กระสัง วิตามินซีสูง ช่วยต้านมะเร็งเต้านม รักษาสิว

0
กระสัง วิตามินซีสูง ช่วยต้านมะเร็งเต้านม รักษาสิว เป็นพรรณไม้ล้มลุก มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินสูง

ผักกระสัง

กระสัง

กระสัง ขึ้นชื่อเรื่องการต้านมะเร็งพอสมควร เป็นพรรณไม้ล้มลุกชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย เป็นวัชพืชที่น่ารำคาญในแปลงผัก หรือตามสนามหญ้าทั่วไป แต่มีสรรพคุณทางยาที่ยอดเยี่ยมแบบไม่คาดคิด จึงเป็นที่นิยมในตรินิแดด กียานา ประเทศบราซิล มาเลเซีย โบลิเวีย และหมอยาพื้นบ้านในประเทศไทย เป็นผักที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินสูงอีกชนิดหนึ่ง

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกระสัง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Peperomia pellucida (L.) Kunth
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Peperomia” “Shiny leave”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ผักกระสัง” ภาคเหนือเรียกว่า “ผักฮากกล้วย” ภาคใต้เรียกว่า “ชากรูด” จังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ผักราชวงศ์” จังหวัดเพชรบุรีเรียกว่า “ผักกูด” จังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า “ผักสังเขา” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ตาฉี่โพ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์พริกไทย (PIPERACEAE)

ลักษณะของกระสัง

กระสัง เป็นพรรณไม้ล้มลุก และเป็นวัชพืชชนิดหนึ่ง มักจะพบขึ้นทั่วไปในเขตร้อนทั่วโลก ในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค มักจะขึ้นในแปลงผัก ตามสวน และตามสนามหญ้าทั่วไป
ลำต้น : ลำต้นเปราะหักง่าย ลำต้นและใบเป็นสีเขียวและอวบน้ำ
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน โดยจะออกจากลำต้นในลักษณะตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าตื้น ขอบใบเรียบ มีต่อมโปร่งแสง แผ่นใบหนาเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบด้านบนเป็นมัน ด้านล่างขุ่นและมีสีอ่อนกว่า
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามซอกและที่ปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีครีม ช่อดอกจะออกบริเวณข้อตรงข้ามกับใบ เรียงโค้งขึ้น ประกอบไปด้วยดอกเล็กที่ไม่มีก้าน มีดอกย่อยจำนวนมากเวียนรอบแกน ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ ไม่มีทั้งกลีบดอกและกลีบเลี้ยง
ผล : เป็นผลสดที่มีลักษณะกลม
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำทรงกลมและมีขนาดเล็ก

สรรพคุณของกระสัง

  • สรรพคุณจากกระสัง ในบราซิลจะใช้เพื่อลดคอเลสเตอรอล ในกียานา (Guyana) ใช้เป็นยาขับปัสสาวะและลดไข่ขาวในปัสสาวะ แถบแอมะซอนใช้เป็นยาขับปัสสาวะและหล่อลื่นและแก้หัวใจเต้นผิดปกติ หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นยาแก้ปวดข้อ รักษาอาการปวดท้อง รักษาฝี รักษาสิว รักษาหัด รักษาอีสุกอีใส แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แก้อาการอ่อนเพลีย แก้ปวดศีรษะ แก้ระบบประสาทแปรปรวน แก้อาการมีแก๊สในกระเพาะ แก้ปวดข้อรูมาติก ต้านอนุมูลอิสระสูง ต้านมะเร็ง เสริมสร้างและซ่อมแซมกระดูกส่วนที่สึกหรอ
    – รักษาโรคเกาต์ แก้อาการปวดข้อ แก้ข้ออักเสบ โดยประเทศฟิลิปปินส์นำต้นที่ยาวสัก 20 เซนติเมตร มาต้มกับน้ำ 2 แก้ว ให้เหลือประมาณ 1 แก้ว ใช้ทานครั้งละครึ่งแก้ว เช้าและเย็น
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยารักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ยาชงจากใบใช้เป็นยาแก้ชัก
    – ในตรินิแดด (Trinidad) ใช้เป็นยาเย็นสำหรับเด็ก
    – ในมาเลเซียใช้ทานช่วยรักษาโรคตาและต้อ (glaucoma)
    – แก้ปวดศีรษะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ด้วยการนำใบมาตำให้แหลกเป็นยา
    – แก้มะเร็งเต้านม ด้วยการนำใบมาตำขยำใช้แปะทาเม็ดที่เป็นใต้ราวนม
    – แก้ปวดท้อง ด้วยการนำใบมาคั้นเอาน้ำใช้เป็นยา
    – ช่วยรักษาแผลฝีหนอง ด้วยการนำใบใช้ตำพอกฝีและแผล หรือคั้นเอาน้ำทาแผลฝี
  • สรรพคุณจากต้นและใบ
    – เป็นยารักษาเริม ด้วยการนำต้นมาผสมกับขมิ้นและข้าวสารฮูยงงูกุมารตอกูยิ ตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกทิ้งไว้ 1 คืน
  • สรรพคุณจากทั้งต้น แก้พิษฝี แก้ผื่นคัน
    – ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียได้หลายชนิด แก้ฝีหรือตุ่มหนองและโรคผิวหนัง ช่วยกำจัดเนื้อตาย ทำให้ฝีแตกได้โดยง่าย โดยชาวฟิลิปปินส์นำทั้งต้นสดมาบดประคบ
    – ช่วยห้ามเลือด โดยในโบลิเวียนำทั้งต้นใช้บดผสมกับน้ำใช้กินเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก
    – รักษาไข้ ด้วยการนำส่วนเหนือดินโปะแผล ใช้ส่วนของรากต้มกินเป็นยา

ประโยชน์ของกระสัง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ต้นและใบใช้ทานเป็นผักสด ด้วยการนำมาผัด ลวก หรือนึ่ง ใช้ทำยำผักกระสังได้
2. ช่วยรักษาสิวและบำรุงผม น้ำคั้นจากใบใช้ทารักษาสิว ทำให้สิวยุบเร็วขึ้น ในสมัยก่อนยังใช้น้ำต้มจากผักชนิดนี้มาล้างหน้าเพื่อเป็นการบำรุงผิวและทำให้ผิวหน้าสดใส ใช้เป็นยาสระผม โดยนำใบมาขยำกับน้ำแล้วชโลมศีรษะให้ศีรษะเย็นเพื่อช่วยป้องกันผมร่วงและทำให้ผมนุ่มได้

คุณค่าทางโภชนาการของผักกระสัง

คุณค่าทางโภชนาการของผักกระสัง ต่อ 100 กรัม

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
วิตามิน 18 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 285 ไมโครกรัม

กระสัง เป็นผักที่มีวิตามินซีสูงและอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ นิยมนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ในหลายประเทศ ทั้ง ๆ ที่เป็นวัชพืชตามแปลงผักทั่วไป สามารถนำมาใช้รักษาสิวได้ด้วย เหมาะสำหรับสาว ๆ เป็นอย่างมาก กระสังมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของต้นและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้มะเร็งเต้านม ช่วยรักษาสิว ลดคอเลสเตอรอล แก้ข้ออักเสบและแก้ระบบประสาทแปรปรวนได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กระสัง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/. [16 ส.ค. 2015].
ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “ผักกระสัง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : clgc.agri.kps.ku.ac.th. [16 ส.ค. 2015].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “Peperomia pellucida (L.) Humb., Bonpl. & Kunth”. อ้างอิงใน : หนังสือสารานุกรมสมุนไพร เล่ม 4 กกยาอีสาน หน้า 188. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [16 ส.ค. 2015].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “กระสัง”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [16 ส.ค. 2015].
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานีน้อมรับพระราชดำริ, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กระสัง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : rspg.svc.ac.th. [16 ส.ค. 2015].
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม. “เรื่องน่ารู้…ของผักกะสัง”. อ้างอิงใน : หน่วยปฏิบัติการวิจัยเคมีสารสนเทศ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dra.go.th. [16 ส.ค. 2015].
ผู้จัดการออนไลน์. “สมุนไพรไม้เป็นยา : กระสัง อีกหนึ่งสมุนไพรต้านมะเร็ง ซ่อมแซมกระดูก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.manager.co.th. [16 ส.ค. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูป
https://lupuswiki.com/
http://www.premiumseedshop.com/

กรุงเขมา ยารสขม บำรุงกำลัง สงบประสาท ลดระดับน้ำตาลในเลือด

0
กรุงเขมา
กรุงเขมา ยารสขม บำรุงกำลัง สงบประสาท ลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นไม้เถาที่ทั้งต้นมีรสขมชุ่มหวาน นิยมใช้ในตำรายาไทย และยังเป็นอาหารพื้นบ้าน

กรุงเขมา

กรุงเขมา

กรุงเขมา หรือเรียกอีกอย่างว่า “เครือหมาน้อย” เป็นไม้เถาที่ทั้งต้นมีรสขมชุ่มหวานเล็กน้อย เป็นยาอุ่นที่ดีต่อเลือด ส่วนของรากมีกลิ่นหอม รสสุขุมจึงใช้เป็นยาอายุวัฒนะได้ เป็นต้นที่นิยมใช้ในตำรายาไทยทั้งหลาย นอกจากนั้นยังเป็นอาหารพื้นบ้าน สามารถนำมาใช้ทำเมนู วุ้นหมาน้อย และลาบหมาน้อย ทำขนมหวานเลิศรสที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญยังนำมาใช้ในการรักษาสิว ใช้เป็นสมุนไพรมาส์กหน้า ถือเป็นพืชสมุนไพรชั้นยอดอีกชนิดหนึ่ง

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกรุงเขมา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cissampelos pareira L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Icevine” “Pareira barva”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “กรุงเขมา ขงเขมา พระพาย” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “เครือหมาน้อย” ภาคตะวันตกเฉียงใต้เรียกว่า “ก้นปิด” จังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “เปล้าเลือด” จังหวัดอุบลราชธานีเรียกว่า “หมอน้อย” จังหวัดเพชรบุรีเรียกว่า “สีฟัน” จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกว่า “กรุงเขมา” ชาวมลายูนราธิวาสเรียกว่า “อะกามินเยาะ” จีนกลางเรียกว่า “ยาฮูรู้ ซีเซิงเถิง อย่าหงหลง” มีชื่ออื่น ๆ เรียกว่า “วุ้นหมอน้อย หมาน้อย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์บอระเพ็ด (MENISPERMACEAE)
ชื่อพ้อง : Cissampelos poilanei Gagnep., Cissampelos pareira var. hirsuta (Buch.-Ham. ex DC.) Forman

ลักษณะของกรุงเขมา

กรุงเขมา เป็นพรรณไม้เถาเลื้อยขนาดกลางเนื้อแข็ง ไม่มีมือเกาะ เลื้อยพาดพันตามต้นไม้อื่น มักจะพบตามในป่าดิบ ป่าผลัดใบ ป่าไผ่ ตามริมแม่น้ำลำธาร
ราก : มีรากสะสมอาหารใต้ดิน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจ รูปไต รูปกลม หรือรูปไข่กว้าง ออกแบบสลับกัน ปลายใบส่วนมากมนหรือเรียวแหลมเป็นติ่งหนาม โคนใบกลมตัด หรือเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจุกสีขาว เป็นแบบแยกเพศและอยู่ต่างต้นกัน ออกเรียงเป็นช่อเชิงหลั่นขนาดเล็ก มีขนสั้นนุ่มออกเป็นกระจุก ช่อดอกเพศผู้จะออกตามง่ามใบ เป็นสีเขียวหรือสีเหลือง กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เป็นรูปไข่กลับ ช่อดอกเพศเมียคล้ายช่อกระจุกแยกแขนง ทรงแคบ กลีบดอก 1 กลีบ เป็นรูปไข่กลับกว้าง โคนสอบ กลีบเลี้ยง 1 กลีบ เป็นรูปไข่กลับกว้าง
ผล : เป็นผลสดรูปทรงกลมวงรีอยู่ตอนปลาย ผลเป็นสีส้ม เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาลแดง
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดโค้งงอรูปพระจันทร์ครึ่งซีกหรือรูปเกือกม้า ผิวเมล็ดขรุขระ มีรอยแผลเป็นของก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ด้านข้าง มีขนสั้นนุ่ม ผนังผลชั้นในเป็นรูปไข่กลับ ด้านบนมี 9 – 11 สัน เรียงเป็น 2 แถว

สรรพคุณของกรุงเขมา

  • สรรพคุณจากกรุงเขมา รักษาโรคธาตุอ่อน รักษาทางเดินปัสสาวะ แก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้ลมอัมพาตหรือลมไม่เดิน
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยาฟอกเลือด กระจายเลือด แก้เลือดกำเดา เป็นยาแก้ไข้ เป็นยาแก้ลมชื้น แก้โรคหัวใจ เป็นยาแก้ถุงน้ำดีรั่ว แก้ดีล้น แก้ดีซ่าน เป็นยาห้ามเลือด สมานแผล เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดเอว แก้ปวดบวม แก้ฟกช้ำดำเขียว คลายกล้ามเนื้อ
    – ลดความดันโลหิต โดยหมอยาไทยใหญ่นำทั้งต้นมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้โลหิต แก้กำเดา เป็นยาอายุวัฒนะ เป็นยาเจริญอาหาร เป็นยาบำรุง ช่วยบำรุงร่างกาย เป็นยาสงบประสาท เป็นยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นยาแก้ไข้ เป็นยาลดไข้ แก้ไข้มาลาเรีย ไข้ออกตุ่ม แก้อาการไอ แก้เจ็บคอ แก้ไอเจ็บหน้าอก เป็นยาขับเหงื่อ เป็นยาแก้โรคตา เป็นยาแก้ลม เป็นยาขับเสมหะ แก้เสมหะ เป็นยาบำรุงหัวใจ เป็นยาขับปัสสาวะ ขัดเบา ระบายนิ่ว แก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นยาบำรุงอวัยวะเพศให้แข็งแรง ช่วยรักษาโรคหนองใน บำรุงสมรรถภาพทางเพศ แก้ปวดประจำเดือน แก้ไข้ทับระดู ช่วยปรับสมดุลของประจำเดือนให้เป็นปกติ เป็นยาขับระดู เป็นยาแก้ถุงน้ำดีรั่ว แก้ดีล้น แก้ดีซ่าน ช่วยแก้อาการบวมน้ำ เป็นยาขับน้ำเหลืองเสีย รักษาประดงไฟ เป็นยาสมาน แก้ปวดเมื่อยตามตัว แก้ปวดหลังปวดเอว แก้บวม แก้ปวด
    – เป็นยาอายุวัฒนะ โดยหมอยาไทยและหมอยาพื้นบ้านบราซิลนำรากมาทำให้เป็นผงละลายกับน้ำผึ้งกิน หรือขยี้กับน้ำดื่มเป็นยา
    – รักษาระบบทางเดินอาหาร แก้ถ่ายเป็นเลือด เป็นยาระบาย ยาช่วยย่อย ยาถ่าย แก้ปวดท้อง แก้โรคบิด โดยหมอยาไทยนำรากมาต้มกินเป็นยา
    – ต้านอาการปวดเกร็งทั่วไป แก้โรคลำไส้อักเสบ รักษาโรคลำไส้แปรปรวน โดยหมอยาพื้นบ้านในอเมริกาใต้นำรากเป็นยา
  • สรรพคุณจากเปลือกและแก่น เป็นยาบำรุงโลหิต เป็นยาแก้ไข้ เป็นยาแก้ระดูพิการของสตรี
  • สรรพคุณจากลำต้น เป็นยาบำรุงโลหิตสตรี เป็นยาดับพิษไข้ทุกชนิด เป็นยาพอกแก้ตาอักเสบ
  • สรรพคุณจากเนื้อไม้ เป็นยารักษาโรคโลหิตจาง เป็นยารักษาโรคปอด
  • สรรพคุณจากใบและส่วนเหนือดิน เป็นยาแก้ร้อนใน
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาแก้หืด บำรุงสมรรถภาพทางเพศ
    – รักษาฝี แก้หิด แก้ผดผื่นคัน แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้อาการแสบร้อนตามผิวหนัง แก้อาการอักเสบของผิวหนัง พอกแผล แก้แผลมะเร็ง ช่วยลดอาการบวมตามข้อ โดยหมอยาพื้นบ้านนำใบมาขยี้เป็นวุ้นใช้เป็นยาพอก
  • สรรพคุณจากเถา ราก ใบและเปลือก รักษาอาการตกเลือดหลังคลอด ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบประจำเดือนของผู้หญิง แก้สิวที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน
  • สรรพคุณจากส่วนเหนือดิน เป็นยาแก้โรคตับ
  • สรรพคุณจากรากและใบ เป็นยาพอกแก้หิด แก้โรคผิวหนัง
  • สรรพคุณจากใบและเถา
    – แก้ปวด โดยหมอยาพื้นบ้านชาวอินเดียนำใบและเถามาต้มกินเป็นยา

ประโยชน์ของกรุงเขมา

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ทำเมนูวุ้นหมาน้อย เมนูลาบหมาน้อย ทำเป็นของหวาน
2. ใช้ในทางการแพทย์ ประเทศจีนใช้สารสกัดจากกรุงเขมาและดอกลำโพง มาฉีดให้คนไข้ที่ต้องผ่าตัดส่วนท้องหรือส่วนอก เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว
3. ใช้ในการเกษตร เป็นอาหารสัตว์ของโคกระบือ
4. ใช้ในด้านความงาม นำใบมาทำเป็นสมุนไพรมาส์กหน้า บำรุงผิว แก้สิวได้ด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของใบกรุงเขมาที่มีการนำมาแปรรูปเป็นอาหาร

คุณค่าทางโภชนาการของใบที่มีการนำมาแปรรูปเป็นอาหาร ใน 100 กรัม ให้พลังงาน 95 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
โปรตีน 8.5 กรัม
ไขมัน 0.7 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 13.6 กรัม
เบต้าแคโรทีน 6,577 ไมโครกรัม
วิตามินเอ 1,096 ไมโครกรัมอาร์อี

กรุงเขมา เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในตำรายาของชาวอินเดีย จีนและประเทศไทย มีสรรพคุณหลากหลาย นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงด้านความงาม สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในด้านอุตสาหกรรมในอนาคตได้ แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย กรุงเขมามีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาบำรุง สงบประสาท เป็นยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นยาแก้ไข้ บำรุงเลือดและอื่น ๆ อีกมากมาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “กรุงเขมา”. หน้า 46.
หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “กรุงเขมา”. หน้า 55-56.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “เครือหมาน้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [25 มิ.ย. 2015].
ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กรุงเขมา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/. [25 มิ.ย. 2015].
หนังสือพิมพ์มติชนบทเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับที่ 417, วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2550. “กรุงเขมา พืชป่ามหัศจรรย์ ณ แดนถิ่นอีสาน”.
สมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณ แห่งประเทศไทย. “วุ้นหมาน้อยหรือวุ้นจากต้นกรุงเขมา (Mha Noi Jelly) เครื่องดื่มและอาหารสุขภาพ คลายร้อน”. อ้างอิงใน : มูลนิธิสุขภาพไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.ayurvedicthai.com. [25 มิ.ย. 2015].
ตำรับยา ตำราไทย. “เรื่องน่ารู้ของเครือหมาน้อย กรุงเขมา : วุ้นธรรมชาติ ยาเย็น แก้ไข้ แก้ปวด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : thrai.sci.ku.ac.th. [25 มิ.ย. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

สะเดา เปลือกต้นและใบคือยา ดีต่อระบบย่อยอาหารในร่างกาย

0
สะเดา
สะเดา เปลือกต้นและใบคือยา ดีต่อระบบย่อยอาหารในร่างกาย มีแคลเซียมสูงสุด ยอดอ่อนและดอกอ่อนจะนิยมนำมาทานกับน้ำปลาหวาน

สะเดา

สะเดา

สะเดา เป็นไม้ยืนต้นสูงใหญ่ที่มีส่วนประกอบเป็นยาสมุนไพรได้หลากหลายมาก เป็นต้นที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันพอสมควร ส่วนของยอดอ่อนและดอกอ่อนจะนิยมนำมาทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริก และเมนูโดดเด่นเลยก็คือ น้ำปลาหวานสะเดา ที่สำคัญสะเดาถือเป็นผักที่มีแคลเซียมสูงสุดเป็นอันดับ 3 ด้วย ส่วนของไม้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างได้ ใช้ในการเกษตรได้ แถมคนไทยโบราณเชื่อว่าเป็นไม้มงคลที่ดีงามอีกตังหาก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของสะเดา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Azadirachta indica A.Juss.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Neem” “Neem tree” “Nim” “Margosa” “Quinine” “Holy tree” “Indian margosa tree” “Pride of china” “Siamese neem tree”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “สะเดา สะเดาบ้าน” ภาคเหนือเรียกว่า “สะเลียม” ภาคใต้เรียกว่า “เดา กระเดา กะเดา” คนกรุงเทพเรียกว่า “สะเดาอินเดีย” คนทั่วไปเรียกว่า “ควินิน” ส่วยเรียกว่า “จะดัง จะตัง” ไทลื้อเรียกว่า “ผักสะเลม” ชาวลัวะเรียกว่า “ลำต๋าว” ชาวขมุเรียกว่า “สะเรียม” ชาวกะเหรี่ยงแดงเรียกว่า “ตะหม่าเหมาะ” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “กาเดา เดา ไม้เดา”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กระท้อน (MELIACEAE)
ชื่อพ้อง : Azadirachta indica var. siamensis Valeton, Melia azadirachta L.

ลักษณะของสะเดา

สะเดา เป็นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มี 3 ชนิด ได้แก่ สะเดาไทย สะเดาอินเดีย สะเดาช้าง
ต้น : เป็นทรงเรือนยอดพุ่มหนาทึบตลอดปี
ราก : รากแข็งแรง หยั่งลึก
เปลือก : เปลือกของลำต้นหนา มีสีน้ำตาลเทาหรือสีเทาปนดำ ผิวเปลือกแตกเป็นสะเก็ด เนื้อไม้มีสีแดงเข้มปนสีน้ำตาล แกนไม้มีสีน้ำตาลแดง มีความแข็งแรงและทนทานมาก
ใบ : มีสีเขียวเข้มหนาทึบ เมื่ออ่อนจะมีสีแดง เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อย 4 – 7 คู่ ใบเป็นรูปหอกกึ่งรูปเคียวโค้ง โคนใบเบี้ยวชัดเจน ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นจักคล้ายฟันเลื่อย ผิวก้านมีต่อม 1 คู่
ดอก : ออกดอกเป็นช่อแยกแขนงขนาดใหญ่ตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็กสีขาวหรือสีเทา มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ปลายเป็นช่อกระจุก 1 – 3 ดอก ใบประดับย่อยเป็นรูปใบหอก กลีบเลี้ยงเป็นรูปทรงแจกัน กลีบดอก 5 กลีบเป็นรูปช้อนแคบ
ผล : มีลักษณะกลมวงรี คล้ายผลองุ่น ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว มีรสหวานเล็กน้อย
เมล็ด : ลักษณะกลมวงรี ผิวค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ตามยาวเป็นสีเหลืองซีดหรือเป็นสีน้ำตาล

