วัดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ( Genetic Testing )
ดีไหมถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า? ใครๆ ก็อยากรู้อนาคตจริงไหมคะ ดิฉันก็อยากรู้อนาคตได้เหมือนกันจะได้ไม่ต้องเจอกับสิ่งไม่ดี ทั้งอุบัติเหตุ ทั้งการเจ็บป่วย และจะดีมากถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า? ก็ดิฉันได้อยากเป็นมะเร็งนี่คะ แต่ก่อนนี้ไม่มีใครบอกล่วงหน้าได้ว่าคุณมีสิทธิ์หรือมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้หรือเปล่า ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาวิธีการตรวจที่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในอนาคตหรือไม่ ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่านี้เรียกว่า “ Genetic Testing ”
Genetic Testing คือ การตรวจความผิดปกติของดีเอ็นเอในยีนส์ของแต่ละบุคคลการตรวจ Genetic Testing นี้เป็นการตรวจที่สามารถบ่งบอกได้ทั้งสุขภาพและได้ทั้งการตรวจหาโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เมื่อทำการตรวจเราจะรู้ได้เลยว่าในอนาคตเราจะมีสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไร เรามีโอกาสที่จะแพ้ยาตัวไหน บ้าง เราควรกินอาหารประเภทใดและควรงดอาหารประเภทใด ควรออกกำลังแบบไหนจึงจะเหมาะสมกับร่างกายของเรา และที่สำคัญคือเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรบ้างในอนาคต การตรวจนี้มีความแม่นยำสูงที่สุดในปัจจุบันนี้ ซึ่งเราสามารถทำตรวจได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปเพราะว่าพันธุกรรมของทุกคนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกระทั่งตาย โรคที่ตรวจได้จากวิธี Genetic Testing ต้องเป็นโรคที่มีถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือโรคที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนส์เท่านั้น เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิดด้วย ดิฉันขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ยังไม่เป็นมะเร็งด้วยนะคะ เพราะว่าพวกคุณมีสิทธิ์ที่จะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าตัวเองมีสิทธิ์เป็นมะเร็งหรือไม่จากการตรวจ Genetic Testing ไม่เหมือนกับตัวดิฉันเองที่ไม่เคยรู้มาก่อน จึงไม่ได้ทำการตรวจ Genetic Testing ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง ถ้าดิฉันรู้ตัวก่อนนะว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม ดิฉันจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีไม่ให้มะเร็งมันมาทำร้ายดิฉันได้แน่ๆ
การตรวจ Genetic Testing มีข้อดี คือ เมื่อเราตรวจพบว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคเกิดขึ้นแล้ว เราสามารถทำการป้องกันไม่ให้โรคได้ ทั้งจากการดูแลสุขภาพ การควบคุมอาหาร การกินยาเพื่อป้องกันหรือฆ่าเชื้อที่มีอยู่ไม่ให้แสดงผลออกมาได้ตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจนี้จะช่วยชี้แนวทางในการดูแ ลตัวเองและการรักษาของหมอได้เป็นอย่างดี ทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดโรคในอนาคต อย่างเช่น ถ้าเราอาจตรวจว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเต้านม เราก็ไม่กินอาหารที่มีฮอร์โมนสูง ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ ไม่กินของมัน ของทอด ของหมักดอง ออกกำลังเป็นประจำอย่างต่อเนื่องหรือกินยาเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งเกิดขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็อาจจะไม่เป็นมะเร็งเต้านมแล้ว เห็นมั้ยค่ะว่าการตรวจ Genetic Testing นี่มันดีจริงๆ เลย
มะเร็งอะไรบ้างที่สามารถตรวจได้จาก Genetic Testing ?
มะเร็งเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งโพรงหลังจมูก มะเร็งกระดูก มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งต่อมไทรอยด์
สุดยอด! วิธีนี้ตรวจมะเร็งได้ตั้งหลายชนิด แบบนี้เราต้องรีบไปตรวจเลยจะได้รู้ตัวว่ามีสภาวะเสี่ยงกับมะเร็งชนิดไหนบ้างเนี่ย แล้ววิธีการตรวจ Genetic Testing นี่เจ็บหรือเปล่านะ? ต้องผ่าตัด เจาะเลือด ตัดชิ้นเนื้อหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ไปตรวจดีกว่ากลัวเจ็บ
วิธีการตรวจ Genetic Testing
การเก็บตัวอย่างยีนส์เพื่อนำไปตรวจนี้มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
1.การเก็บเยื่อบุในปาก ขั้นตอนการเก็บเยื่อบุในช่องปากก็ไม่ยากเลย แค่นำไม้พันด้วยสำลีมาถูเบาๆ ที่กระพุ้งแก้มด้านในจะขวาหรือซ้ายก็ได้ เพื่อให้เยื่อบุในช่องปากติดออกมากับสำลี และนำสำลีที่มีเยื่อบุนี้ใส่หลอดเก็บตัวอย่างนำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป
2.การเก็บน้ำลาย ขั้นตอนการเก็บน้ำลายเพื่อนำไปตรวจก็คล้ายกับการเก็บเยื่อบุ คือ ให้นำน้ำลายในปากมาใส่ในหลอดเก็บตัวอย่างตามปริมาณที่ต้องการและนำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจสอบได้เลย
เห็นมั้ยคะ! ว่าการเก็บตัวอย่างเพื่อไปตรวจ Genetic Testing ที่ง่ายมากไม่เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย สำหรับใครที่อยากตรวจแต่ว่ากลัวเจ็บก็ไม่ต้องกลัวกันแล้วนะคะ และสำหรับใครที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งก็น่าจะไปตรวจ Genetic Testing เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเหมือนคนในครอบครัวเราหรือเปล่า เราจะได้ดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องไงคะ ไม่ต้องไปทนทรมานกับการป่วยเป็นมะเร็งในอนาคตเหมือนกับที่ดิฉันเคยเป็นค่ะ รู้แล้วก็อย่าลืมไปตรวจ Genetic Testing กันนะคะ
Content by Amprohealth
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม