เราจะไปตรวจนั้นเรามาดูความเสี่ยงที่เราจะมียีนส์กลายพันธุ์นี้กันก่อนดีกว่า คนที่จะมียีนส์กลายพันธุ์นี้ ต้องมีญาติฝ่ายพ่อหรือแม่ป่วยเป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของยีนส์ BRCA1 และ BRCA2 เพราะว่ายีนส์ทั้งสองชนิดนี้สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกได้ โดยลูกจะได้รับยีนส์จากพ่อ 50% จากแม่ 50% ดังนั้นถ้าพบว่าคนในครอบครัวของพ่อหรือแม่ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ที่เป็นพี่น้องโดยตรงกับพ่อหรือแม่ ถ้าคนเหล่านี้มีประวัติการป่วยเป็นมะเร็งที่มาจากความผิดปกติของยีนส์ชนิดนี้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของยีนส์ BRCA1 และ BRCA2 มะเร็งที่เกิดจากการถ่ายทอดยีนส์กลายพันธุ์ที่พบมาก คือ มะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ในผู้หญิง มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลูกอัณฑะและมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย
มะเร็งที่เกิดจากได้รับ ยีนส์กลายพันธุ์ ทาง พันธุกรรม นี้ ต่อให้เราดูแลตัวเองดีแค่ไหน เราก็มีโอกาสที่จะเป็นมากกว่าคนปกติที่ดูแลตัวเองถึง 20 เท่าเลยค่ะ ดังนั้น ยีนส์มะเร็ง ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั้นน่ากลัวกว่ายีนส์กลายพันธุ์ที่เกิดจากการกระตุ้นของปัจจัยภายนอกมาก เหมือนกับดิฉันที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ป้าของดิฉันเป็นมะเร็งเต้านมเหมือนกัน ดิฉันจึงมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม แล้วคุณละมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือเปล่าคะ? ถ้ามีแสดงว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว แต่ไม่ต้องตกใจไปนะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจหาความผิดปกติของยีนส์ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้แล้ว ถ้าใครอยากรู้ว่าตัวเองเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งไหมก็ไปตรวจ GENE TEST ได้นะ ตามที่ดิฉันได้เคยอธิบายได้แล้วว่า GENE TEST มีวิธีการตรวจยังไง ข้อดีของการตรวจก็คือเราจะได้หาทางป้องกันก่อนที่เราจะต้องเป็นมะเร็งไงค่ะ
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
มะเร็ง และเรื่องอาหารการกิน
มะเร็ง และเรื่องอาหารการกิน
คุณรู้ไหมว่า อาหาร เกี่ยวข้องกับ มะเร็ง ยังไง? อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่คนเราทุกคนต้องการ เรากินอาหารทุกวัน อาหารเป็นแหล่งให้ทั้งพลังงาน วิตามิน แร่ธาตุและเกลือแร่กับร่างกาย ถ้าร่างกายไม่ได้รับอาหาร ร่างกายก็จะอ่อนแอเจ็บป่วยได้ง่าย มนุษย์เราทุกคนจึงต้องกินอาหารทุกวัน ดิฉันเองก็เป็นนักกินตัวยงเลยค่ะ โดยเฉพาะผลไม้นี่ชอบมาก แต่คุณหรือไม่ว่าอาหารที่คุณกินเข้าไปนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งยังไงบ้าง จริงๆ แล้วอาหารที่เรากินเข้าไปเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งมากและเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนจบ ทำไมอาหารถึงเกี่ยวข้องกับมะเร็ง เรามาดูกันดีกว่าค่ะ
>> ยีนส์มะเร็ง และการกลายพันธุ์ ทางพันธุกรรม เป็นอย่างไร
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
1.อาหารก่อมะเร็ง เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งมากที่สุดคือ ปัจจัยภายนอก อาหาร เป็นปัจจัยภายนอกที่มีบทบาทที่ทำให้เกิด มะเร็ง มากที่สุด เพราะร่างกายของเราได้รับสารก่อมะเร็งมาจากอาหารได้โดยตรงจากการกินเข้าสู่ร่างกาย แต่ละวันเรากินอาหารหลายอย่างมาก ซึ่งอาหารที่เรากินเข้าไปอาจมีสารก่อมะเร็งผสมอยู่ทำให้เรารับเอาสารก่อมะเร็งนั้นสู่ร่างกายโดยที่ไม่รู้ตัว อาหารที่จัดเป็นอาหารก่อมะเร็งก็คือ อาหารรสจัด อาหารมัน อาหารไหม้ เนื้อดิบ อาหารใช้สารเคมีแต่งกลิ่น สี รส อาหารใส่สารกันบูด สารกันเชื้อรา เป็นต้น อาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีสารก่อมะเร็งผสมอยู่ เมื่อร่างกายได้รับและสะสมจะทำให้เกิดมะเร็งขึ้นในร่างกาย อาหารจึงจัดเป็นตัวก่อมะเร็งซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดมะเร็ง
2.อาหารป้องกันมะเร็ง อาหารนอกจากจะเป็นตัวก่อมะเร็งแล้ว อาหาร บางชนิดป้องกัน มะเร็ง ได้เหมือนกันนะ อาหารป้องกันมะเร็งได้ด้วยการเข้าไปช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานโรคของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระโดยการเข้าไปขัดขวางไม่ให้อนุมูลอิสระที่เข้ามาในร่างกายไปทำร้ายเซลล์จนเกิดการกลายพันธุ์ของยีนส์และเจริญเติบโตกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งอาหารที่ป้องกันมะเร็งได้ดีที่สุดคือ ผักและผลไม้สดปลอดสารพิษตกค้าง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในผักผลไม้นั้นมีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่เป็นแหล่งกำเนิดของสี เช่น สีส้มจากสารเบต้าแคโรทีน สีเขียวจากสารคลอโรฟิลล์ สีแดงจากสารไลโคปีน สีม่วงจากสารแอนโทไซยานิน สีขาวจากสารแอนโธซานติน สารนี้จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระได้ผลดีมาก นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากผักผลไม้แล้ว เรายังได้วิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินดี วิตามินบี วิตามินเอ โดยเฉพาะวิตามินซี ที่นอกจากจะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระแล้วช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายออกไป ผักผลไม้จึงจัดเป็นอาหารที่ช่วยลดป้องกันเป็นมะเร็งได้ การกินผักผลไม้เราควรกินให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของอาหารที่เรากินทั้งหมดต่อวันหรือมากกว่านั้นก็จะดีมากเลยค่ะ ดิฉันเองในแต่ละวันจะกินผลไม้เสียมากไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์เท่าไหร่ ตอนเย็นนี่จะกินสลัดผักผลไม้แทนข้าว แต่ก็ไม่ใช่ว่าผลไม้ทุกอย่างจะกินได้นะคะ ผลไม้ที่ให้น้ำตาลและแป้งสูงเราก็ไม่ควรกินค่ะ อย่าง ลำใย เงาะ ขนุน มะม่วงสุก ทุเรียน ผลไม้เหล่านี้อย่ากินบ่อยเพราะจะทำให้เราอ้วนได้ พออ้วนเราก็เสี่ยงกับการเป็นมะเร็งอีก แบบนี้ไม่ใช่ผักผลไม้ช่วยป้องกันมะเร็งแล้วค่ะ แต่ที่สำคัญก็คือผักผลไม้ที่เรากินเข้าไปต้องปลอดสารพิษเท่านั้น ถ้าเราไม่แน่ใจว่าปลอดสารพิษหรือเปล่า ก็ให้ทำการล้างให้สะอาดก่อนที่จะกินเข้าไปเพราะถึงเราจะกินผักผลไม้มากเท่าไหร่แต่ถ้าผักผลไม้ที่เรากินเข้าไปมีสารพิษตกค้าง สารพิษนั้นอาจทำให้เราเป็นมะเร็งได้เหมือนกัน เราจึงต้องเลือกกินผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษเท่านั้นจึงจะช่วยป้องกันมะเร็งได้
3.อาหารช่วยรักษามะเร็ง อย่างที่เราทราบว่าอาหารเป็นแหล่งพลังงานและสาร อาหาร ของร่างกาย ดังนั้นเมื่อเราเจ็บป่วย ร่างกายต้องการพลังงานจากอาหารในการซ่อมแซมส่วนที่ถูกทำลายจากเชื้อโรค ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่ตายไปเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงเหมือนเดิม ในขณะที่เราทำการรักษาตัวจากการป่วยเป็น มะเร็ง เราจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีพลังงานสูงเพื่อให้เรามีแรงแม้จะรับประทานอาหารได้น้อย เนื่องจากคนป่วยจะมีอาการเบื่ออาหารเกิดขึ้นจึงกินอาหารได้น้อยลง ดังนั้นอาหารที่กินต้องเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงแม้กินในปริมาณที่น้อยก็ให้พลังงานเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาหารที่มีโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานให้กลับมาแข็งแรงเพื่อที่จะเอาชนะเชื้อมะเร็งได้ อาหารพวกผักและผลไม้หลากสีปลอดสารพิษที่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาช่วยไม่ให้เชื้อมะเร็งเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น เนื้อปลาแทนเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ เพราะในเนื้อปลาโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกจะมีโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 ช่วยในการลดอาการอักเสบที่เกิดจากมะเร็งได้ อาหารที่อยู่ในช่วงรักษาโรคมะเร็งนี้มีความสำคัญมาก เพราะร่างกายจะหายช้าหรือเร็วส่วนหนึ่งก็มาจากอาหารที่กินเข้าไปด้วย ดังนั้นเวลาที่รักษาเราควรเลือกกินอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงมากๆ ซึ่งคุณหมอก็จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาการที่ควรกินอยู่แล้ว เราก็ต้องกินตามที่หมอบอกด้วยนะคะ ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาดเพราะจะทำให้คุณหายจากโรคมะเร็งได้ช้าหรือมะเร็งอาจจะโตขึ้นก็ได้นะ
อาหาร มีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นคือ อาหารทำให้เกิดมะเร็งได้ อาหารป้องกันมะเร็งก็ได้และอาหารช่วยรักษามะเร็งได้อีกด้วย อาหารนี่มีความสำคัญที่สุดเลย วันนี้คุณกินอาหารเพื่ออะไรกันคะ กินอาหารเพื่อป้องกันมะเร็ง กินอาหารเพื่อรักษามะเร็งหรือกินอาหารเพื่อก่อมะเร็ง สำหรับดิฉันแล้วดิฉันเลือกกินอาหารเพื่อป้องกันมะเร็งค่ะ เพราะดิฉันเคยผ่านมาทั้งการกินอาหารเพื่อก่อมะเร็ง กินอาหารเพื่อรักษามะเร็ง ตอนนี้ดิฉันของกินเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาค่ะ
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
มะเร็งวัดความเสี่ยงได้นะ ( Genetic Testing )
วัดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ( Genetic Testing )
ดีไหมถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า? ใครๆ ก็อยากรู้อนาคตจริงไหมคะ ดิฉันก็อยากรู้อนาคตได้เหมือนกันจะได้ไม่ต้องเจอกับสิ่งไม่ดี ทั้งอุบัติเหตุ ทั้งการเจ็บป่วย และจะดีมากถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า? ก็ดิฉันได้อยากเป็นมะเร็งนี่คะ แต่ก่อนนี้ไม่มีใครบอกล่วงหน้าได้ว่าคุณมีสิทธิ์หรือมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้หรือเปล่า ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาวิธีการตรวจที่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในอนาคตหรือไม่ ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่านี้เรียกว่า “ Genetic Testing ”
>> ยีนส์มะเร็ง และการกลายพันธุ์ ทางพันธุกรรม เกี่ยวข้องกันอย่างไร
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
Genetic Testing คือ การตรวจความผิดปกติของดีเอ็นเอในยีนส์ของแต่ละบุคคลการตรวจ Genetic Testing นี้เป็นการตรวจที่สามารถบ่งบอกได้ทั้งสุขภาพและได้ทั้งการตรวจหาโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เมื่อทำการตรวจเราจะรู้ได้เลยว่าในอนาคตเราจะมีสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไร เรามีโอกาสที่จะแพ้ยาตัวไหน บ้าง เราควรกินอาหารประเภทใดและควรงดอาหารประเภทใด ควรออกกำลังแบบไหนจึงจะเหมาะสมกับร่างกายของเรา และที่สำคัญคือเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรบ้างในอนาคต การตรวจนี้มีความแม่นยำสูงที่สุดในปัจจุบันนี้ ซึ่งเราสามารถทำตรวจได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปเพราะว่าพันธุกรรมของทุกคนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกระทั่งตาย โรคที่ตรวจได้จากวิธี Genetic Testing ต้องเป็นโรคที่มีถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือโรคที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนส์เท่านั้น เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิดด้วย ดิฉันขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ยังไม่เป็นมะเร็งด้วยนะคะ เพราะว่าพวกคุณมีสิทธิ์ที่จะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าตัวเองมีสิทธิ์เป็นมะเร็งหรือไม่จากการตรวจ Genetic Testing ไม่เหมือนกับตัวดิฉันเองที่ไม่เคยรู้มาก่อน จึงไม่ได้ทำการตรวจ Genetic Testing ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง ถ้าดิฉันรู้ตัวก่อนนะว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม ดิฉันจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีไม่ให้มะเร็งมันมาทำร้ายดิฉันได้แน่ๆ
การตรวจ Genetic Testing มีข้อดี คือ เมื่อเราตรวจพบว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคเกิดขึ้นแล้ว เราสามารถทำการป้องกันไม่ให้โรคได้ ทั้งจากการดูแลสุขภาพ การควบคุมอาหาร การกินยาเพื่อป้องกันหรือฆ่าเชื้อที่มีอยู่ไม่ให้แสดงผลออกมาได้ตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจนี้จะช่วยชี้แนวทางในการดูแ ลตัวเองและการรักษาของหมอได้เป็นอย่างดี ทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดโรคในอนาคต อย่างเช่น ถ้าเราอาจตรวจว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเต้านม เราก็ไม่กินอาหารที่มีฮอร์โมนสูง ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ ไม่กินของมัน ของทอด ของหมักดอง ออกกำลังเป็นประจำอย่างต่อเนื่องหรือกินยาเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งเกิดขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็อาจจะไม่เป็นมะเร็งเต้านมแล้ว เห็นมั้ยค่ะว่าการตรวจ Genetic Testing นี่มันดีจริงๆ เลย
มะเร็งอะไรบ้างที่สามารถตรวจได้จาก Genetic Testing ?
มะเร็งเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งโพรงหลังจมูก มะเร็งกระดูก มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งต่อมไทรอยด์
สุดยอด! วิธีนี้ตรวจมะเร็งได้ตั้งหลายชนิด แบบนี้เราต้องรีบไปตรวจเลยจะได้รู้ตัวว่ามีสภาวะเสี่ยงกับมะเร็งชนิดไหนบ้างเนี่ย แล้ววิธีการตรวจ Genetic Testing นี่เจ็บหรือเปล่านะ? ต้องผ่าตัด เจาะเลือด ตัดชิ้นเนื้อหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ไปตรวจดีกว่ากลัวเจ็บ
วิธีการตรวจ Genetic Testing
การเก็บตัวอย่างยีนส์เพื่อนำไปตรวจนี้มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
1.การเก็บเยื่อบุในปาก ขั้นตอนการเก็บเยื่อบุในช่องปากก็ไม่ยากเลย แค่นำไม้พันด้วยสำลีมาถูเบาๆ ที่กระพุ้งแก้มด้านในจะขวาหรือซ้ายก็ได้ เพื่อให้เยื่อบุในช่องปากติดออกมากับสำลี และนำสำลีที่มีเยื่อบุนี้ใส่หลอดเก็บตัวอย่างนำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป
2.การเก็บน้ำลาย ขั้นตอนการเก็บน้ำลายเพื่อนำไปตรวจก็คล้ายกับการเก็บเยื่อบุ คือ ให้นำน้ำลายในปากมาใส่ในหลอดเก็บตัวอย่างตามปริมาณที่ต้องการและนำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจสอบได้เลย
เห็นมั้ยคะ! ว่าการเก็บตัวอย่างเพื่อไปตรวจ Genetic Testing ที่ง่ายมากไม่เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย สำหรับใครที่อยากตรวจแต่ว่ากลัวเจ็บก็ไม่ต้องกลัวกันแล้วนะคะ และสำหรับใครที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งก็น่าจะไปตรวจ Genetic Testing เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเหมือนคนในครอบครัวเราหรือเปล่า เราจะได้ดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องไงคะ ไม่ต้องไปทนทรมานกับการป่วยเป็นมะเร็งในอนาคตเหมือนกับที่ดิฉันเคยเป็นค่ะ รู้แล้วก็อย่าลืมไปตรวจ Genetic Testing กันนะคะ
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
การป้องกันโรคมะเร็ง
การป้องกันโรคมะเร็ง
ลองคิดดูสิถ้าเราป้องกันโรคมะเร็งได้มันจะดีมากแค่ไหน? เวลาที่เราป่วยเป็นมะเร็งเราต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ตัวเราและคนในครอบครัวเองก็เป็นทุกข์ บางคนรักษาหายแต่บางคนต้องเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง แต่ถ้าเราป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งได้ เราก็ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงิน และไม่ต้องเป็นทุกข์กับโรคมะเร็ง ดิฉันเคยคิดว่ามะเร็งเป็นโรคที่ป้องกันไม่ได้และไม่มีวิธีที่จะป้องกันได้เลย รู้ไหมว่าสิ่งที่ดิฉันคิดนั้นมันผิดมาตลอด แต่กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นผิดก็สายไปเสียแล้ว เพราะดิฉันเป็นมะเร็งเสียก่อนที่จะรู้ว่ามะเร็งเป็นโรคที่เราป้องกันได้ ก็ใครจะคิดว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งกันละคะ ดิฉันเองก็ไม่เคยคิดก็เลยไม่เคยสนใจวิธีป้องกันมะเร็ง มะเร็งเป็นโรคที่ป้องกันได้ การป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งก็ดีกว่าการรักษามะเร็งหลายร้อยเท่า เพราะอย่างนี้ดิฉันจึงนำวิธี การป้องกันมะเร็ง มาบอกว่าต้องทำยังไงบ้างถึงจะป้องกันมะเร็งได้ เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้เสียก่อนที่จะเป็นมะเร็งร้าย
>> มะเร็งวัดความเสี่ยงได้อย่างไร ทาดูกันในบทความนี้เลยค่ะ
>> ยีนส์มะเร็ง และการกลายพันธุ์ ทางพันธุกรรม เป็นอย่างไร
วิธีการป้องกันมะเร็งแบบง่ายๆด้วยตัวเอง
มะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากยีนส์ภายในเซลล์โดนทำลายจนเกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งเซลล์ที่มียีนส์กลายพันธุ์จะมีการเจริญเติบโตไม่หยุดและเติบโตไปทุกทิศทุกทางอย่างไร้ขอบเขต ที่สำคัญเซลล์นี้ยังแพร่กระจายไปทำลายเซลล์อื่นๆ ในร่างกายทั้งที่อยู่ใกล้และไกลได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งส่วนมากมาจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ สารเคมีและรังสีเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญหน้าทุกวัน การหนีจากสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อมะเร็งนั้นเป็นไปได้ยากเพราะเราต้องกินอาหารเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพ ต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ รถบัสทุกวัน เราไม่สามารถเดินไปทุกที่ได้ด้วยเท้า สิ่งนี้ทำให้เราหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นแหล่งของสารก่อมะเร็งเหล่านี้ไม่พ้น ในเมื่อเราหลีกหนีสภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่พ้น เราก็ต้องทำการป้องกันไม่ให้สภาพแวดล้อมนี้เข้ามาทำลายเราจนกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งวิธีการง่ายๆ ใน การป้องกันมะเร็ง ก็คือ
เลิกสูบบุหรี่และดื่มเหล้า จากสถิติของผู้ป่วยโรคมะเร็งพบว่าร้อยละ 80 เป็นมะเร็งปอดและมะเร็งตับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดของการป้องกันก็คือการเลิกสูบบุหรี่และดื่มเหล้า รวมถึงการสูบยาเส้นและการดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ใช่ว่าคุณไม่สูบบุหรี่แต่หันมาสูบกัญชาหรือยาเส้นแทนการสูบบุหรี่ อันนี้ก็เสี่ยงเป็นมะเร็งได้เหมือนกันค่ะ ทางที่ดีเลิกสูบเลิกดื่มดีที่สุดค่ะ
2. กินเพื่ออยู่ เราควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลือกกินผักผลไม้สดปลอดสารเคมีตกค้าง กินเนื้อปลา กินอาหารปรุงสุกใหม่ กินอาหารรสชาติอ่อนๆ ไม่ใส่สารปรุงแต่ง และกินในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เพื่อที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารและพลังงานเพียงพอในแต่ละวัน ร่างกายจะได้ใช้พลังงานที่ได้รับเข้าไปจนหมดไม่เหลือสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน การกินเพื่ออยู่เป็น การป้องกันมะเร็ง แต่การอยู่เพื่อกินเป็นการก่อมะเร็ง
เพราะการอยู่เพื่อกิน ชีวิตนี้เรื่องกินเรื่องใหญ่ ถ้าจะให้อดขอยอมตายเสียดีกว่า บางคนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า กินของมัน ของทอด กินแต่เนื้อสัตว์ยิ่งเนื้อสีแดงเข้มๆ ยิ่งชอบ กินแบบดิบๆ ก็ได้ กินของหมักดอง กินอาหารแปรรูปเพราะหาง่าย กินของปิ้งย่างจนไหม้ กินแต่อาหารพลังงานสูงทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยได้ใช้พลังงานเลย ทำงานนั่งโต๊ะ กินตามใจปากหิวก็กิน ไม่หิวก็กิน ที่กินก็เพราว่าอยากกินก็กินเลยเข้าไป ชีวิตมีแต่กินและกินและกิน แบบนี้ร่างกายได้รับพลังงานเกินแน่ๆ ค่ะ เมื่อได้รับพลังงานเกินร่างกายไม่ให้เอาไปทิ้งนะคะ เพราะร่างกายเราเป็นพวกเสียดายของค่ะ เมื่อได้รับพลังงานมามากจะให้ขับออกก็เสียดาย เลยต้องเก็บไว้เผื่อว่าเวลาขาดแคลนจะได้ดึงมาใช้ไงค่ะ สะสมยังไงนะเหรอคะ? ก็สะสมในรูปของไขมันซึ่งไขมันนี้จะสะสมอยู่ตามตัวเรานี่แหละค่ะโดยเฉพาะหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน พอสะสมมากๆ เข้าก็กลายเป็นโรคอ้วนซึ่งเป็นที่มาของโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่
3. ใส่ใจสุขภาพ เมื่อเราดูแลเรื่องการกินเลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์แล้ว เราก็ต้องดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ ด้วย ทั้งการออกกำลังเพื่อให้ร่งกายแข็งแรง เพราะถึงจะกินแต่ของที่มีประโยชน์มากขนาดไหนแต่ชีวิตนี้ไม่เคยออกกำลังกายเลยก็ไม่ดีแนๆ ค่ะ การออกกำลังกายเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย ช่วยขับของเสียออกจากร่างกายและช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ช่วยป้องกันให้เราห่างไกลจากมะเร็งเพิ่มขึ้นอีก และอย่าลืมไปตรวจสุขภาพทุกปีด้วยจะได้รู้ว่าร่างกายเราแข็งแรงดีอยู่หรือป่าว หรือว่าแอบมีเชื้อมะเร็งเริ่มก่อตัวแล้วจะได้รีบกำจัดออกก่อนที่จะแพร่กระจาย
4. ดื่มน้ำมากๆ ทุกวันนี้ดิฉันดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตรทุกวันค่ะ จากคนที่ไม่ค่อยดื่มน้ำเลย ดื่มได้วันแก้วนี่ก็เก่งแล้ว ปัสสาวะออกมาแต่ละครั้งนี่ทั้งเหลืองทั้งฉุนมาก รู้ว่าไม่ดีนะคะแต่ก็ขี้เกียจดื่มน้ำนี่ค่ะหรือบางคนดื่มน้ำเยอะก็จริงแต่ว่าดื่มน้ำที่เป็นเครื่องดื่มสำเร็จรูปแทนที่จะดื่มน้ำสะอาด แบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกันนะเพราะว่าเครื่องดื่มสำเร็จรูปมีสารปรุงแต่งสี กลิ่น รสครบทุกอย่างและยังมีน้ำตาลสูงด้วย เมื่อเราดื่มเข้าไปทั้งตับทั้งไตต้องทำงานหนักและทำให้เราอ้วนด้วย ทางที่ดีควรดื่มสะอาดปราศจากสิ่งปรุงแต่งใดๆ ถึงจะ ช่วยป้องกันมะเร็ง ได้
5. คิดบวก ชีวิตประจำวันประจำวันในแต่ละวันก็วุ่นวายสับสนเหลือเกิน ทั้งรถติด งานหนัก เงินไม่พอใช้ และอีกสารพัดปัญหาที่เข้ามา แต่ถ้าเรามัวแต่ยึดติดคิดมากกับปัญหาเหล่านั้น ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อร่างกายของเรา เพราะเมื่อเราคิดมากสิ่งที่ตามมาก็คือความเครียด ความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลให้ร่างกายของเรานอนไม่หลับ ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานของร่างกายน้อยลง ทำให้มะเร็งสามารถเข้ามารุกรานเราได้ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาเข้ามาในชีวิตให้เราคิดบวกเข้าไว้ ในเมื่อเรายังมีปัญหาเรายังมีความรู้สึกแสดงว่าเรายังมีชีวิตอยู่เรายังไม่ตาย และปัญหาทุกปัญหาล้วนมีทางออกเสมอ อย่าวิตกกับปัญหาที่เข้ามากระทบกับตัวเราเกินความจำเป็น ให้รู้จักปล่อยวางเสียบางเพียงแค่นี้ชีวิตคุณก็จะมีความสุขมากขึ้น มะเร็งร้ายก็จะเข้ามารุกรานคุณไม่ได้แล้วค่ะ
นี่เป็นวิธี ป้องกันโรคมะเร็ง ที่ดิฉันเองก็ทำอยู่ทุกวัน ถ้าคุณไม่อยากเป็นมะเร็งลองนำไปใช้ดูนะคะ ขนาดตัวดิฉันที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากกว่าคุณยังทำแล้วได้ผล...
รู้มะเร็งแบบลึกๆ คุณต้องอ่านให้ดีๆ ( Pathophysiology of Cancer )
พยาธิสรีรวิทยาของมะเร็ง ( Pathophysiology of Cancer )
คุณรู้ไหมว่า Pathophysiology คืออะไร ? หลายคนไม่เคยได้ยินคำนี้หรือถึงได้ยินก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เรามาทำความรู้จักกับ Pathophysiology หรือพยาธิสรีรวิทยากันดีกว่าค่ะ และคำคำนี้มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับมะเร็งยังไงบ้าง พยาธิสรีรวิทยาของมะเร็ง ( Pathophysiology of Cancer ) คือศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการอธิบายขั้นตอน กระบวนการ หรือกลไกการทำงานของเซลล์ เนื้อเยื่อและระบบของอวัยวะที่เกิดความผิดปกติที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ซึ่งโรคทุกโรคจะมีขั้นตอนและกลไกเกิดขึ้นเสมอ แต่จะมีกลไลที่ต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของโรคมะเร็ง
>> ยีนส์มะเร็ง และการกลายพันธุ์ ทางพันธุกรรม เป็นอย่างไร
>> การป้องกันโรคมะเร็งสามารถทำได้
ก่อนที่เราจะไปรู้ถึง พยาธิสรีรวิทยาของมะเร็ง ( Pathophysiology of Cancer ) นั้น เรามาทำความรู้จักกับเซลล์ในตัวเรากันก่อน เพราะว่าเซลล์นี้แหละที่เป็นต้นกำเนิดของมะเร็งทุกชนิด เมื่อเรารู้จักเซลล์แล้วเราก็จะเข้าใจการพยาธิสรีรวิทยาของโรคมะเร็งได้ง่ายขึ้น เซลล์หน่วยที่เล็กที่สุดในร่างกายของเรา ร่างกายจะประกอบด้วยเซลล์นับล้านล้านเซลล์เข้าด้วยกัน เซลล์รวมตัวกันเป็นอวัยวะ อวัยวะรวมตัวกันเป็นร่างกาย ซึ่งภายในเซลล์ประกอบด้วย
1. เยื่อหุ้มเซลล์ ( Cell Membrane ) มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมัน ทำหน้าที่รักษารูปร่างของเซลล์ และรับสารอาหาร น้ำ ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์พร้อมทั้งนำของเสียออกจากเซลล์
2. ไซโตพลาสซึม ( Cytoplasm ) มีลักษณะเป็นของเหลว ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรตและเกลือแร่ มีหน้าที่ในการสร้างพลังงานให้กับเซลล์และสลายของเสียในเซลล์
3. นิวเคลียส ( Nucleus ) มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของเซลล์ สังเคราะห์ DNA RNA และโปรตีน ควบคุมการถ่ายทอดยีนส์ ควบคุมสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ให้ทำงานเป็นปกติ ภายในของนิวเคลียสประกอบด้วย ดีออกซีไรโบนิวคลีอิก ( Deoxyribonucleic Acid ) หรือ DNA และไรโบนิวคลีอิก ( Ribonucleic Acid ) หรือ RNA ซึ่งทั้งเรียกสารทั้งสองตัวนี้ว่า “ ยีนส์ ”
ยีนส์ที่ควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์
เรารู้แล้วว่าเซลล์ประกอบด้วยอะไรบ้าง แต่ละส่วนมีหน้าที่อย่างไร ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดมะเร็งก็คือส่วนนิวเคลียสของเซลล์เพราะว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานของยีนส์ภายในเซลล์ โดยยีนส์ที่ควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์นั้นเราแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ
1. ยีนส์กระตุ้นการแบ่งเซลล์ ( Proto Oncogene ) เป็นยีนส์ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้น โดยเมื่อยีนส์ส่งสัญญาณออกมาเซลล์จะมีการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้นและเมื่อยีนส์หยุดการส่งสัญญาณเซลล์ก็จะหยุดการแบ่งตัวทันที
2. ยีนส์ยั้บยั้งการแบ่งเซลล์ ( Tumor Suppressor Gene ) เป็นยีนส์ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ โดยเมื่อยีนส์นี้จะส่งสัญญาณให้กับเซลล์จะหยุดการแบ่งตัว แต่เมื่อยีนส์หยุดการส่งสัญญาณเซลล์ก็จะเริ่มการแบ่งตัว
ยีนส์ทั้งสองตัวนี้จะสลับกันทำหน้าที่ นั่นคือ เมื่อยีนส์กระตุ้นทำงานด้วยการส่งสัญญาณให้เซลล์ทำการแบ่งตัว ยีนส์ยับยั้งก็จะหยุดทำงานทันที ในทางกลับกันเมื่อยีนส์ยับยั้งเริ่มทำงานด้วยการส่งสัญญาณให้เซลล์หยุดแบ่งตัว ยีนส์กระตุ้นก็จะหยุดทำงานทันทีเช่นกัน
กลไลการเกิด มะเร็ง เกิดจากการที่ยีนส์กระตุ้นการแบ่งเซลล์หรือยีนส์ยับยั้งการแบ่งเซลล์มีความผิดปกติ ซึ่งมีกลไกในการเกิดมะเร็งแบบง่ายๆ ก็คือ สารก่อมะเร็งหรือตัวกระตุ้นเข้าไปทำลายยีนส์กระตุ้นการแบ่งเซลล์ ( Proto Oncogene ) และยีนส์ยั้บยั้งการแบ่งเซลล์ ( Tumor Suppressor Gene ) จนยีนส์ภายในเซลล์เกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งในระยะแรกที่สารก่อมะเร็งเข้าไปทำลายยีนส์นั้น ยีนส์นี้จะยังไม่มีการแสดงอาการออกมา จะมีแค่การเปลี่ยนแปลงภายในเท่านั้น แต่เมื่อเวลาร่างกายได้รับสารก่อมะเร็งเพิ่มเข้ามาอีก สารก่อมะเร็งนี้จะเข้าไปกระตุ้นยีนส์ที่กลายพันธุ์ให้แสดงอาการออกมา โดยจะเข้าไปเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ยีนส์กลายพันธุ์ให้เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นก้อนมะเร็ง การกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตนั้นต้องทำการกระตุ้นหลายๆ ครั้ง เซลล์จึงเจริญเติบโตเป็นก้อนมะเร็งที่มีผลต่อร่างกายได้ ไม่ใช่ว่ากระตุ้นแค่ครั้งเดียวแล้วเซลล์กลายพันธ์จะโตเป็นก้อนมะเร็งได้เลย
จากกลไลการเกิด มะเร็ง เราจะพบว่าการทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์นั้นเกิดขึ้นได้ง่าย แต่การที่จะทำให้เซลล์กลายพันธุ์เจริญเติบโตเป็นมะเร็งนั้น ต้องอาศัยระยะเวลานานกว่าที่สารก่อมะเร็งจะกระตุ้นให้เซลล์กลายพันธุ์เจริญเติบโตเป็นก้อนมะเร็ง นั่นความว่าถึงเราจะมีเซลล์กลายพันธุ์เกิดขึ้นอยู่ในตัวเราแล้ว...
ชนิดของมะเร็ง
ชนิดของมะเร็ง
ถ้าให้จินตนาการคุณคิดว่ามะเร็งเหมือนอะไร? ดิฉันว่าเหมือนหินงอกหินย้อยนะ ก็มันเป็นก้อนๆ มีตะปุ่มตะป่ำรอบเหมือนกับก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งนี่น่า คุณคิดเหมือนดิฉันไหมคะ แต่ว่าคุณหมอที่ค้นพบมะเร็งคงไม่คิดเหมือนกับดิฉันแน่ๆ หรือไม่คุณหมอก็คงไม่เคยเห็นหินงอกหินย้อยก็เลยไม่รู้ว่ามันเหมือนก้อนมะเร็งมากขนาดไหน แต่คุณหมอนี่จินตนาการล้ำเลิศมากที่บอกว่า เนื้องอกที่เป็นมะเร็งนั้นมีลักษณะเหมือนปูเลยให้ชื่อว่า มะเร็ง ( Cancer ) ที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกจากคำว่า Carcinus หรือ Canker ที่มีความหมายว่า “ปู” ที่คุณหมอให้ชื่อแบบนี้ก็มีเหตุผลนะ เหตุผลที่ว่าก็คือ มะเร็งมีการเจริญเติบโตไปทุกทิศทุกทางอย่างไม่มีแบบแผนที่แน่นอน นั่นคือมะเร็งสามารถเติบโตได้ทั้งทางซ้าย ขวา บนหรือล่าง ซึ่งลักษณะการยื่นออกมาเหมือนกับแขน ขาของปูที่ยื่นออกมารอบตัวแบบไม่มีทิศทางนั่นเอง พอรู้อย่างนี้แล้วเวลากินปูดิฉันจะกล้ากินไหมเนี่ย ถ้าต้องจินตนาการว่ามะเร็งเหมือนปู ความอยากกินปูคงหายไปหมดว่ามั้ยคะ แล้วคุณรู้ไหมว่ามะเร็งเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดในร่างกายเราได้บ้าง แล้วเราแบ่งชนิดของมะเร็งยังไงกันนะ ถ้ายังไม่รู้เรามาทำความรู้จักกับชนิดของมะเร็งกัน
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
>> ที่มาของสาเหตุของการเกิดมะเร็ง
ระบบการทำงานของร่างกาย
ร่างกายของคนเรานี่ประกอบไปด้วยอวัยวะหลายอย่างที่ทำงานร่วมกันเป็นระบบต่อเนื่องกัน การทำงานของอวัยวะจะสอดประสานกันเป็นอย่างดีเป็นผลทำให้ร่างกายสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ โดยที่ร่างกายของเรานั้นประกอบไปด้วย 11 ระบบ ดังนี้
1. ระบบประสาท ระบบทำหน้าที่รับและส่งต่อความรู้สึกไปยังส่วนต่างของร่างกาย
2. ระบบผิวหนัง คือ ผิวหนังด้านนอกที่ทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในร่างกาย และทำให้ร่างกายคงรูปร่าง
3. ระบบย่อยอาหาร คือระบบที่ทำการย่อยอาหารให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็กเพื่อที่ร่างกายจะทำการดูดซึมสารอาหาร
4. มะเร็งระบบทางเดินหายใจ คือระบบที่ทำหน้าที่นำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและนำคาร์บอนไดออกไซต์ออกจากร่างกาย
5. ระบบน้ำเหลือง คือ ระบบที่ทำหน้าที่พาสารอาหารจากเลือดส่งให้กับเซลล์ ช่วยให้ระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันทำงานได้เป็นปกติ
6. ระบบเลือด คือ ระบบที่ทำหน้าที่นำพาสารอาหาร ออกซิเจนเข้าสู่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย
7. ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ คือ ระบบที่ช่วยในการสืบพันธุ์ของคนเรา ซึ่งจะมีทั้งระบบสืบพันธุ์เพศหญิงและระบบสืบพันธุ์เพศชาย
8. ระบบขับถ่าย คือ ระบบที่ทำการขับของเสียออกจากร่างกาย
9. ระบบกล้ามเนื้อ คือ ระบบที่ทำงานร่วมกับกระดูกช่วยให้โครงกระดูกเคลื่อนไหวได้
10. ระบบกระดูก คือ ระบบที่มีความแข็งแรงที่สุดของร่างกาย มีหน้าที่ทำให้ร่างกายเป็นรูปร่างและเคลื่อนที่
11. ระบบการได้ยิน คือ ระบบที่ควบคุมการได้ยินของร่างกาย
ระบบในร่างกายเรานี่สุดยอดจริงๆ เลยนะคะ มีตั้งหลายระบบแต่ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว มีการสั่งงานและทำงานภายในชั่วพริบตา เหมือนที่ดิฉันเคยบอกว่าร่างกายคนเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ มันช่างมหัศจรรย์จริงๆนะคะ อวัยวะนี่เกิดจากการรวมตัวกันของเซลล์เล็กๆ หลายล้านเซลล์เข้าด้วยกัน ซึ่งถ้าเซลล์เกิดการกลายพันธุ์ขึ้นเซลล์เหล่านี้ก็จะเป็นแหล่งกำเนิดของ มะเร็ง แบบนี้ก็แสดงว่าอวัยวะทุกอวัยวะในร่างกายสามารถเกิดมะเร็งได้หมดเลยนะเนี่ย ไม่เว้นแม้แต่กระดูกที่จัดเป็นอวัยวะที่แข็งแรงที่สุดของร่างกายก็ยังเกิดเป็นมะเร็งกระดูกได้เหมือนกัน ชนิดของมะเร็งเราก็จะมีการเรียกชื่อตามอวัยวะในร่างกายที่เป็นแหล่งกำเนิดของก้อนมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
ชนิดของมะเร็งที่เกิดขึ้นในร่างกาย
แต่สำหรับคุณหมอแล้วยังต้องหาอีกว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรานี่เกิดจากเซลล์ชนิดไหนอีกด้วย ซึ่งวิธีการแบ่งชนิดมะเร็งของคุณหมอ คือ
1. มะเร็งคาร์ซิโนมา ( Carcinoma ) คือ มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุ
2. มะเร็งซาร์โคมา ( Sarcoma ) คือ มะเร็งที่เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue)
3. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ( Lymphoma )
4.มะเร็งเม็ดเลือดขาว ( Leukemias ) หรือลูคีเมีย
5. มะเร็งผิวหนัง ( Melanoma ) คือ เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีผิว
การที่คุณหมอต้องแบ่งตามชนิดของเซลล์ ก็เพื่อหาว่าเซลล์ที่ทำให้เกิดมะเร็งนั้นเป็นเซลล์ชนิดไหน จะได้กำหนดและหาแนวทางในการรักษามะเร็งที่เกิดขึ้นได้ถูกต้อง เพราะมะเร็งที่มีแหล่งกำเนิดจากเซลล์ที่ต่างกันก็จะมีวิธีการรักษาที่ต่างกันด้วย แบบนี้คนไข้ก็จะมีสิทธิ์รอดจากมะเร็งมากขึ้นไงคะ เป็นคุณหมอนี่ต้องละเอียดมากจริง เพราะถ้าพลาดเพียงนิดเดียวหมายถึงชีวิตของคนไข้ทั้งชีวิตนี่คะ
มะเร็ง ถึงจะการเรียกชื่อที่ต่างกันตามความต้องการและความเข้าใจของแต่ละคน แต่ว่าสิ่งที่เหมือนกัน คือ มะเร็งเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนส์ภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มีการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและเซลล์นั้นยังสามารถแพร่กระจายไปทำลายอวัยวะอื่นๆ ได้อีกด้วย มะเร็งจัดเป็นโรคร้ายแรงที่น่ากลัวสำหรับทุกคน แต่ว่ามะเร็งก็เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ ถ้าคุณทำความรู้จักกับมะเร็งดีพอ คุณจะรู้ว่ามะเร็งก็เหมือนโรคทุกโรคที่มีโอกาสรอดและตายได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมและการรักษาของเราเอง ดิฉันเองตอนนี้พร้อมที่จะรับมือกับมะเร็งทุกอย่างที่จะเข้ามาแล้วค่ะ เพราะดิฉันได้ทำความรู้จักกับมะเร็งมาเป็นอย่างดี แล้วคุณพร้อมที่จะรับมือและป้องกันมะเร็งแล้วหรือยัง?
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
ฉันจะเป็น มะเร็ง แล้วทำยังไงดี? ดิฉันได้เคยบอกวิธีรับมือเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งกันมาแล้วว่าเราต้องทำยังไงบ้าง เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ทรมานจากการรับรู้ว่าเป็นมะเร็ง มาคราวนี้ดิฉันจะมาบอกว่าเมื่อเราเป็นมะเร็งแล้วเราจะอยู่กับมะเร็งยังไงให้เป็นสุข จริงๆ แล้วดิฉันต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะว่าดิฉันไม่ใช่นักพูดให้กำลังใจหรือโค้ชชีวิตมืออาชีพหรอกนะคะ เดี๋ยวใครๆ จะบอกว่ารู้ดีจริงนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นำมาบอกเล่านี่ก็ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวดิฉันกับคนใกล้ชิดที่ผ่านการรักษามะเร็งมาแล้วทั้งสิ้น และอยากนำมาบอกเล่าเพื่อสร้างกำลังใจและการทำตัวที่ถูกต้องในการอยู่กับมะเร็ง เพื่อลดความเครียด ความวิตกกังวลของคนป่วย ตอนแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งกว่าจะตั้งหลักได้ก็พักใหญ่ทีเดียว กว่าที่ดิฉันจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนคนก่อนที่จะรู้ว่าเป็นมะเร็ง แต่ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะกำลังใจจากคนรอบตัว ทั้งสามี ลูกและญาติผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน สิ่งหนึ่งที่ดิฉันคิดว่าดิฉันโชคดีกว่าอีกหลายคนมาก ก็คือดิฉันมี ตัวอย่างของคนที่รักษามะเร็งจนหายดี มีชีวิตรอดจากมะเร็งร้ายอยู่ใกล้ตัว ทำให้ดิฉันมีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งคนนั้นก็คือคุณป้าของดิฉันเอง ป้าป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อตอนอายุ 40 ปีเหมือนกับดิฉัน และท่านก็รักษาตัวและมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ป้าอายุก็ปาเข้าไปจะ 80 ปีแล้วค่ะ มีร่างกายที่แข็งแรงตามวัยของแก่ เดินได้ พูดรู้เรื่องทุกอย่างแถมยังขี้บ่นตามประสาคนแก่อายุ 80 ค่ะ แล้วแบบนี้เราจะมัวแต่กลัวมะเร็งกันอยู่ทำไมคะ เรามาดูว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่กับมะเร็งยังไงดี
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
>> สาเหตุของการเกิดมะเร็ง
1. คิดบวก ป่วยเป็น มะเร็ง จะให้คิดบวกอีกเหรอบ้าหรือป่าวเนี่ย? ไม่บ้าค่ะ คุณรู้ไหมคะ ว่าการคิดบวกเป็นการลดความเครียดและสร้างกำลังใจให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเราไม่มีกำลังใจต่อให้คนร้อยคนมาพูดเราก็ไม่มีแรงสู้หรอกค่ะ การคิดบวกในที่นี่ไม่ได้ให้คิดว่าคุณไม่เป็นมะเร็งนะคะ แต่ให้คุณคิดว่ามะเร็งที่คุณเป็นอยู่สามารถรักษาให้หายได้ คุณมีโอกาสหายจากโรคมะเร็งที่เป็นได้ คุณรักษามะเร็งให้หายได้แน่นอน ดิฉันแนะนำว่าให้บอกตัวเองอย่างนี้ทุกวัน วันละหลายๆ ครั้งก็ได้ คำเหล่านี้จะค่อยซึมซับเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคุณ และคุณก็จะมีความเชื่อมั่นว่าคุณรักษามะเร็งหายได้อย่างแน่ๆ เมื่อเรารู้สึกว่าเดี๋ยวเราก็หายเราก็จะมีกำลังใจในการรักษาตัว มีความสุขที่ได้รับการรักษา ก็เหมือนกับที่เรากินยาแก้ไขหวัดนั่นแหละค่ะ เรารู้ว่าเรากินยาแล้วเดี๋ยวเราก็หาย เราจึงมีความตั้งใจในการกินยาและเราก็หายป่วยจริงๆ ตามที่เราคิด และที่สำคัญเมื่อเราคิดบวกเราก็มองว่ามะเร็งเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ ที่แก้ไขได้ ทำให้จิตใจเราสบายไม่มีความเครียด มะเร็งก็ไม่ลุกลามไปมากกว่าเดิม เชื่อมั้ยคะ ในบางรายหมอบอกว่ามะเร็งที่เป็นอยู่ในขั้นที่รุนแรงแล้ว มีโอกาสรักษาหายแค่ 20 % เท่านั้นเอง แต่เจ้าตัวไม่เครียดปล่อยวางพร้อมทั้งทำการรักษาไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ามะเร็งที่เป็นหายไปเองเลยค่ะ หมอยังตกใจเลยว่าทำไมถึงหายเร็วกว่าที่หมอคิดมากนัก มะเร็งมันกลัวใจเราค่ะ เมื่อเราไม่กลัวมัน เราทำการรักษาอย่างถูกต้องเมื่อนั้นมะเร็งจะกลัวเราจนฝ่อไปเอง
2.เชื่อหมอ อย่าคิดเองหรือเชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่หมอรักษาเรานะคะ เพราะไม่มีใครที่รู้ว่าเราเป็นอย่างไรนอกจากตัวเราเองและคุณหมอที่ทำการรักษาเรา คุณหมอนัดเมื่อไหร่ สั่งห้ามทำอะไร สั่งให้ทำอะไร เราต้องทำตามทุกอย่างเลยนะ ทั้งเรื่องการกิน เรื่องนอน เรื่องการปฏิบัติตัวทุกอย่าง เพราะเวลาที่เราเป็น มะเร็ง นั้น คุณหมอจะมีอาหารที่ห้ามรับประทานและอาหารที่ให้รับประทาน การนอนพักผ่อนว่าต้องนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน แต่ละวันต้องทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ว่าคุณหมอห้ามยกของหนักเกิน 3 กิโลกรัมแต่เรายังต้องไปยกของที่มีน้ำหนักเกิน 3 กิโลกรัม แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อตัวเราและการรักษามะเร็งของคุณหมอแน่ๆ ค่ะ เมื่อคุณหมอนัดเราต้องไปทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่สะดวกก็ไม่ไปไม่ได้เด็ดขาดค่ะ เพราะการรักษามะเร็งต้องอาศัยความต่อเนื่องถึงจะรักษาให้หายขาดได้ ตัวดิฉันเองตอนนี้คุณหมอก็ยังนัดอยู่ปีละ 2 ครั้งเป็นการนัดเพื่อตรวจว่ามีเชื้อมะเร็งเกิดขึ้นมาอีกหรือป่าว แต่ดิฉันไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะว่าถ้าดิฉันเป็นมะเร็งอีกดิฉันก็รักษาอีก เดี๋ยวก็หายกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับลูกและสามีได้เหมือนเดิม
3.เลือกกิน เรื่องกินเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับคนที่เป็น มะเร็ง มากทีเดียวนะคะ เพราะว่าเมื่อเรามีเชื้อมะเร็งเกิดขึ้นภายในตัวแล้ว เรายังกินอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเข้าไปอีก เจ้ามะเร็งก็จะกระจายตัวและโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เราจึงควรเลือกกินอาหารที่ไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการทำให้เกิดโรคมะเร็ง ให้เลือกกินผักและผลไม้สดที่ไม่มีสารตกค้าง เช่น กล้วย ทับทิม แอปเปิ้ล ส้ม ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ แก้วมังกร มังคุด เป็นต้น งดเนื้อสัตว์ที่มีสีแดงให้เปลี่ยนมากินเนื้อปลาโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกที่มีโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ไม่กินอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยง อย่าง อาหารหมักดอง กะปิ น้ำปลา หมูยอ กุญเชียง ไส้กรอก ลูกชิ้น อาหารแปรรูปทุกชนิด กินผักสดที่ไม่ใช่ผักที่นิยมกินส่วนยอดเพียงอย่างเดียว เช่น ยอดกระถิน ยอดชะอม...
คุณกำลังเป็นมะเร็งอะไร ?
คุณกำลังเป็นมะเร็งอะไร ?
ดิฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเป็น มะเร็ง แต่ว่าบางคนก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นมะเร็ง อาจจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือความจำเป็นที่ต้องอยู่กับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ดังนั้นเราจึงต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่เรื่อยๆ เพราะว่าอาการและความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นและแสดงออกมานั้น สามารถบอกเราได้นะว่า ตอนนี้เรากำลังเป็นมะเร็งอะไรอยู่ แล้วอาการอะไรบ้างที่บ่งบอกว่าเราเป็นมะเร็งชนิดไหน วันนี้ดิฉันจะพูดถึงอาการของมะเร็ง 6 อันดับต้นๆ ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ที่มีคนไทยเป็นกันมากทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แล้วมาดูกันสิว่าถ้าคุณมีอาการอย่างนี้ คุณจะกำลังเป็นมะเร็งอะไร
>> การป้องกันโรคมะเร็งสามารถทำได้
>> สาเหตุของการเกิดมะเร็ง
1.มะเร็ง เต้านม มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่ผู้หญิงเป็นกันมากที่สุดเลย เกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปของร่างกาย ไม่ว่าจะมาจากอายุที่ถึงวัยหมดประจำเดือน การเป็นโรคอ้วนทำให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เซลล์เต้านม ท่อน้ำนมและต่อมน้ำเหลืองบริเวณภายในเต้านมหรือใต้รักแร้เกิดการแบ่งตัวอย่างผิดปกติ อาการของมะเร็งเต้านมก็คือการมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นบริเวณภายในเต้านมหรือบริเวณรอบเต้านมรวมถึงบริเวณใต้รักแร้ของด้วย สำหรับบางคนอาจจะมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกมาจากเต้านมโดยไม่ทราบสาเหตุ มีตุ่มสิวหรือก้อนเนื้อขึ้นบริเวณหัวนม รู้สึกเต้านมบวมเป่งขึ้นและอาจจะมีอาการปวดที่เต้านม ซึ่งในบางรายอาจจะมีอาการวิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย เนื่องจากภาวะฮอร์โมนของร่างกายมีความผิดปกติ
2.มะเร็ง ลำไส้และทวารหนัก มะเร็งลำไส้จะพบมากในคนที่มีระบบขับถ่ายผิดปกติ เกิดจาการที่เซลล์ลำไส้ใหญ่โดนทำลายด้วยอนุมูลอิสระทำให้ยีนส์ของเซลล์เปลี่ยนแปลงไปและมีการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งจนเกิดเป็นก้อนเนื้อในลำไส้ ซึ่งลำไส้ของคนเรามีความยาว 1.5-1.8 เมตรนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ทุกที่ อาการของคนที่เป็นมะเร็งลำไส้แล้วก็คือ ท้องผูกเป็นประจำทำให้สิ่งสกปรกเกิดการตกค้างอยู่ภายในลำไส้ เกิดเป็นสารพิษเข้าไปทำลายเซลล์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นหรือทำให้เกิดการอักเสบจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง หรือในบางรายก็จะมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย ถ่ายมีเลือดหรือมูกที่มีเลือดผสมอยู่ออกมาด้วย เนื่องจากสภาพของลำไส้อ่อนแอเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้ามาก็ทำให้ท้องเสีย แต่เมื่อเชื้อโรคโดนขับออกไปจนหมดก็กลับมาท้องผูกอีก หรือเวลาที่ถ่ายออกมามีเลือดผสมมาด้วย หลายคนคิดว่าเป็นอาการของโรคริดสีดวงทวารหนักจึงไม่ใส่ใจแต่ถ้ามีอาการท้องบวมแข็งร่วมด้วย รู้สึกปวดท้องแน่นท้องและเวลาที่ขับถ่ายขนาดของอุจจาระก็มีขนาดที่เล็กลงเพราะมีก้อนเนื้อบังลำไส้ทำให้ของเสียหลุดลอดออกมาได้น้อย ขนาดอุจจาระจึงมีขนาดเล็กลงนั้นเอง มีน้ำหนักลดลงทั้งที่หน้าท้องไม่ยุบลงเลย ขอให้ท่านพึงระวังไว้ว่าคุณอาจจะกำลังเป็นมะเร็งลำไส้หรือทวารหนักอยู่ก็ได้
3.มะเร็ง ปอด เกิดจากที่เซลล์และเนื้อเยื่อภายในปอดโดนทำลาย จนยีนส์ของเซลล์และเนื้อเยื่อภายในปอดเกิดความผิดปกติและทำการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ก้อนเนื้อที่โตขึ้นเข้าไปอุดตันช่องแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนภายในปอดโดยมีสาเหตุหลักๆ จากได้รับควันบุหรี่ทั้งคนที่สูบเองและคนที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติ 20 -30 เท่า รวมถึงการได้รับควันรถยนต์ ควันจากการเผาไหม้ขยะ เศษใบไม้ พลาสติกและควันจากการปิ้งย่างอาหารเพื่อรับประทานล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ทั้งสิ้น คนที่เริ่มเป็นมะเร็งปอดจะมีอาการไอเรื้อรัง ไอต่อเนื่องเป็นหลายเดือนรักษา เวลาไอรู้สึกเจ็บหน้าอก ไอแล้วมีเลือดออกมาด้วย เสียงแหบ หายใจหอบหรือเวลาหายใจรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ เหนื่อยง่ายหรือรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยตลอดเวลา เบื่ออาหารและน้ำหนักลดลงอย่างไร้สาเหตุ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้อย่านิ่งนอนใจนะ ต้องรีบไปหาคุณหมอแล้วค่ะ เพราะคุณกำลังเป็นมะเร็งปอดแล้วนะ
4.มะเร็ง ปากมดลูก เกิดจากติดเชื้อไวรัส HPV ( Human Papillomavirus ) ที่บริเวณปากมดลูกหรืออวัยวะเพศ โดยเชื้อไวรัสนี้จะไปกระตุ้นให้เซลล์ปากมีการแบ่งตัวมากขึ้น ถ้าเชื้อไวรัสนี้เกิดขึ้นภายนอกเซลล์ที่แบ่งตัวออกมาจะมีลักษณะคล้ายหูดเกิดขึ้น การติดเชื้อ HPV เกิดจากการที่มีเพศสัมพันธ์ การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ การมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีอายุน้อยกว่า 16 ปีและการมีลูกเป็นจำนวนมาก อาการของคนที่เริ่มเป็นมะเร็งปากมดลูกคือ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน ประจำเดือนมามากหรือน้อยผิดปกติ มีตกขาวปนเลือดมีกลิ่นเหม็น เจ็บช่องคลอดทั้งขณะมีเพศสัมพัศธ์และมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เบื่ออาหาร ปวดท้องน้อยหรือเชิงกรานเป็นประจำ บางคนอาจมีอาการปวดหลังร่วมด้วย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อาการเหล่านี้ ดิฉันขอเตือนให้คุณเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะที่ค่อนข้างอันตรายแล้วนะคะ ทางที่ดีคุณควรที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีเพื่อที่จะได้พบมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก จะได้มีโอกาสรักษาหายมากขึ้นค่ะ ไม่ต้องอายหมอนะคะ ถ้าอายหมอแล้วเสี่ยงกับการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก ดิฉันว่าอย่าอายจะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของชีวิตเราไงค่ะ
5.มะเร็ง ตับ มะเร็งตับนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งภายในตับ ต่อมน้ำเหลืองและท่อน้ำดี มีสาเหตุมาจากการที่ภายในตับเกิดการอักเสบหรือเซลล์ตับถูกทำลายจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ร่วมถึงการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับซึ่งเป็นที่มาของมะเร็งท่อน้ำดี และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับคือการดื่มเหล้าเป็นประจำ อาการของคนที่เป็นมะเร็งตับคือ อยู่ดีๆ ก็จุกหน้าเสียดแน่นที่ชายโครงด้านขวา ปวดท้อง ตัวเหลืองผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอย่างเห็นได้ชัด ตาเหลือง มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อท้องบวม อ่อนเพลีย เบื่ออาหารและน้ำหนักลดลงผิดปกติ เมื่อทำการคลำบริเวณชายดครงด้านขวาอาจจะพบว่ามีก้อนเนื้ออยู่ด้วย นี่เป็นอาการของคนที่เป็นมะเร็งตับ มะเร็งตับสามารถตรวจคัดกรองเพื่อหาสารบ่งชี้การเป็นมะเร็งได้นะคะ ถ้าใครสงสัยว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งตับหรือไม่สามารถไปทำการตรวจได้ โดยเฉพาะคนที่ดื่มเหล้าจัดนั้นถือว่ามีอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับสูงมาก
6.มะเร็ง ช่องปาก เกิดจาการอวัยวะในช่องปากมีความผิดปกติ โดยเฉพาะเซลล์เนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ภายในช่องปากจะมีการแบ่งตัวที่ผิดปกติเกิดเป็นมะเร็งชนิดสแควมัส (Squamous Cell Carcinoma) สาเหตุของมะเร็งช่องปากคือการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เสพสารเสพติด การติดเชื้อ HPV จากการนำปากไปสัมผัสกับอวัยวะเพศของผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่ซึ่งเชื้อนี้มีทังในอวัยวะเพศผู้หญิงและผู้ชาย...
เมื่อคุณเป็นมะเร็งแล้ว จะเริ่มต้นอย่างไร ?
เมื่อคุณเป็นมะเร็งแล้ว จะเริ่มต้นอย่างไร ?
ฉัน เป็นมะเร็ง !!! ครั้งแรกที่ได้ยินว่าตัวเองเป็นมะเร็งเชื่อว่าทุกคนก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างจากดิฉันและครอบครัว เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งดิฉันช็อก! เหมือนโลกทั้งโลกตรงหน้ามันพังทลายจนหมดสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามันดับวูบ เห็นแต่ภาพปากของคุณหมอขยับไปขยับมาพูดกับเรา แต่หูมันฟังไม่รู้เรื่องแล้ว สมองมันเบลอไปหมดไม่รับรู้แล้วว่าหมอพูดกับเราว่าอะไรบ้าง อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันจุกอยู่ในอก เรียกว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย พอออกห้องตรวจเจอหน้าแฟนที่มาเป็นเพื่อนฟังผลตรวจเท่านั้นแหละค่ะ น้ำหูน้ำตาไม่รู้ว่ามาจากไหนมันไหลออกมาไม่หยุด เลย แฟนก็ตกใจมากที่อยู่ดีๆ เราก็ร้องไห้ออกมา แต่เค้าก็คงรู้ว่าผลตรวจของออกมายังไง เค้าได้แต่กอดเราแน่นๆ ที่ตาก็มีน้ำตาไหลคลอออกมาเช่นเดียวกับเรา เรากอดกันร้องไห้อยู่พักใหญ่ ตอนนั้นดิฉันไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วค่ะ ใครจะมองยังไงรู้สึกยังไงกับการที่เรามานั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องตรวจแบบนี้ ตอนนั้นคิดแต่ว่าทำไมดิฉันถึงได้โชคร้ายแบบนี้นะ ทำไมดิฉันต้องเป็นมะเร็งด้วย ทำไม ทำไม ถามตัวเองอยู่อย่างนั้น ดิฉันเชื่อว่าทุกคนที่ได้รับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งในครั้งแรกก็คงมีอาการเหมือนกับที่ดิฉันแทบทุกคน แต่เมื่อนึกย้อนจากวันนั้นจนมาถึงวันนี้วันที่ดิฉันหายจากโรคมะเร็งแล้ว ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคนที่รับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นอย่างดี ดิฉันจึงอยากจะนำคำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งว่าเราควรจะทำตัวอย่างไร เพื่อที่เราจะก้าวผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตนี้ไปได้อย่างสวยงามที่สุด ทั้งเพื่อตัวของเราเองและคนรอบข้างที่รัก
>> การป้องกันโรคมะเร็ง
>> เมื่อคุณเป็นมะเร็งแล้ว จะเริ่มต้นอย่างไร ?
1. ตั้งสติ ดิฉันเชื่อว่าทุกคนที่ได้ยินว่าตัวเอง เป็นมะเร็ง สติไม่อยู่กับตัวแล้ว ความคิดมันจะวิ่งไปถึงภาพคนที่ตายด้วยมะเร็ง คิดว่าเราจะอยู่ได้กี่ปีกี่เดือนเนี่ย เราจะต้องตายใช่ไหม มะเร็งที่เราเป็นร้ายแรงแค่ไหนกัน มะเร็งที่เป็นจะรักษาหายไหม กับอีกหลายคำถามที่สร้างความหดหู่และสิ้นหวังให้กับตัวเอง ไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลย คุณหมอพูดอะไรมาก็ยังฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะและก็จมอยู่กับความทุกข์ ความสิ้นหวังอยู่อย่างนั้นเป็นวันเป็นเดือนเป็นปี บางคนตีโพยตพายโทษโชคชะตาว่าทำไมชีวิตช่างโชคร้ายกับตัวเองขนาดนี้ ทำให้คนรอบข้างรู้สึกเป็นทุกข์ตามเราไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่แรกที่ต้องทำคือ พยายามตั้งสติให้ดี อยู่นิ่งๆ ค่อยคิดๆ ค่อยๆ ฟัง และพิจารณาต่อว่าคุณจะต้องทำยังไงต่อไป อย่าตีโพยตีพายหรือโวยวาย แต่ถ้าคุณทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะค่ะแต่ให้ทำแค่วันที่รู้ว่าตัวเอง เป็นมะเร็ง วันแรกก็พอแล้วค่ะ สำหรับบางคนการปลดปล่อยอารมณ์ไปก็จะทำให้เราสบายใจและตั้งสติได้ง่ายขึ้น ดิฉันเองก็ยอมรับว่าวันแรกที่รู้นั้นทั้งร้องไห้โวยวายทั้งวันเลย แต่พอรุ่งขึ้นอีกวันเราเริ่มมีสติและคิดได้ ตัวเองก็สงบลงและหันมาปรึกษาคนในครอบครัวว่าเราจะต้องทำยังไงกันต่อไป
2. ศึกษาหาข้อมูล หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว ดิฉันกับแฟนก็หาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งที่ดิฉันเป็น อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับมะเร็ง ทั้งในกูเกิ้ล ทั้งในแผ่นพับที่มีแจก ศึกษาจนมีความรู้เกี่ยวกับมะเร็งชนิดนั้นดีพอ ข้อไหนที่ไม่เข้าใจหรือสงสัยก็จดไว้ถามคุณหมอที่ทำการรักษา จนเดี๋ยวนี้ถ้ามีใครเป็นมะเร็งเต้านมที่ดิฉันเคยเป็น ดิฉันจะบอกเล่าได้ทุกอย่างเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม ทั้งอาการและวิธีการรักษาพร้อมทั้งให้กำลังใจกับคนที่เป็นด้วยว่าดิฉันยังรักษาหาย คุณก็รักษาหายไปเหมือนกันนะ
3. ปรึกษาคุณหมอ ครั้งแรกที่เรารับรู้ว่าเราเป็นมะเร็งเต้านม คุณหมอพูดว่าอะไรดิฉันก็ไม่รับรู้แล้วค่ะ คุณหมอเองก็คงเข้าใจดีเลยยังไม่ซักไซ้ดิฉันมากนัก ให้ดิฉันกลับมาทำใจที่บ้านก่อนและทำการนัดครั้งต่อไป เวลาที่ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับมะเร็งดิฉันถามคุณหมอทุกครั้ง คุณหมอก็ใจดีให้คำตอบกับดิฉันอย่างกระจ่างทีเดียว แถมยังพูดให้กำลังใจดีมากเลยค่ะ ดังนั้นถ้าคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยในการรักษา การดูแลตัวเอง คุณอย่าคิดเองเออเองนะคะ ให้สอบถามและปรึกษาคุณหมอทุกอย่าง ทั้งระยะของมะเร็งที่ตรวจพบ อาการที่ต้องระวัง การดูแลตัวเอง สถานที่รักษาและขั้นตอนการรักษา ถามทุกอย่างที่สงสัยค่ะเราจะได้มีความรู้และความเข้าใจในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง จะได้รักษามะเร็งให้หายขาด ไม่ต้องกลัวคุณหมอว่าเราหรอกค่ะ เพราะเราเองก็ไม่เคย เป็นมะเร็ง มาก่อนนี่คะ และก็ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับมะเร็งมาด้วย เราย่อมมีความรู้เกี่ยวกับมะเร็งน้อยกว่าคุณหมอแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นอยากรู้อะไรถามเพื่อความสบายใจของงเราค่ะ
4. พูดคุยกับคนในครอบครัว หลายคนที่พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งมักจะเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใครแม้แต่กับคนใกล้ชิด ไม่พูดคุยเหมือนก่อนที่จะตรวจเจอมะเร็ง การทำแบบนี้ไม่ดีต่อทั้งตัวคุณเองและคนใกล้ชิดของคุณเป็นอย่างมาก ตัวคุณเองก็จะคิวิตกไปสารพัดจนกลายเป็นความเครียดเกิดขึ้น คนใกล้ชิดก็พลอยเครียดตามคุณไปด้วย เมื่อเห็นคุณวิตกกังวลและเป็นทุกข์กับการที่คุณป่วย เป็นมะเร็ง ทางที่ดีคุณควรพูดคุยเล่าถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ว่ารู้สึกอย่างไร เจ็บปวดตรงไหน กังวลเกี่ยวเรื่องอะไรบ้าง เป็นการระบายความรู้กสึกที่อยู่ข้างในออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ และยังเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดของตัวเองและครอบครัว รับรองว่าพอคุณเล่าให้ทุกคนฟังถึงสิ่งที่คุณเป็นและคุณรู้สึก คุณจะรู้สึกโล่งมาก และเราก็ได้รับรู้อีกว่าเราไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพียงคนเดียว ยังมีคนที่รักเราพร้อมสู้ไปกับเราเป็นกำลังใจและเคียงข้างเราตลอดเวลา คุณรู้ไหมค่ะ ว่าถ้าเราเครียดมากๆ มะเร็งก็จะขยายขนาดได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัวในระยะเวลาอันสั้นอีกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นห้ามเครียดให้รู้จักปล่อยวางหรือระบายเสียบ้างจะเป็นผลดีต่อการรักษามะเร็งเป็นอย่างมาก
5. หาสถานที่รักษา สำหรับบางคนที่มีทางเลือกในการรักษาก็ให้หาข้อมูลเกี่ยวกับหมอที่ทำการรักษาโรคมะเร็งที่คุณเป็นอยู่ โรงพยาบาลไหนรักษาดี คุณหมอท่านใดที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับมะเร็งที่คุณเป็นมากที่สุด เมื่อคุณพร้อมก็ติดต่อคุณหมอท่านนั้นเพื่อเข้าไปทำการรักษา แต่สำหรับดิฉันที่เป็นคนธรรมดารายได้ไม่มากก็เลือกรักษากับโรงพยาบาลของรัฐที่ทำการตรวจเจอนั่นแหละค่ะ เพราะถึงแม้คุณหมอที่ทำการรักษาดิฉันจะไม่ได้เป็นหมออันดับหนึ่งของประเทศแต่ท่านก็รักษาคนไข้หายมาแล้วนับหมื่นราย และค่ารักษาพยาบาลก็มีสวัสดิการของรัฐที่ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มากที่เดียว ซึ่งดีต่อสุขภาพจิตของคนป่วยอย่างดิฉันที่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายย่อมเป็นผลดีต่อการรักษามะเร็ง
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเมื่อรู้ว่าตัวเอง เป็นมะเร็ง ดิฉันหวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่เป็นมะเร็งหลายๆ คนนะคะ มะเร็งเป็นโรคที่ร้ายแรงก็จริงแต่ถ้าคุณตรวจพบได้เร็วและมีกำลังใจในการต่อสู้กับมะเร็ง คุณก็มีโอกาสที่จะหายขาดจากมะเร็งได้ ดิฉันเชื่อว่ามีคนที่ป่วยเป็นมะเร็งและทำการรักษาจนหายมาแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตัวดิฉันเอง สิ่งสำคัญที่ทำให้ดิฉันรักษาโรคมะเร็งจนหายได้ก็คือสติและกำลังใจของตัวเองและคนรอบข้างที่ช่วยให้ดิฉันมีพลังต่อสู้จนชนะเจ้ามะเร็งร้ายกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ เมื่อคุณรู้ว่าเริ่ม เป็นมะเร็ง แล้วอย่าตกใจจนสิ้นหวังขอให้คุณทำตามที่ดิฉันบอกไว้รับรองว่าคุณมีโอกาสหายจากมะเร็งแน่นอนค่ะ
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
มาเริ่มเรียนรู้ มะเร็งแบบ มืออาชีพกันได้แล้ว
มาเริ่มเรียนรู้ มะเร็งแบบ มืออาชีพกันได้แล้ว
คุณกลัวเป็น มะเร็ง ไหม? ดิฉันกลัวค่ะ ไม่ได้กลัวตายจากโรคมะเร็งนะคะ แต่ว่ากลัวการเจ็บปวดที่เกิดจากมะเร็งมากกว่าค่ะ ถ้าเรากลัวที่จะเป็นมะเร็งเราก็ต้องทำความรู้จักกับเจ้ามะเร็งแบบมืออาชีพกันค่ะ ตามคำโบราณที่ว่า “ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ” ถ้าเรารู้จักมะเร็ง เราก็ชนะมะเร็งได้จริงมั้ยคะ มะเร็งดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่จริงแล้วมะเร็งมันอยู่ใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คุณคิด สารก่อมะเร็งนั้นอาศัยอยู่รอบๆ ตัวเรารอจังหวะเข้าไปอยู่ในตัวเรา วันนี้ดิฉันจะมาบอกเกี่ยวกับมะเร็งร้ายให้คุณได้รู้กันว่าเจ้ามะเร็งร้ายมันน่ากลัวอย่างที่คิดหรือไม่
>> เมื่อคุณเป็นมะเร็งแล้ว จะต้องทำตัวอย่างไร ?
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
มะเร็ง คือ เนื้องอกร้ายที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติชองเซลล์ มีการเจริญเติบโตแบบหยุดยั้งและเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นไม่มีวันตาย เซลล์มะเร็งยังสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อใกล้เคียงหรืออวัยวะที่อยู่ห่างออกไป โดยการแพร่กระจายไปในกระแสเลือดและน้ำเหลือง เซลล์มะเร็งจะมีการแบ่งตัวได้แม้ร่างกายจะไม่มีสัญญาณบ่งบอกให้มีการสร้างหรือแม้จะมีคำสั่งให้หยุดแบ่งเซลล์ก็ตาม เซลล์จะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างสร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อของอวัยวะที่มีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อเกิดมะเร็ง คือ สารก่อมะเร็งและอนุมูลอิสระที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ เหล้า อาหารหมักดอง การกินเนื้อสัตว์ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงและสารเร่งโตมากว่าการกินผักผลไม้สด การโดนรังสี การกินอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แป้งจนเป็นโรคอ้วน การไม่ออกกำลัง เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ทั้งสิ้น
กลุ่มของมะเร็งชนิดต่างๆ
1. มะเร็งคาร์ซิโนมา ( Carcinoma ) เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผิว
2. มะเร็งซาร์โคมา ( Sarcoma ) คือมะเร็งที่เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่ออ่อน ( Soft Tissue ) เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ( Connective Tissue ) หรือเซลล์เนื้อเยื่อเสริม ( Supportive Tissue )
3. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ( Lymphoma ) คือมะเร็งที่เกิดจากการที่เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในต่อมน้ำหลืองหรือเนื้อเยื่อของน้ำเหลือง
4. มะเร็งเม็ดเลือดขาว ( Leukemias ) หรือลูคีเมีย คือมะเร็งที่เกิดจากไขกระดูกทำการผลิตตัวอ่อนเม็ดเลือดขาวออกมามากผิดปกติ
5. มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) คือเป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีผิว ( Melanocyte )
ระยะของเชื้อมะเร็งที่ตรวจพบ
เชื้อมะเร็งที่พบอยู่ในตัวเรานี่ ได้มีการแบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกัน ซึ่งการแบ่งระยะของมะเร็งนี้ เราจะทำการวัดการแพร่กระจายและขนาดของเซลล์มะเร็งที่ตรวจพบ โดยมีการแบ่งระยะดังนี้
ระยะที่ 1 (Stage 1) เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ขนาดของก้อนเนื้อที่พบมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตรและยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้น มีแต่การแบ่งตัวเป็นก้อนเนื้อกลุ่มเล็กๆ อยู่ภายในอวัยวะเท่านั้น มะเร็งที่ตรวจพบในระยะที่ 1 นี้เป็นมะเร็งที่มีโอกาสรักษาให้หายมากที่สุด คือมากถึง 90%
ระยะที่ 2 (Stage 2) เซลล์มะเร็งมีขนาดโตอยู่ระหว่าง 2-5 เซนติเมตร มีการแพร่กระจายอยู่ในอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่เป็นต้นกำเนิดของเซลล์มะเร็ง เช่น เซลล์มะเร็งปอดที่ยังมีการแพร่กระจายอยู่ที่ปอดเท่านั้น เป็นต้น เมื่อตรวจพบมะเร็งในระยะนี้สามารถรักษาหายได้ถึง 80%
ระยะที่ 3 (Stage 3) เซลล์มะเร็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร มีการแพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะหรือเนื้อเยื่อข้างเคียง และมีการแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ชิดกับอวัยวะที่เกิดมะเร็ง มะเร็งที่ตรวจพบในระยะนี้สามารถโอกาสที่ได้อยู่ที่ 50%
ระยะที่ 4 (Stage 4) เป็นระยะสุดท้ายของมะเร็ง ระยะนี้เซลล์มะเร็งจะมีขนาดใหญ่มาก และมีการแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและต่อมน้ำเหลือง เป็นผลให้ต่อมน้ำเหลืองมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ผ่านทางกรแสเลือด กระแสน้ำเหลือง มะเร็งระระสุดท้ายนี้มีโอกาสที่จะรักษาหายได้น้อยมาก ผู้ป่วยที่ตรวจพบมะเร็งระยะนี้จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงมากถึง 85% เลยที่เดียว
นอกจากมะเร็งทั้ง 4 ระยะข้างต้นแล้ว...
โดนแดดมากๆ เป็นมะเร็งไหม? แดดเมืองไทยน่ากลัวไหม ?
แสงแดดเสี่ยง มะเร็งผิวหนัง
โอ้ย! ทำไมแดดร้อนขนาดนี้เนี่ย แดดเมืองไทยนี่มันร้อนจริงๆ นะคะ นี่ขนาดว่าดิฉันเป็นคนชอบอากาศอบอุ่นนะเนี่ย แต่อุ่นจนร้อนแบบนี้ก็ต้องขอบายดีกว่าค่ะ จริงอยู่ที่สิ่งมีชีวิตทุกอย่างต้องอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์หรือต้นไม้ แต่ว่าถ้าแสงอาทิตย์จะร้อนแรงขนาดนี้ก็ต้องขอหลบเข้าร่มก่อนแล้ว คุณรู้หรือเปล่า? แสงอาทิตย์นนอกจากจะมีประโยชน์แต่ก็มีโทษเหมือนกันนะ เพราะการโดน แสงแดด เป็นระยะเวลานานๆ เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคที่อันตรายอย่างมะเร็งผิวหนังได้ด้วย แต่ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับตัวเองเสียหน่อยที่เกิดเป็นคนไทย ทำไมนะหรือคะ? ก็เพราะว่าสีผิวของคนไทยนี่สามารถช่วยป้องกันการเกิด มะเร็งผิวหนัง ได้ดีมากเลยค่ะ ยิ่งคนผิวดำก็จะยิ่งมีความต้านทานมะเร็งผิวหนังมากขึ้น ต่างกับชาวต่างชาติที่มีผิวสีขาวที่มีอันตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังมากกว่าหลายเท่า ถึงจะมีความเสี่ยงมากแค่ไหน พวกเขาก็ยังชอบที่จะมาอาบแดดที่เมืองไทยกันนะคะ เพื่อความงามตามค่านิยมของคนประเทศของเขา แต่รู้กันหรือเปล่าว่า แสงแดดนี่ทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้นะ
>> วิธีเลือกครีมกันแดดอย่างไรที่เหมาะสมกับสภาพผิว
>> โรคมะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ประเทศไทยเรานี่มีคนป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังน้อยมาก พบราวๆ ปีละ 300 -400 คนเองนะ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประชากรกว่า 70 ล้านคน ทำให้คนไทยมีความรู้เกี่ยวกับมะเร็งผิวหนังน้อยมากทีเดียว งั้นเรามาทำความรู้จักกับมะเร็งผิวหนังกันก่อนดีกว่า โรคมะเร็งผิวหนังแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ
1. มะเร็งผิวหนังบาซอล เซลล์ คาร์ซิโนมา ( Basal Cell Carcinoma ) หรือ BCC เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นกับเซลล์ชั้นผิวหนังชั้นล่างสุด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการโดน แสงแดด มากเกินไป พบมากในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปและพบที่ใบหน้ามากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย ลักษณะของเนื้อมะเร็งที่พบจะคล้ายกับฝ้าที่เป็นบนใบหน้า แต่จะมีการกระจายตัวใหญ่ขึ้นเร็วผิดปกติ มะเร็งชนิดนี้ที่พบได้มากที่สุด
2. มะเร็งผิวหนังสแควมัส เซลล์ คาร์ซิโนมา ( Squamous Cell Carcinoma ) หรือ SCC เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติขององค์ประกอบของเซลล์ผิวหนังที่เราเรียกว่า สแควเซลล์ ที่มีการแบ่งตัวผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง มะเร็งแบบนี้จะมีการเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว มีลักษณะคล้ายกับ BCC แต่ว่ามะเร็งชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและต่อมน้ำเหลืองได้จึงมีความรุนแรงมากกว่า
3. มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ( Melanoma ) เป็นมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผิว ( Melanocyte ) เซลล์นี้จะทำหน้าที่ในการสร้างสีผิวให้กับคนเราซึ่งมะเร็งชนิดนี้เป็นชนิดที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดในจำนวนของมะเร็งผิวหนังทั้งหมดที่พบ เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีอันตรายถึงชีวิตได้ทันที เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองหรือเส้นเลือดได้อย่างรวดเร็ว จึงแพร่เข้าไปเป็นเชื้อมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ เช่น สมอง ปอด กระดูก เป็นต้น
มะเร็งผิวหนัง เกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังโดนทำลายด้วยรังสียูวีที่มีอยู่ใน แสงแดด ยิ่งผิวหนังโดนแดดแรงเท่าไหร่ผิวหนังก็จะยิ่งโดนทำลายมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเซลล์ผิวหนังโดนทำลายจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
แบบที่ 1 เซลล์ที่ถูกเผาไหม้จนหมดอายุ เซลล์ที่ถูกเผาไหม้และหมดอายุร่างกายจะสลัดลอกออก มีลักษณเป็นขุยหรือหนังที่ลอกออกมา เราจะพบว่าเวลาที่ผิวเราไหม้แดง ผ่านไปสักพักผิวหนังจะลอกออกมา นั่นคือเซลล์ที่โดนทำลายจนหมดอายุค่ะ
แบบที่ 2 เซลล์ที่ถูกทำลายเพียงบางส่วน ร่างกายจะทำการซ่อมแซมให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม พร้อมทั้งสร้างเซลล์ผิวหนังขึ้นมาใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายหลุดออกไป
แต่ถ้าขั้นตอนการซ่อมและสร้างเซลล์ผิวหนังนี่เกิดความผิดปกติขึ้น
รังสียูวีเอ ยูวีบีที่อยู่ในแสงแดดเข้าไปทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ ทำให้เซลล์มีการสร้างเซลล์ใหม่มากขึ้นและเซลล์ที่ได้รับการซ่อมแซมมีการขยายตัวแบบไม่หยุด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งนั่นเอง
แสงแดด นี่อันตรายจริงๆ นะ ถึงเราจะโชคดีที่มีสีผิวที่ช่วยป้องกันการเกิด มะเร็งผิวหนัง ได้มากกว่าคนผิวขาวอย่างชาวต่างชาติก็เถอะค่ะ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีสิทธิ์เป็นมะเร็งผิวหนังนะ แหม..ก็แดดบ้านเราเดี๋ยวนี้นี่ร้อนแรงเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 10.00 น-16.00 น.นี่ ถ้าต้องเดินออกไปโดนแดดแค่แป๊บเดียวเองแสบไปทั้งตัวแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หน้า เรียกว่าผิวส่วนไหนโดนแดดก็แสบร้อนไปหมดเลย ดิฉันขอเตือนเลยว่า
ช่วงเวลา 10.00 น -16.00 น. นี่เราไม่ควรไปโดนแดดมากที่สุด ถ้าจำเป็นต้องไปอยู่กลางแจ้งก็ให้ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่หมวกหรือกางร่มกันแสงยูวี และทาครีมกันแดดด้วยก็กันจะดีมาก
ดิฉันเองนี่เวลาจะต้องเข้าไปทำงานในสวนก็ต้องใส่หมวกไอ้โม่งคลุมหน้าคลุมตามิดชิด เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใครผ่านไปผ่านมาก็เห็นแต่ลูกตาเท่านั้นค่ะ ก็...
แค่ควบคุมน้ำหนัก ฉันจะไม่เป็นมะเร็งจริงหรือ ?
แค่ควบคุมน้ำหนัก ฉันจะไม่เป็นมะเร็งจริงหรือ ?
คน อ้วน มีโอกาสเป็น มะเร็ง มากกว่าคนผอมจริงหรือ? คนอ้วนที่ดิฉันพูดนี่คือคนที่อยู่ในสภาวะอ้วนหรือเป็นโรคอ้วนนะคะ อย่าเพิ่งตกใจไปสำหรับตนตัวโต เพราะไม่ใช่ว่าแค่คนตัวโตหรือตัวใหญ่ก็จะเป็นโรคอ้วนแล้วนะ เหมือนที่ดิฉันเคยเป็น ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนอ้วนอยู่ตลอดเวลา ก็เวลาไปไหนมาไหนเราก็ตัวใหญ่กว่าใครเพื่อน ด้วยส่วนสูง 175 เซนติเมตรกับน้ำหนัก 65 กิโลกรัม เวลาอยู่กับคนสูง 160 เซนติเมตร เราก็เลยดูอ้วนไปเลย
>> เป็นมะเร็ง ควรกินอาหารอย่างไร
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งได้อย่างไร ?
แต่จริงๆ แล้ว การวัดว่าคนไหนเป็น โรคอ้วน หรือเปล่านั้น เราวัดจากค่าดัชนีมวลกาย ไม่สามารถคาดคะเนเองได้ ถ้าเราดัชนีมวลกายมากกว่า 23 ถือว่า น้ำหนักเกิน เกณฑ์และถ้าดัชนีมวลกายมากกว่า 30 นี่ถือว่าอยู่ในภาวะอ้วนหรือเป็นโรคอ้วนแล้วนะคะ ต้องระวังตัวกันให้ดีเพราะว่าภาวะอ้วนนี่นำมาซึ่งโรคร้ายแรงอีกหลายโรคเลยทีเดียวค่ะ ทั้งโรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคไขมันอุดตัน ที่อันตรายถึงตายได้ถ้าทำการรักษาไม่ทันเวลา ค่าดัชนีมวลกายนี่เราวัดได้จาก น้ำหนักตัว( กิโลกรัม ) / ส่วนสูง ( เมตร ) ค่าที่คิดได้คือค่าดัชนีมวลกายของเราค่ะ
ปัจจุบันนี้คนส่วนมากอยู่ในสภาวะอ้วนกัน นับเป็นปัญหาระดับโลกเลยทีเดียวเชียว บาง คนอ้วน ตั้งแต่เด็กเลยก็มี สาเหตุของโรคอ้วนนอกจากกรรมพันธุ์แล้ว ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างก็คือการกินอาหารในชีวิตประจำวันของเราที่มักกินอาหารที่มีแป้ง คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ซึ่งเป็นแหล่งที่ให้พลังงานสูงมาก สูงเกินกว่าที่ร่างกายต้องใช้ในแต่ละวัน เมื่อร่างกายได้รับพลังงานสูงแต่นำมาใช้ไม่หมดก็จะนำมาเปลี่ยนพลังงานที่เหลือให้อยู่ในรูปของไขมันเข้าไปสะสมตามส่วนๆ ต่างของร่างกาย เช่น ต้นขา หน้าท้อง ต้นแขน เพื่อเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น
แต่ดูเหมือนจะไม่มียามจำเป็นสำหรับคนเรานะ เพราะว่าเราหิวและกินอาหารเติมเข้าไปทุกวัน ทำให้ไขมันสะสมเพิ่มขึ้นทุกวันเช่นกัน แหม! ก็เดี๋ยวนี้อาหารฟาดฟูดส์มีอยู่ทั่วไปและได้รับความนิยมสูงมาก อีกทั้งร้านสะดวกซื้อที่มีกินอาหารสำเร็จรูปพร้อมกินไว้จำหน่ายอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ดึก ตลอด 24 ชั่วโมง ดูหนังๆ ดึกๆ เดินออกมาไม่กี่ก้าวก็มีทั้งขนม นม เนย หลากหลายให้เลือกกิน แบบนี้ไม่ให้ อ้วน ก็คงไม่ไหวแล้วละค่ะ อีกทั้งการดำรงชีวิตที่เร่งรีบ ไม่มีเวลาทำอาหารที่มีคุณค่า ไม่มีเวลาใส่ใจเลือกอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย วันๆ สนใจแต่ทำงานหาเงินเพื่อมาซื้อของที่ไม่มีประโยชน์มากิน และเก็บเงินไว้รักษาตัวยามป่วยไข้ ไม่มีใครใส่ใจเลือกกินอาหารดีๆ มีคุณค่ามากิน เพราะว่าต้องเสียเวลานั่งทำงาน เสียเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนกับแฟน ทุกอย่างที่ดิฉันพูดมานี่ทำให้คุณเป็นโรคอ้วนได้ทั้งนั้นนะ ซึ่งโรคอ้วนนี้นำมาซึ่งโรคร้ายหลายชนิด รวมถึงโรคมะเร็งตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยไปปีละหลายหมื่นคน
ความอ้วนทำให้เราเป็นมะเร็งได้จริงหรือ? จริงค่ะ!! มีผลการวิจัยจากหลายสถาบันให้การยืนยันมาแล้วว่าคนที่อยู่ในภาวะอ้วนนั้นมีความเสี่ยงในการเกิด มะเร็ง โดยเฉพาะในผู้หญิงเรา ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30 นั้นจะมีภาวะเสี่ยงมาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าไขมันที่สะสมอยู่ตามร่างกายของคนที่อยู่ในภาวะอ้วนมีมากกว่าคนที่แค่มี น้ำหนักเกิน หรือมีดัชนีมวลกาย 23 เพราะไขมันที่อยู่ในคนที่เป็นโรคอ้วนเป็นไขมันชนิดที่มีสีขาว ( White Adipose Tissue ) ซึ่งเซลล์ไขมันชนิดนี้มีความพิเศษอยู่ด้วย นั่นคือไขมันสีขาวสามารถผลิตฮอร์โมนให้กับร่างกายได้เหมือนกับที่ต่อมไร้ท่อผลิต ฮอร์โมนที่ไขมันสีขาวสามารถผลิตขึ้นมาได้คือ
1.ฮอร์โมนเอสโตรเจน ( Estrogen ) ฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือที่หลายคนเรียกว่า ฮอร์โมนเพศหญิง และมีความเข้าใจว่าต้องมีอยู่ในผู้หญิงเพียงอย่างเดียว แต่ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนจะมีอยู่ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่จะมีผลต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนะคะ เพราะว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่ช่วยแสดงความเป็นผู้หญิงให้ชัดเจนมากขึ้น ช่วยเพิ่มขนาดของหน้าอกให้ใหญ่และเต่งตึง ช่วยสร้างผนังมดลูกให้หนาขึ้นเวลาที่ไข่ตกและเพื่อรองรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิกับอสุจิมาแล้ว ช่วยให้เซลล์ผิวมีการแบ่งตัวอย่างต่อเนื่องเป็นผลให้ผิวพรรณเต่งตึงมีน้ำมีนวล แต่ถ้ามีออร์โมนตัวนี้มากขึ้นเกินความจำเป็น ก็จะส่งผลทำให้อวัยวะที่แสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงจะมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นก้อนมะเร็งในที่สุด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก เป็นต้น
2.ฮอร์โมนอินซูลิน ( Insulin ) เราจะรู้จักว่าอินซูลินเป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน แต่หน้าที่อีกอย่างหนึ่งของฮอร์โมนตัวนี้ คือ...
แค่ไม่สูบบุหรี่ ก็ไม่เป็นมะเร็งได้จริงหรือ ?
แค่ไม่สูบบุหรี่ ก็ไม่เป็นมะเร็งได้จริงหรือ ?
คุณสูบบุหรี่หรือเปล่าค่ะ? ดิฉันเป็นคนที่ ไม่สูบบุหรี่ และไม่เคยคิดที่จะลองสูบด้วย เพราะว่าไม่ชอบกลิ่นเหม็นของบุหรี่ ที่ว่าไม่ชอบนี่ก็เพราะได้กลิ่นบุหรี่มาตั้งแต่เด็กๆ จากคุณพ่อของดิฉันเอง ตอนเด็กก็ไม่รู้ว่าบุหรี่มันดีหรือไม่ดีหรอกค่ะ รู้อย่างเดียวว่าเวลาได้กลิ่นแล้วเหม็นมากไม่อยากได้กลิ่นไม่อยากเข้าใกล้เลย เชื่อมั้ยคะ ตอนเด็กน่ะ พอพ่อหยิบบุหรี่ขึ้นมาทำท่าจะสูบ ดิฉันจะวิ่งจู๊ดไปจากพ่อทันที แต่พ่อก็ไม่ว่าอะไรนะได้แต่หัวเราะชอบใจกับความไร้เดียงสาของลูก ที่รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น
>> แค่ควบคุมน้ำหนัก ฉันจะไม่เป็นมะเร็งจริงหรือ ?
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งได้อย่างไร ?
คุณรู้ไหมคะว่าในแต่ละปีจะมีคนเสียชีวิตด้วยมะเร็ง ราว 60,000 กว่าคน 30% ตายจากโรคมะเร็ง และในจำนวนคนที่เป็นมะเร็งตายนี่ 87% ตายจากโรคมะเร็งที่เกิดจากบุหรี่ ซึ่งอันดับหนึ่งของมะเร็งที่เป็นต้นเหตุให้เสียชีวิตกันมากก็คือ “ มะเร็งปอด ” มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่มีอันตรายมาก เมื่อเป็นแล้วมีโอกาสเสียชีวิตมากที่สุด ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากการตรวจมะเร็งปอดมักจะตรวจพบในระยะที่มีความรุนแรงมากแล้ว เมื่อตรวจเจอร้อยทั้งร้อยคือตายสถานเดียว โอกาสที่จะรักษาหายนั้นน้อยมากจริงๆ ค่ะ และสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เป็นมะเร็งปอดนี่เกิดจากการสูบบุหรี่มากถึง 92% ทีเดียว แต่เชื่อมั้ยคะ! ว่าถึงจะมีคนตายจากการสูบบุหรี่เป็นจำนวนมากก็ตาม แต่จำนวนคนที่สูบบุหรี่ก็ไม่เคยลดลงเลย แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือจำนวนคนที่สูบบุหรี่กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีนี่สิ ถึงทางหน่วยงานรัฐบาล ภาคเอกชนจะมีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ บอกถึงโทษและโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ทั้งยังมีการนำรูปน่าเกลียดน่ากลัวจากผลการสูบบุหรี่มาไว้ที่ข้างซองบุหรี่ก็แล้ว ก็ยังไม่ช่วยให้จำนวนคนสูบบุหรี่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ทำให้จำนวนคนที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดนั้นมีเพิ่มขึ้นทุกปี คุณรู้ไหมทำไมบุหรี่ถึงทำให้เกิดมะเร็งได้?
การที่สูบบุหรี่ ทำให้เป็นมะเร็ง ได้ก็เพราะว่าในควันบุหรี่มีสารพิษอยู่มากถึง 4,000 กว่าชนิด แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือในจำนวนนั้นมีสารก่อมะเร็งอยู่ถึง 60 ชนิด จากผลการวิจัยพบว่าเมื่อสารพิษจากควันบุหรี่ที่เข้าไปสู่ปอดแล้ว ปอดจะไม่สามารถขจัดสารพิษที่มากับควันบุหรี่ออกไปได้ เนื่องจากอนุภาคของสารพิษที่อยู่ในควันบุหรี่นี้มีขนาดที่เล็กมากจนเกินความสามารถที่ปอดจะขจัดหรือทำลายออกมาได้ ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วปอดจะขจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าในปอดมาออกไปจนหมด ทำให้นุภาคของสารพิษเกิดการสะสมอยู่ในปอด สารพิษที่สะสมจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้นทีละน้อยๆ จากการอัดควันบุหรี่เข้าไปของคุณทุกๆ วันนั่นแหละค่ะ เมื่อสะสมไปนานๆ เข้าสารพิษนี้ก็จะเข้าไปยับยั้งการสร้างสารต่อต้านยีนส์มะเร็ง ( Anti Nocogene ) และยีนส์ซ่อมแซมดีเอ็นเอของเซลล์ ( DNA Repair Genes ) ในปอดให้มีการสร้างน้อยลงเรื่อย ๆ จนเซลล์ทั้งสองมีปริมาณไม่เพียงพอในการต่อต้านเซลล์มะเร็งและไม่พอที่จะซ่อมแซมเซลล์ให้กลับมาแข็งแรงได้ หรือสามารถทำงานได้บ้างแต่ก็ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตขึ้นมาได้เรื่อยๆ เพราะไม่มีตัวมาขัดขวางและทำลายแล้วนั่นเอง
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสารต่อต้านยีนส์มะเร็ง ( Anti Nocogene ) และยีนส์ซ่อมแซมดีเอ็นเอของเซลล์ ( DNA Repair Genes ) มีหน้าที่ป้องกันการทำลายเซลล์จากเชื้อมะเร็ง และซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายไปให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แต่เมื่อมันไม่สามารถทำงานได้ก็ไม่มีสิ่งใดมาทำลายเชื้อมะเร็งที่กำลังโตให้หยุดโตได้ เชื้อมะเร็งย่อมได้ใจโตวันโตคืนไม่หยุดเลย ควันบุหรี่ไม่ใช่จะยับยั้งการสร้างสารต่อต้านยีนส์มะเร็ง ( Anti Nocogene ) และยีนส์ซ่อมแซมดีเอ็นเอของเซลล์ ( DNA Repair Genes ) แค่ที่ปอดเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่มันสามารถก็ยับยั้งไปได้ทุกหนทุกแห่งที่ควันบุหรี่ลอยผ่านไป เรียกว่าไปถึงไหนทำลายถึงนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ช่องปาก หลอดลม หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร กล่องเสียง ถุงลม เป็นที่มาของมะเร็งส่วนต่างๆ ตามระบบหายใจและระบบทางเดินอาหารไงค่ะ และเมื่อมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นแล้ว เรายังสูบบุหรี่อัดควันเข้าไปในร้างกายอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ควันบุหรี่ที่เข้าไปจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของมะเร็งเพราะเมื่อเซลล์มะเร็งได้รับควันบุหรี่มันขยายวงกว้างขึ้นแบบทวีคูณ มีขนาดใหญ่ขึ้นเร็วมากจนน่าตกใจ เซลล์มะเร็งที่โตขึ้นในปอดจะเข้าขัดขวางเซลล์ไม่ให้ทำการรับออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไป ทำให้เซลล์ตามร่างกายขาดออกซิเจน ที่จะนำไปหล่อเลี้ยงร่างกายตามส่วนต่างๆ ทำให้ทั่วร่างกายขาดออกซิเจนไปด้วย ร่างกายจะค่อยๆ อ่อนแอลง เมื่อร่างกายอ่อนแอเซลล์มะเร็งก็ยิ่งโตขึ้นและแพร่กระจายเชื้อไปยังส่วนต่างๆ ต่อไป
แบบนี้ถ้าเราไม่สูบบุหรี่ ก็จะไม่เป็นมะเร็งสิ ใช่ค่ะ! ถ้าคุณไม่สูบบหุรี่ ดิฉันบอกเลยว่าคุณจะมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยมากโดยเฉพาะมะเร็งปอด รู้ไหมคะ? คนที่สูบบุหรี่นี่มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 30 เท่าเลยนะ โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่จัดและสูบระยะเวลามากกว่าสิบปี ส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่แต่ว่าอยู่ใกล้ชิดหรืออยู่ในสถานที่ที่มีควันบุหรี่อบอวลอยู่ตลอดเวลา ทั้งในบ้าน ที่ทำงาน สถานบันเทิง...
จังหวะชีวิตของคุณเมื่อเริ่มเป็นโรคมะเร็ง
ชีวิตที่เริ่มเป็นโรคมะเร็ง ( cance )
คุณอยากรู้ไหมเมื่อไหร่กันที่คุณเริ่มเป็น มะเร็ง ( cance ) แล้ว? ดิฉันเองก็อยากล่วงรู้อนาคตได้เหมือนกันนะคะ จะได้รู้ว่าลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งงวดนี้จะออกอะไร จะได้รวยเสียที แต่ว่าดิฉันไม่รู้นี่สิคะ เสียดายจริงๆ คุณไม่มีทางที่จะรู้อนาคตล่วงหน้าได้แบบแป๊ะๆ แน่นอน แต่การคาดเดาอนาคตนั้นเดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ ว่าจังหวะชีวิตของคุณจะเป็นเช่นไร
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
>> แค่ควบคุมน้ำหนัก ฉันจะไม่เป็นมะเร็งจริงหรือ ?
เอาตัวอย่างง่ายๆนะ สมมุติว่าคุณเป็นนักเรียน คุณตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือทุกวัน เมื่อถึงเวลาสอบคุณก็ต้องสอบได้ในอันดับที่ดีๆ ไม่มีทางสอบตก ทางกลับกันถ้าคุณไม่ตั้งใจเรียน ไม่อ่านหนังสือ รับรองว่าคุณสอบตกแน่ๆ ค่ะ เป็นไงค่ะ ดิฉันเดาอนาคตเก่งมั้ย พอจะไปเป็นหมอดูได้มั้ยค่ะ ดิฉันล้อเล่นค่ะ อ้าว! แล้วแบบนี้เราก็รู้ได้สิว่าเราเริ่มเป็นมะเร็งแล้ว
รู้ได้ค่ะ ดิฉันรู้ล่วงหน้าได้นะว่าจังหวะชีวิตของคุณเริ่มเป็น มะเร็ง ( cance ) แล้วหรือยัง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังหลงในวัตถุนิยม เป็นคนที่ใฝ่หาความสุขจากภายนอก หาความสุขแบบไร้ค่า ปรนเปรอชีวิตตามโฆษณาชวนเชื่อ กินตามกระแสสังคมนิยม อะไรที่ว่าดัง อะไรที่ว่าเด่น อะไรที่ว่าอร่อย ฉันเป็นคนหนึ่งที่ต้องได้กินไม่รู้หรอกว่าอาหารนั้นมีโทษหรือมีประโยชน์ ทำทุกวิถีทางให้เป็นที่ยอมรับของสังคมและเพื่อนฝูง ในแบบผิดๆ ด้วยการเที่ยวเตร่ เสพยา สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หาความสุขสำราญไปวันๆ เอาแต่กินกับนอน ไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกาย เลือกแต่เสียเข้าสู่ร่างกาย แม้ร่างกายร่ำร้อง อ้อนวอนว่าแย่แล้ว ไม่ไหวแล้ว ก็ยังไม่ยอมหยุด ไม่ยอมฟังเสียงของร่างกาย ยังเพิ่มเติมของเสียและของเน่า อย่าง เหล้า บุหรี่ ไขมัน สารพิษ เข้าสู่ร่างกายอยู่เรื่อยๆ หยิ่งผยองว่าฉันแกร่ง ฉันแข็งแรง จังหวะชีวิตของคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ?
ถ้าจังหวะชีวิตของคุณเป็นแบบนี้ คุณเริ่มเป็น มะเร็ง ( cance ) แล้วค่ะ ดิฉันดูแม่นด้วยขอบอกนะ ห้ามลบหลู่เด็ดขาด ไม่ต้องถามว่าทำไม เพราะคุณน่าจะรู้ตัวดีกว่าใครว่าทำไม ถ้าคุณไม่อยากเริ่มเป็นมะเร็ง คุณควรหันมาฟังเสียงร่างกายเสียบ้างว่าต้องการอะไร แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตไร้โรคนั้นสุขมากแค่ไหน ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่หันมาฟังเสียงจากข้างใน และวันนี้ดิฉันก็สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ ด้วยจังหวะชีวิตที่ห่างไกลจากโรคมะเร็งร้าย
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เป็นมะเร็งแล้วแก้ตัวยาก ตอนไม่เป็นก็ชอบพฤติกรรมเสี่ยง
พฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง
เหนื่อยไหมกับการรักษาตัว? ถ้าคุณไปถามคนที่รักษาตัวจาก มะเร็ง ( cance ) ร้าย คุณจะได้รับคำตอบว่า “ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ ” แต่ก็ต้องสู้ต่อไปเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่รักให้นานที่สุด ไม่รู้ว่าจะรักษาหายตอนไหน บางคนหมดกำลังใจที่จะต่อสู้กับมะเร็ง ( cance ) ก็ต้องเสียชีวิต ถ้าคุณได้ยินคำตอบแบบนี้คุณจะรู้สึกยังไง? สำหรับดิฉันแล้วรู้สึกถึงความกลัว ความสิ้นหวัง ความท้อแท้ที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของคนที่เป็นมะเร็ง ( cance ) ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็งเพราะมะเร็งมีทั้งที่รักษาหายยาก ในการรักษาต้องใช้ทั้งความอดทน ความเข้มแข็งของทั้งจิตใจ และร่างกาย บางคนรักษาตัวเป็นปีๆ กว่าจะหาย บางคนใช้เวลาหลายปีทีเดียว แต่ใช่ว่ารักษาหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีกเหมือนกับอีสุกอีใส คางทูม หรือหัดเยอรมัน เพราะมะเร็งรักษาหายแล้วคุณมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกง่ายมาก ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเองให้ดีตามที่หมอสั่ง ในเมื่อเป็นแบบนี้ดิฉันเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากเป็นมะเร็งกันหรอก แต่ทุกคนกลับชอบที่จะอยู่กับความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็ง แล้วอะไรคือความเสี่ยงที่ทุกคนชอบกันนักนะ ความเสี่ยงที่ดิฉันพูดถึงก็คือการใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่ระวังของพวกเราเองนี่ล่ะ มะเร็งมันแอบแฝงอยู่ใกล้ตัวเราอย่างน่าตกใจ มันแฝงตัวอยู่ในทุกการดำเนินชีวิตเพื่อรอเวลาที่เผลอ มันก็จะเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวคุณ รอเวลาที่ร่างกายคุณอ่อนแอ มันก็จะลงมือทำร้ายทันทีอย่างไม่ปราณี ทำร้ายคุณอย่างแสนสาหัส
>> จังหวะชีวิตของคุณเมื่อเริ่มเป็นโรคมะเร็งเป็นอย่างไร ?
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
คุณลองหันกลับไปดูสิว่าในแต่ละวันคุณทำอะไรบ้างที่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงกับมะเร็ง? เช้าดื่มกาแฟกับขนมปังขัดขาวยี่ห้อดัง บางวันกินข้าวเหนียวหมูย่างไก่ย่างที่ไหม้เกรียมควันโขมง กลางวันกินฟาดส์ฟูดต์ ไก่ทอดแบรนด์ดัง เฟรนฟรายแบรนด์นอก พิซซาถาดใหญ่ แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต กินทุกอย่างที่ขวางหน้า กินอาหารที่มีแต่แป้ง คาร์โบไฮเดรต ไขมันสูง กินเสร็จกลับไปนั่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ไม่เคยลุกขึ้นหรือขยับตัวไปไหนนอกจากห้องน้ำ เครียดกับงาน เครียดกับชีวิต เครียดกับการเดินทางฝนตกรถติด กระหายน้ำก็เปิดตู้หยิบน้ำอัดลม เครื่องดื่มสำเร็จรูปแช่เย็นชื่นใจสุดๆ จากร้านสะดวกซื้อ เลิกงานแทนที่จะกลับบ้านนอนพักผ่อน ไม่ค่ะ!ไม่กลับ ขอไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากับเพื่อนฝูงตามผับบาร์ ร้านอาหาร ดื่มเหล้าเคล้าควันบุหรี่ ชมแสงสียามค่ำคืนเสียหน่อย แล้วตีสองตีสามค่อยกลับบ้านนอนเป็นชีวิตที่แสนสุขของใครหลายคน เชื่อว่าอีกหลายคนก็หวังไว้ว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ที่ดิฉันพูดมานี่เป็นสิ่งที่จัดว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็ง ( cance ) ทั้งนั้นนะคะ แต่คุณก็ชอบกันเสียเหลือเกิน
นี่แหละค่ะ! ดิฉันถึงบอกว่าพวกคุณชอบอยู่กับความเสี่ยงกันจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะเป็น มะเร็ง ( cance ) กัน แต่ก็รับทุกสิ่งทุกที่ทำให้เกิด มะเร็ง ( cance ) เข้าสู่ตัวอยู่ตลอด ไม่ว่ากินอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง การไม่ออกกำลังกาย การสูบหรือดมควันบุหรี่ การดื่มเหล้า สนใจแต่สิ่งของภายนอกรอบตัวแทนที่จะใส่ใจดูแลสุขภาพภายในของตัวเองให้ดี ด้วยการกินของที่มีประโยชน์ ออกกกำลังกายทุกวัน พักผ่อนมากๆ แต่พอเป็นมะเร็งขึ้นมาก็เสียใจ ได้แต่ตัดพ้อโชคชะตาว่าทำไมตนถึงได้โชคร้ายแบบนี้ ไม่ได้มองย้อนกลับไปดูตัวเองเลยว่ายอมใช้ชีวิตเสี่ยงมากแค่ไหนในแต่ละวัน พอรู้ตัวก็สายเกินแก้เสียแล้วเพราะเจ้ามะเร็งตัวร้ายมันเล่นงานเสียหนักแล้ว ทำได่แต่ก้มหน้ายอมรับและรักษาตัวต่อไป คุณเป็นคนหนึ่งที่ยังมีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่หรือป่าว? ถ้าใช่ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ เพราะว่าคุณกำลังจะเป็นมะเร็งในอนาคต หยุดเสี่ยงเสียแต่วันนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้ เพราะเมื่อเป็นมะเร็งแล้วจะแก้ตัวได้ยาก
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เป็นมะเร็งตายแล้วไปไหน ?
เป็นมะเร็งตาย
คนส่วนใหญ่เป็น มะเร็ง ( cance ) ตาย คุณเคยสงสัยไหมตายแล้วไปไหน? ตายแล้วยังต้องทรมานไหม? และอีกหลายคำถามกับเรื่องหลังความตาย ดิฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าตายไปไหน ตายแล้วจะเจ็บปวดเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือป่าว แต่ความสงสัยนี่ก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบ เพราะว่าดิฉันยังไม่เคยตายและคนที่ตายแล้วก็ยังไม่มีใครมาบอกกับดิฉันด้วย แต่ถ้ามาบอกดิฉันก็คงไม่กล้าคุยด้วยหรอกค่ะ ยอมรับตรงๆ ว่ากลัวมาก ในความเป็นจริงคนเราทุกคนต้องตายเป็นสัจธรรมชีวิตที่หนีไม่พ้น มีเกิดย่อมมีตายแต่จะตายช้าหรือตายเร็วนั่นก็อีกเรื่องหนึ่งว่ามั้ยค่ะ แล้วเราจะกลัวความตายไปทำไม เพราะสักวันหนึ่งเราก็ต้องตาย แต่ที่รู้ๆอย่างหนึ่งก็คือ ไม่อยากตายด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง ( cance ) ทำไมนะหรือคะ
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
>> ตอนไม่เป็นก็ชอบพฤติกรรมเสี่ยง เป็นมะเร็งแล้วแก้ตัวยากจริงมั้ย ?
คุณเคยเห็นคนเป็น มะเร็ง ( cance ) ก่อนตายไหม? ถ้าไม่เคยคงไม่รู้หรอกว่ามันทรมานมากแค่ไหน ดิฉันเคยเห็นคนตายด้วยโรคมะเร็งมาแล้วอย่างน้อย 2 คน ทั้งสองคนนี้เป็นป้ากับลุงของดิฉันเองค่ะ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งทั้งคู่ ป้าเป็นมะเร็งปอด ( Lung cancer ) ป้าป่วยรักษาตัวด้วยโรคมะเร็ง ( cance ) นานนับปีกว่าจะเสียชีวิต ดิฉันไปดูแลป้าเป็นประจำ กว่าป้าจะตรวจเจอมะเร็งป้าก็เป็นขั้นสุดท้ายเสียแล้ว
ด้วยความที่สมัยก่อนการเข้าถึงหมอไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ พอตรวจเจอก็ช้าไปสำหรับการรักษาให้หายได้ ป้าต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานมาก เวลาที่ดิฉันไปเยี่ยมแก แกก็บ่นปวดเมื่อยเนื้อตัวไปทั้งตัว นวดให้ป้าหน่อยแต่พอนวดไปป้าก็จะบ่นว่าเจ็บ โดนตรงไหนก็เจ็บตรงนั้น ตัวป้าบวมเป่งเนื้อตึงแน่นไปหมดทั้งตัวเลย เวลากดลงไปเนื้อจะบุ่มเป็นรอยกด เวลาไม่ไปโดนตัวแก แกก็ยังบ่นว่าปวดอยู่เรื่อยๆ กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ร่างกายซูบผอมไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะพูดกับคนอื่น ดิฉันเคยแอบเห็นแกร้องไห้กับลุงแฟนแกเป็นประจำว่าทรมานเหลือเกินพี่จ๋า เมื่อไหร่ฉันจะหายเสียที พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลออกมา เห็นแล้วน้ำตาดิฉันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากแกรักษาตัวอยู่ปีกว่าป้าก็เสียชีวิตลงพร้อมกับความเจ็บปวดที่ไม่จางหายจากความรู้สึกของฉันสักที
คนที่สองก็คือ ลุงต่อ ชีวิตแกเมาทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ลูกหลานเตือนให้หยุดกินเหล้าเท่าไหร่แกก็ไม่ฟัง แกว่าความสุขของแกจะมายุ่งอะไรด้วย จนวันหนึ่งปวดท้องหนักมากต้องส่งเข้าโรงพยาบาล หมอตรวจพบว่าแกเป็นมะเร็งตับ ( liver cancer ) ระยะสุดท้าย ลูกหลานทำทุกวิถีทางในการรักษาเพื่อให้แกหาย ทั้งหาหมอแพทย์ปัจจุบันและหมอแผนไทย หลังตรวจเจอมะเร็งแค่ 3 เดือน อาการแกก็ทรุดหนักอย่างน่าตกใจ แกร้องครวญครางตลอดเวลา บ่นว่าปวดท้อง ปวดขา ปวดแขน ช่วยแกด้วย แม้แต่แวลานอนยังมีเสียงครางเพราะความเจ็บปวดออกมาเลยค่ะ หมอบอกว่ารักษาไม่ได้แล้วให้ลูกหลานทำใจไว้รอเวลาที่จะได้เท่านั้น พร้อมทั้งให้แผ่นมอร์ฟีนแก้ปวดอย่างดีมาใช้เวลาที่แกปวดมากๆ แผ่นหนึ่งติดได้วันเดียวแกก็ปวดเหมือนเดิม แกร้องไห้บอกทรมานเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน เวลาที่แกปวดหน้าซีดปากซีด สั่นไปหมดทั้งตัว เราทุกคนก็ได้แต่ปลอบและคอยให้กำลังใจว่าเดี๋ยวก็หาย ใจเย็นๆ อดทนหน่อยนะ แต่แกทนไม่ไหวตายหลังจากที่ตรวจเจอ มะเร็ง (cance) เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น แกจากไปพร้อมกับเสียงครางของแห่งความเจ็บปวด
เชื่อมั้ย! เวลาที่ดิฉันเห็นสีหน้าแววตาของคนที่เจ็บปวดจาก มะเร็ง ( cancer ) แล้ว เหมือนรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดปานจะขาดใจที่สื่อออกมาจากแววตาคู่นั้น คนที่เสียชีวิตด้วยโรงมะเร็งทุกคนต้องทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัส ไม่มีใครที่ตายด้วยมะเร็งแล้วไม่ต้องเจ็บปวด แล้วแบบนี้คุณคิดว่าคนที่ตายด้วยมะเร็งจะไปอย่างสงบไหม ดิฉันคิดว่าคงไม่แน่นอนค่ะ ณ วันนี้ดิฉันก็ยังไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งตายแล้วไปไหนแต่สิ่งที่ดิฉันรู้คือการตายด้วยมะเร็งมันทรมาน ที่คงไม่มีใครต้องการ ดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่อยากตายด้วยโรคมะเร็ง อยากตายอย่างไม่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวด แค่นี้ดิฉันก็มีความสุขมากพอแล้ว คุณล่ะอยากตายด้วยโรคมะเร็งไหม?
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
วิธีเด็ดๆ พฤติกรรมแบบคุณนั่นแหละ ที่จะเป็นมะเร็งตาย
พฤติกรรมเสี่ยงเป็นมะเร็งตาย
ระวัง!! พฤติกรรมเสี่ยง ที่คุณทำอยู่อาจทำให้คุณเป็น มะเร็ง ( cance ) ได้นะ หลายคนคิดว่าดูแลตัวเองดีมากแบบนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นมะเร็งตายหรอก แต่ว่าถ้าคุณยังมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ( cance ) อยู่ คุณก็สามารถเป็นมะเร็งตายได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ากินอาหารแพง กินอาหารหรูหราตามห้างหรือร้านอาหารทุกวัน เข้าฟิตเนสออกกำลังกาย แค่นี้คุณจะไม่เป็นมะเร็ง ( cance ) ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมแบบนี้รับรองว่าคุณมีโอกาสเป็นมะเร็งตายเหมือนกันนะ คุณคิดว่าพฤติกรรมอะไรบ้างที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
>> เป็นมะเร็งตายแล้วไปไหน ?
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
1. เครียดกับทุกสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องได้ดั่งใจฉัน ถ้าไม่ได้ดั่งใจฉัน ฉันจะเครียดคิดมาก เรื่องของใครรับรู้รับฟังและเก็บมาคิดทั้งหมด รับรองว่าถ้าคุณเป็นคนอย่างนี้คุณเตรียมตัวเป็น มะเร็ง ( cance ) ได้เลยค่ะ เพราะว่าเวลาที่เราเครียดจะทำให้เซลล์ทำงานหนักและอนุมูลอิสระภายในร่างกายเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เซลล์อ่อนแอลงถูกทำลายกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ง่าย หรือถ้ามีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นสักนิด เจ้าความเครียดจะไปกระตุ้นให้เจ้าเซลล์มะเร็งจะเติบโตแบบทวีคูณ โตเอาโตเอาอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งเครียดมากยิ่งโตเร็ว ดังนั้นเราควรรู้จักผ่อนคลายความรู้สึก ทำใจให้โล่งไม่คิดมาก รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง อะไรไม่ใช่เรื่องของเราอย่าเอามาคิด
2. สูบบุหรี่ รู้ไหมว่าในบุหรี่มีสารพิษหลายพันชนิดและมี 60 กว่าชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง ถ้าคุณยังสูบบุหรี่อยู่ทุกวัน แสดงว่าคุณรับสารก่อมะเร็งมาสะสมอยู่ในร่างกายทุกวัน แล้วแบบนี้คุณจะรอดจากการเป็นมะเร็ง ( cance ) ได้เหรอ ขอบอกว่าไม่มีทางค่ะ ถ้าคุณยังสูบบุหรี่อยู่คุณมีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้นถึง 88 % ทีเดียวนะ รวมถึงยาเส้นด้วยหรือแม้แต่สูดควันบุหรี่จากคนรอบข้างคุณก็มีโอกาสเป็น มะเร็ง ( cance ) ได้เหมือนกัน รู้อย่างนี้หยุดสูบบุหรี่ อย่าเข้าใกล้คนสูบบุหรี่ อย่าอยู่ในสถานที่มีควันบุหรี่ดีที่สุด
3. ดื่มเหล้า เวลาที่เราดื่มเหล้า แอลกอฮล์ที่อยู่ในเหล้าจะเข้าไปทำลายเซลล์ในร่างกาย ทำให้เซลล์อ่อนแอลงทุกครั้งที่ทำการดื่มเหล้า เซลล์ที่อ่อนแอจึงถูกทำลายกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ( Cancer cells ) ได้ง่าย แล้วแบบนี้จะกินไปทำไมเหล้าเนี่ย ไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย ถ้าอยากกินเหล้าให้มีประโยชน์ลองหันมากินไวท์วันละ 1 แก้ว แบบนี้ดีต่อสุขภาพมากกว่านะคะ
4. กินอาหารปิ้งย่าง โอ้ย! บุฟเฟต์หมูกะทะก็อร่อย บุฟเฟติ์ปิ้งย่างก็เลิศ กินเท่าไหร่ก็ได้ประหยัดจะตายไป ดีแน่หรือค่ะ! ถ้าต้องประหยัดเงินตอนนี้เอาไว้รักษาตัวในอนาคต เพราะอาหารที่ย่างจนไหม้ดำ อาหารรมควัน ล้วนแต่เป็นอาหารที่เป็นต้นเหตุของ มะเร็ง ( cance ) ที่เป็นยังงั้นก็เพราะอาหารพวกนี้จะมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ สารนี้จะเข้าไปขัดขวางไม่ให้ออกซิเจนเข้าไปจับตัวกับเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ไม่ได้ เซลล์อ่อนแอง่ายต่อการทำลายจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ( Cancer cells ) และในควันที่เกิดตอนปิ้งย่างยังมีสาร Polycyclic Aromatic Hydrocarbon หรือ PAH ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ( Carcinogenic ) ชนิดร้ายแรงมาก ที่พบอยู่ในควันทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นควันรถ ควันจากการเผาไหม้ขยะ รวมถึงควันจากการปิ้งย่างด้วย แบบนี้เวลากินปิ้งย่างเราก็ได้รับสารก่อมะเร็งทั้งทางปากและทางจมูกเลยสินี่
5. กินของหมักดอง เปรี้ยวจี๊ดพูดแล้วน้ำลายสอทันที แต่รู้หรือป่าวว่าของหมักดองนี่มีสารก่อมะเร็งด้วยนะ ถ้าไม่อยากเป็นมะเร็งก็อย่ากินจะดีที่สุด ของหมักดองที่ว่านี่ไม่ใช่ผลไม้ดองอย่างเดี่ยวนะคะ แต่รวมถึงพวกกุนเชียง หมูยอ ปลาร้า ปลาจ่อม กะปิ น้ำปลา ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง ผักเซียนดองด้วยนะ ที่ว่าของหมักดองทำให้เกิดมะเร็งก็เพราะว่าในการดองมีการใช้ขัณฑสกร สารกันเชื้อรา สารกันบูด ซึ่งสารพวกนี้มีการวิจัยและทดสอบแล้วว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ถ้าเรากินเข้าไปเราก็รับสารก่อ มะเร็ง ( cance ) เข้าไปเต็มๆ เลยค่ะ...
ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็งตาย แต่เราก็ตายด้วยโรคมะเร็ง
ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็งตาย
ใครอยากตายด้วยโรค มะเร็ง ( Cancer ) ยกมือขึ้น? ถามมาได้ไงไม่คิด ไม่มีใครเค้าอยากเป็นกันหรอกมะเร็งเนี่ย ดิฉันคนหนึ่งละที่ไม่ยกมือเป็นอันขาด ดั่งคำของพระพุทธเจ้าเคยพูดไว้ว่า “อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” คือการไม่เจ็บป่วยนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต ยิ่งถ้าเป็นโรคมะเร็ง ( Cancer ) ด้วยแล้วดิฉันขอไม่เป็นเด็ดขาดค่ะ ทำไมนะหรือค่ะ? การรักษามะเร็งไม่ใช่ว่าแค่กินยา 2-3 วันแล้วจะหายได้เหมือนเวลาเป็นหวัดเจ็บคอนี่คะ
>> เป็นมะเร็งตายแล้วไปไหน?