สรรพคุณของสะเดา

  • สรรพคุณจากดอก ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย เป็นยาขมเจริญอาหาร ช่วยแก้พิษโลหิตกำเดา ช่วยแก้ริดสีดวงในลำคอ ช่วยในการย่อยอาหาร
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยบำรุงธาตุไฟ ขับน้ำย่อยอาหาร ช่วยบำรุงโลหิต เป็นยาขมเจริญอาหาร ช่วยรักษาโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเอดส์ ช่วยลดความเครียด ช่วยทำให้นอนหลับสบาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง ช่วยแก้ไข้ สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยรักษาแผลในช่องปาก แก้ปากมีกลิ่นเหม็น มีฤทธิ์ระบายอ่อน ๆ ช่วยรักษาเบาหวาน ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล ช่วยแก้โรคในลำคอ ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยทำให้อุจจาระละเอียด ช่วยบำรุงน้ำดี แก้แผลรองเท้ากัด รักษาฝี แก้พิษฝี เป็นยาฝาดสมาน ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยแก้ลมพิษ แก้ผดผื่นคัน ช่วยแก้อาการคันในร่มผ้า ช่วยแก้ประดงเข้าข้อ ช่วยฆ่าเชื้อ เป็นยาฆ่าแมลง ฆ่าเหา
  • สรรพคุณจากผล ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง ช่วยแก้โรคหัวใจ ยาถ่ายพยาธิ แก้พยาธิทั้งปวง เป็นยาระบาย
  • สรรพคุณจากแก่น ช่วยบำรุงธาตุไฟ ขับน้ำย่อยอาหาร ช่วยบำรุงโลหิต แก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน ช่วยแก้ลม ช่วยขับเสมหะ
  • สรรพคุณจากลำต้น เป็นยาบำรุงร่างกาย เป็นยาขมเจริญอาหาร ช่วยแก้ไข้ สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการปวดท้อง เป็นยาระงับอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
  • สรรพคุณจากยอดอ่อน ช่วยบำรุงและรักษาสายตา แก้ปากเปื่อยหรือริมฝีปากเป็นแผล
  • สรรพคุณจากผลอ่อน เป็นยาขมเจริญอาหาร ช่วยแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ช่วยขับลม ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ แก้ปัสสาวะผิดปกติ ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาขมเจริญอาหาร ช่วยแก้กษัยหรือโรคซูบผอม ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง ช่วยแก้ไข้ สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ช่วยทำให้ฟันที่โยกคลอนแข็งแรงขึ้น ช่วยรักษาโรครำมะนาด เหงือกอักเสบ ช่วยรักษาโรครำมะนาด แก้เหงือกอักเสบ แก้กองเสมหะ ช่วยแก้อาการท้องเดิน ช่วยแก้อาการท้องร่วง ช่วยแก้บิด แก้อาการบิดเป็นมูกเลือด ช่วยรักษาแผลพุพองมีน้ำเหลืองไหล ฆ่าเชื้อโรค แก้แผลงูกัดและถูกแมงป่องต่อย เป็นยาฝาดสมาน ช่วยแก้โรคหิด แก้โรคเรื้อน ช่วยแก้ประดงเข้าข้อ เป็นยากระตุ้น
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาขมเจริญอาหาร ช่วยแก้ไข้ สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้ลม ช่วยแก้เสมหะที่จุกคอและแน่นอยู่ในอก แก้เสมหะติดคอ ช่วยรักษาริดสีดวงในลำไส้ แก้อาการปวดท้อง แก้ปวดเจ็บในลำไส้ แก้ถ่ายออกมาเป็นเลือด รักษาโรคกระเพาะ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง เป็นยาระงับอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นยากระตุ้น
  • สรรพคุณจากก้านใบ แก้ไข้ตัวร้อน แก้ปวดศีรษะ แก้น้ำมูกไหล แก้อาการอ่อนเพลีย แก้เบื่ออาหาร แก้ครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะเป็นไข้ ช่วยแก้หัด
  • สรรพคุณจากยาง ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ในร่างกาย
  • สรรพคุณจากเปลือกรากแก้ว ช่วยทำให้อาเจียน ช่วยรักษาโรคผิวหนัง
  • สรรพคุณจากกระพี้ ช่วยแก้อาการเพ้อคลั่ง ช่วยบำรุงน้ำดี ช่วยแก้น้ำดีพิการ ช่วยแก้ถุงน้ำดีอักเสบ
  • สรรพคุณจากกิ่งอ่อน ช่วยทำให้เหงือกและฟันสะอาดแข็งแรง ช่วยทำลายแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยแก้อาการเสียวฟัน ช่วยแก้อาการเจ็บคอ
  • สรรพคุณจากไม้สะเดาที่ใช้สีฟัน ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
  • สรรพคุณจากน้ำมันเมล็ด รักษาโรคเรื้อนกวาง แก้สะเก็ดเงิน แก้หิด ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการผิวแห้ง
  • สรรพคุณจากสะเดาทั้ง 5 ช่วยแก้ประดงเส้น