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
การรักษามะเร็งต้องเจ็บตัวผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออกมา ต้องทนเจ็บปวดจากผลข้างเคียงของการให้รังสีหรือเคมีบำบัด จะกินก็ลำบาก เจ็บคอจะกินข้าวแต่ละทีนึกว่ามีเข็มมาทิ่มอยู่ในคอสักสิบเล่ม นอนก็ไม่หลับ คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศรีษะ ผมร่วงเกือบหมดหัวถึงแม้ว่าจะขึ้นใหม่ตอนหลังก็เถอะค่ะ ถ้าไม่เป็นมันก็คงจะดีกว่า แถมยังต้องเสียทั้งเงิน ทั้งเวลาในการรักษา ถึงรัฐบาลจะให้รักษาฟรี แต่ก็คงไม่มีใครไปส่งหรือให้น้ำมันรถในการเดินทางเราฟรีหรอกค่ะ จะไปคนเดียวก็ไม่ได้ต้องมีญาติไปด้วยอีก ที่นี้ทำไงค่ะ คนใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็นลูก เป็นสามี เป็นน้องก็ต้องหยุดงานเพื่อพาไปหาหมอทำให้ขาดรายได้ แล้วไม่ใช่ว่าไปครั้งเดียวจบไม่ต้องไปอีกนะคะ ต้องไปเป็นสิบสิบครั้งกว่าจะรักษาหาย เรียกว่าถ้าเป็น มะเร็ง ( Cancer ) ก็มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้น อีกอย่างก็ผลข้างเคียงจากการให้รังสีหรือเคมีบำบัดนี่ทรมานจริงๆ ดิฉันเห็นแล้วทั้งสงสารทั้งกลัวเกิดขึ้นในใจ ที่กล้าพูดอย่างนี้ก็เพราะว่าพี่สาวดิฉันเป็นมะเร็งเต้านม ( breast cancer ) และเคยไปให้เคมีบำบัดมาแล้ว ดิฉันเคยถามพี่ว่าเป็นไงบ้าง? เจ็บมากไหม? คำตอบที่ได้รับทำเอาดิฉันน้ำตาซึมทีเดียวค่ะ พี่บอกว่ามันปวดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว จะนั่งจะนอนจะยืนก็ปวด ทำยังไงก็ไม่หายได้แต่ทนอย่างเดียว แต่ก็ต้องทนเพราะยังห่วงลูกอยู่ ลูกยังเล็กเหลือเกิน ถ้าพี่เป็นอะไรไปลูกพี่จะอยู่ยังไง พี่ต้องอดทนจนถึงที่สุด ดิฉันได้ฟังก็รู้สึกสะเทือนใจมากแต่ก็ทำได้แค่พูดให้กำลังใจว่าเดี๋ยวก็หาย หมอสมัยนี้เค้าเก่งรักษาหายอยู่แล้ว เห็นแบบนี้ทำให้ดิฉันไม่อยากเป็น มะเร็ง ( cance ) มาก แต่เชื่อมั้ยคะ คนจำนวนไม่น้อยถึงไม่อยากเป็นมะเร็ง ( cance ) แต่ก็ต้องตายด้วยโรคมะเร็งอยู่ดี ที่เป็นยังงั้นก็เพราะการใช้ชีวิตของเราเองนั่นแหละที่ทำให้เราเป็นมะเร็งได้โดยที่เราไม่รู้ตัว จากความเร่งรีบและความรักสบายในการชีวิตประจำวันของเรา ทำให้เราเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้มากขึ้น ทั้งอาหารการกินที่ต้องกินอย่างรีบเร่งหรือกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างที่เตาไหม้แล้วไหม้อีก มลพิษที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งควันบุหรี่ ควันรถ สารพิษที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรม เหล้าที่ทุกคนดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน มีงานที่เลี้ยงที่ไหนต้องมีเหล้าไว้ให้ดื่มกันไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง งานบวช งานศพ รับรองว่ามีเหล้าให้กินทุกงานค่ะ นี่ยังไม่รวมค่านิยมในการกินที่ต้องกินเนื้อสัตว์ถึงจะเป็นคนรวย ถ้ากินผักกินหญ้าเป็นคนจน ทำให้คนหันมากินเนื้อสัตว์กันมากกว่าการกินผักผลไม้ อาหารฟ้าดฟู้ดส์แบรนด์นอกกินแล้วดูดีมีเงิน ทุกอย่างที่ดิฉันพูดมานี่เป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งทุกอย่าง
แล้วแบบนี้! ถึงเราจะไม่อยากเป็น มะเร็ง ( cance ) ตายแต่เราก็คงต้องตายด้วยมะเร็งแน่ๆ เพราะแม้แต่ในอากาศที่เราสูดดมเข้าไปยังทำให้เกิดมะเร็งได้เลย นี่ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ อยู่กับสารก่อ มะเร็ง ( cance ) ทุกวัน ไม่หันมาใส่ใจสุขภาพ ด้วยการเลือกกินผักผลไม้ปลอดสารพิษแทนการกินฟาดฟุดส์ บุฟเฟต์ปิ้งย่าง และเนื้อสัตว์ หันมาออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 30 นาที ดื่มน้ำสะอาดมากๆ แทนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม งดสูบบุหรี่หรืออยู่ในที่มีควันบุหรี่อบอวลอยู่ เพียงแค่นี้ดิฉันรับรองว่าเมื่อคุณไม่ตายด้วยโรคมะเร็งชัวร์
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
การออกกำลังกายน้อย ก็เป็นมะเร็งตายได้
ออกกำลังกายน้อยระวังเป็นมะเร็ง
การออกกำลังกายน้อยเป็นมะเร็งตายได้จริงหรือ? แต่ทำไมออกกำลังกายน้อยถึงเป็น มะเร็ง ( Cancer ) ได้อีกล่ะ? ออกกำลังกายจะมากจะน้อยก็น่าจะป้องกันมะเร็งได้เหมือกัน ขอบอกก่อนนะคะ ว่าโดยส่วนตัวแล้วดิฉันเป็นคนที่ขี้เกียจออกกำลังกายมากเลย แหม! แค่ทำงานในสวนก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว ก็เหมือนกับการออกกำลังกายแล้วไม่ใช่เหรอ จะให้ไปออกกำลังกายอีกทำไม คงไม่ใช่แค่ดิฉันที่ขี้เกียจออกกำลังกายหรอก เชื่อว่าหลายคนก็คงเป็นเหมือนดิฉันใช่มั้ยคะ ถ้าเราเอาแต่นั่งๆ นอนๆ ไม่ยอมออกกำลังกายเลยหรือออกกำลังกายน้อยกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ รับรองว่าเราเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น ดิฉันไม่ได้ยกเมฆเอาเองนะคะ เพราะมีผลการวิจัยออกมาจากหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ยืนยันว่าการออกกำลังช่วยลดการเป็นมะเร็งได้ โดยมีการทดลองในหนูทดลองได้มีการแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน กินอาหารที่มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งแบบไม่จำกัด และหนูทดลองกลุ่มที่สองไม่ได้ให้ออกกำลังกายเลย กินอาหารเหมือนหนูทดลองกลุ่มแรกทุกอย่าง ปรากฏว่าหนูทดลองกลุ่มแรกเป็นมะเร็งแค่ 18 % ต่างจากหนูทดลองกลุ่มที่ 2 ที่พบว่าเป็นมะเร็งถึง 88 % เลยทีเดียว
>> เป็นมะเร็งตายแล้วไปไหน ?
>> คุณจะอยู่กับมะเร็งอย่างไร ?
และยังมีการวิจัยอีกอย่างที่ทำการศึกษาและบันทึกข้อมูลของผู้ร่วมการทดลองเป็นเวลา 15 ปี พบว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน มีอัตราการเป็น มะเร็ง ( Cancer ) น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยหรือออกกำลังกายน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จากผลการวิจัยทั้งสองจึงสรุปได้ว่า
โดยการออกกำลังที่ป้องกัน มะเร็ง ( Cancer ) ได้ดีที่สุดคือการ ออกกำลังกาย แบบกลางและแบบหนัก โดยวัดจากาการเต้นของหัวใจเป็นเกณฑ์ หลายคนคงสงสัยว่าการออกกำลังแบบกลางและแบบหนักมันเป็นยังไง มาค่ะ มาดูกันว่าการออกกำลังแบ่งยังไงได้บ้าง
การออกกำลังกายน้อยหรือไม่ออกกำลังกายเลย จะทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ( Cancer ) ได้มากกว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกาย
การออกกำลังการ แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ
1.แอนาแอโรบิค ( Anaerobic ) หรือเวทเทรนนิ่ง ( Weight training )
เป็นการ ออกกำลังกาย แบบมีแรงต้าน ( Resistance Exercise ) เป็นการออกกำลังกายแบบที่ไม่ใช้ออกซิเจนเข้ามามีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงาน การออกกำลังกายแบบนี้จะมีลักษณะการใช้พลังงานในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ยกน้ำหนัก ( Weight Training ) การยกดัมเบล เป็นต้น การออกกำลังกายแบบนี้จะเน้นไปที่ส่วนของกล้ามเนื้อมัดขาวเป็นส่วนมาก กล้ามเนื้อมัดขาวจะใช้พลังงานสูงมากในการเคลื่อนไหวแต่ว่าระยะเวลาในการใช้พลังงานจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และจะทำการดึงพลังงานจากไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อและพลังงานในตับมาใช้ ไม่ใช่การเปลี่ยนไขมันที่อยู่ในร่างกายมาเป็นพลังงานในการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นการเน้นความทนทานของกล้ามเนื้อและยังสามารถรักษามวลกล้ามเนื้อในร่างกายให้คงอยู่ทำให้ร่างกายมีรูปร่างและสัดส่วนที่สวยงาม พร้อมทั้งยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานแบบขั้นต่ำให้เกิดขึ้นกับร่างกายได้เป็นอย่างดี
2. แอโรบิค ( Aerobic ) หรือคาร์ดิโอ ( Cardio )
เป็นการ ออกกำลังกาย แบบที่มีการใช้ออกซิเจนเข้ามามีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันที่อยู่ในร่างกายให้เปลี่ยนมาเป็นพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีจึงจะสามารถดึงไขมันออกมาเผาพลาญได้ เช่น ว่ายน้ำ การวิ่ง การปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค เป็นต้น การออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจนจะเน้นไปที่ส่วนของกล้ามเนื้อมัดแดง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและอัตราการหายใจของร่างกาย จึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงของระบบไหลเวียนเลือก การเต้นของหัวใจ การขยายตัวและหดตัวของปอดมีการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้นแหล่งพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกายแบบนี้จะเป็นไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย ดังนั้นจึงสามารถช่วยลดมวลไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เพิ่งรู้นะเนี่ย...ว่าการ ออกกำลังกาย แบ่งแบบนี้ รู้แบบนี้ดิฉันจะได้เลือกออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง ชีวิตนี้จะได้ห่างไกล มะเร็ง ( Cancer ) มากๆ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะออกกำลังกายเหมือนกันได้หมดนะคะ เราต้องเลือกแบบที่เหมาะสมกับอายุของเราด้วย ไม่ใช่ว่าอายุ 60 ปีจะมาวิ่งเร็วจัดเหมือนคนอายุ 30 ปีก็คงไม่ดีแน่ค่ะ...
สูบบุหรี่ และยาสูบ 22% ตายด้วยมะเร็ง
สูบบุหรี่เพียงมวนตายด้วยมะเร็ง
คุณเชื่อไหมว่าคนไทยตายด้วย บุหรี่ ปีละครึ่งแสน!! ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อค่ะ เพราะจากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าคนไทยตายด้วยโรคที่เกิดจากบุหรี่ปีละ 50,000 กว่าคน ทั้งถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ โรคความดัน และ มะเร็ง อย่าว่าแต่เมืองไทยที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาเลยค่ะ ประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังมีคนที่ตายจากบุหรี่ปีละนับแสนคนเลยทีเดียว ซึ่งร้อยละ 22 ตายด้วยโรคมะเร็งปอด ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของการตายที่เกิดจากบุหรี่ที่เดียวนะคะ
>> ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็งตาย
>> ออกกำลังกายน้อยเป็นมะเร็งจริงหรือ ?
แล้วทำไมคนถึงชอบ สูบบุหรี่ กันนักก็ไม่รู้นะคะ ทั้งวัยรุ่น ทั้งคนแก่ อย่าว่าแต่คนอื่นเลยค่ะ คุณพ่อของดิฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สูบตั้งแต่หนุ่มยันแก่ยังไม่ยอมเลิกสูบเลยค่ะ พ่อดิฉันเป็นคนหนึ่งที่สูบบุหรี่จัด หนักสุดนี่สูบวันละ 2 ซองเลยทีเดียว ตอนเราเด็กๆ พอคุณครูจะบอกว่าสูบบุหรี่ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ เราก็มาบอกพ่อว่าการสูบบุหรี่ไม่ดีนะ พ่อควรเลิกสูบได้แล้ว แทนที่พ่อจะเชื่อและเลิกสูบ กลับมาว่าดุดิฉันเสียอีกว่าเรื่องของท่าน พอโตขึ้นดิฉันก็ยังเตือนท่านอีกหลายครั้งแต่ผลก็เหมือนเดิม พ่อไม่เลิกสูบบุหรี่ พอดิฉันเรียนจบมหาลัย พ่ออายุประมาณ 55 ปี แกป่วยเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวอยู่เป็นเดือน หมอตรวจแล้วแต่ก็ยังระบุโรคไม่ชัดเจน แต่ก็บอกว่ามีความน่าจะเป็นถุงลมโป่งพองกับมะเร็งปอด เชื่อว่าน่าจะมีต้นเหตุมาจากบุหรี่เป็นหลัก เชื่อมั้ยคะว่า พอพ่อออกจากโรงพยาบาล พ่อเลิกบุหรี่ได้ทันทีเลยค่ะ อย่างนี้ต้องเรียกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่นอนโรงพยาบาลไม่เลิกบุหรี่ อย่าหาว่าดิฉันเป็นคนอกตัญญูเลยนะคะ ที่ว่าพ่อตัวเองแบบนี้แต่มันก็เป็นความจริงนี่น่า เค้ารณรงค์กันแทบเป็นแทบตาย ข้างซองก็มีรูปน่าเกลียดน่ากลัว เพื่อจะให้เลิกบุหรี่ก็ยังไม่ยอมเลิกสูบ และคงมีอีกหลายคนที่เป็นเหมือนพ่อของดิฉันที่ไม่ยอมเลิกสูบบุหรี่ คิดว่าสูบมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ร่างกายก็แข็งแรงดีไม่ป่วยไม่ไข้ แต่คุณอย่าลืมสิคะ ว่าตอนนี้คุณยังหนุ่มแน่นร่างกายยังแข็งแรงอยู่คุณก็ยังไม่ป่วยสิ แต่ถ้าคุณแก่ตัวร่างกายอ่อนแอลง เมื่อนั้นรับรองว่าเชื้อร้ายจากบุหรี่มันจัดการคุณแน่
ชนิดของมะเร็งปอด
มะเร็งปอดเกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติอย่างรวดเร็วและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดเป็นกลุ่มก้อนของเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อมีขนาดใหญ่ มีจำนวนมาก และแพร่ไปตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย
มะเร็งปอดจะทำลายชีวิตของผู้ป่วยได้รวดเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดของ มะเร็ง
มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามขนาดของเซลล์ ซึ่งความแตกต่างของขนาดเซลล์นี้มีความสำคัญ เนื่องจากวิธีการรักษาจะแตกต่างกัน
มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก ( small cell lung cancer ) พบได้ประมาณ 10-15% เซลล์จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่ามะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว การรักษาจะไม่ใช้วิธีการผ่าตัด ส่วนมากจะรักษาด้วยการใช้ยาหรือฉายรังสี
มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก ( non-small cell lung cancer ) พบได้บ่อยกว่ามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (พบได้ประมาณ 85-90%) แต่จะแพร่กระจายได้ช้ากว่า และสามารถรักษาให้หายได้โดยการผ่าตัดหากพบตั้งแต่เนิ่นๆ
" บุหรี่เพียงหนึ่งมวน ทำให้คุณอายุสั้นลง 7 นาที "
สารอันตรายที่ประกอบในมวนบุหรี่
คุณรู้ไหมทำไมสูบบุหรี่ถึงทำให้เกิด มะเร็ง ได้? บุหรี่ เป็นแค่ใบไม้ที่มาจากธรรมชาติ นำมาหั่นแล้วม้วนๆ เป็นมวนให้สูบกัน ทำไมถึงทำให้เกิดมะเร็งได้ล่ะ ที่เป็นยังงั้นก็เพราะว่าในใบยาสูบมีสารที่ชื่อว่าทาร์หรือน้ำมันดินอยู่ เมื่อใบยาสูบโดนความร้อนสารนี้จะหลั่งออกมา นอกจากทาร์ที่เป็นสารทำให้เกิดมะเร็งแล้ว การผลิตบุหรี่ยังมีการเพิ่มสารเคมีเข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติ เพิ่มลูกเล่นให้คนสูบติดใจ สารเคมีที่มีอยู่ในบุหรี่ เช่น อะซิโตน สารหนู คลอโรฟอร์ม ไซยาไนด์ ปรอท นิโคติน ดีดีที โพแทสเซียมไนเตรต มีเทน คาเฟอีน เชื่อมั้ยว่า!! ในบุหรี่มีสารพิษถึง 4,000 กว่าชนิดและมีสารที่ก่อมะเร็งอยู่ 60 กว่าชนิดเชียวละ ฟังแล้วน่ากลัวชะมัด ม้วนเล็กนิดเดียวแต่อัดแน่นไปด้วยสารอันตรายทั้งนั้น สารที่ว่านี้เราสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1.กลุ่มนิโคติน จัดเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่เมื่อร่างกายได้รับในปริมาณน้อยจะกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวมีแรงในการทำงาน แต่ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะเข้าไปกดประสาทส่วนกลางทำให้การรับรู้ช้า และเมื่อถูกดูดซึมเข้าไปยังไตจะทำให้หลังสารอิพิเนฟริน ( Epinephrine ) ที่เป็นสาเหตุของความดันสูง...