ประโยชน์ของสะเดา

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนและดอกอ่อนนำมาใช้ทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริก ที่สำคัญนิยมใช้ทำน้ำปลาหวานสะเดา
2. ใช้ในอุตสาหกรรม ไม้สะเดานำมาใช้ในการก่อสร้างได้ ใช้ในอุตสาหกรรมสารเคมี ใช้สกัดทำสีย้อมผ้าโดยเปลือกต้นจะให้สีแดง ส่วนของยางจะให้สีเหลือง เมล็ดใช้ทำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง
3. ใช้ในการเกษตร เป็นสารกำจัดแมลงศัตรูพืช เศษที่เหลือของเมล็ดนำมาใช้ทำปุ๋ยได้ด้วย
4. เป็นไม้ปลูกประดับ ให้ความร่มเงา
5. เป็นไม้มงคล คนไทยเชื่อว่าสะเดาเป็นไม้ที่ช่วยป้องกันปีศาจได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

สะเดา เป็นไม้ดั้งเดิมของไทยที่มีอายุยืน ให้ความร่มเงา สวยงาม และยังประกอบไปด้วยประโยชน์นานาชนิด โดยเฉพาะการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม ใช้ในการเกษตรได้อีกด้วย สะเดามีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเปลือกต้นและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยบำรุงร่างกาย ดีต่อระบบย่อยอาหาร ดีต่อระบบขับถ่ายในร่างกายและแก้อาการปวดได้ เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามจริง ๆ

เอกสารอ้างอิง
สวนพฤกษศาสตร์ ตามพระราชเสาวนีย์ฯ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “สะเดา“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.dnp.go.th. [14 พ.ย. 2013].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “สะเดา (สะเดาไทย)“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [14 พ.ย. 2013].
หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. สวนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้. (เต็ม สมิตินันทน์).
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Siamese neem tree“. อ้างอิงใน: หนังสือสมุนไพรไทย ตอนที่ 7. (ก่องกานดา ชยามฤต). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [14 พ.ย. 2013].
KU eMagazine มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “สะเดามากคุณค่า เกินคาดเดา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ku.ac.th/e-magazine. [14 พ.ย. 2013].
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดนครราชสีมา (พืชสวน). “สะเดาไทย พืชสารพัดประโยชน์“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.aopdh06.doae.go.th. [14 พ.ย. 2013].
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “ชนิดของสะเดา“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doae.go.th. [14 พ.ย. 2013].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihealth.or.th. [14 พ.ย. 2013].
นวัตกรรมการบริหารงานวิจัย การสร้างขุมความรู้เพื่อรองรับการวิจัยเชิงพื้นที่ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “ผักพื้นบ้าน สะเดา“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: area-based.lpru.ac.th. [14 พ.ย. 2013].
โรงเรียนสองแคววิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่. “สะเดา“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.songkaew.ac.th. [14 พ.ย. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://www.flickr.com/photos/dinesh_valke/31761735438
2.https://www.floraofqatar.com/azadirachta_indica.htm

ประดู่ ไม้ต้นมากประโยชน์ มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ การเกษตร ความเชื่อ สุขภาพ

0
ประดู่ ไม้ต้นมากประโยชน์ มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ การเกษตร ความเชื่อ สุขภาพ ดอกเป็นสีเหลืองแกมแสดซึ่งมีกลิ่นหอมแรง สรรพคุณทางยาสมุนไพร

ประดู่

ประดู่

ประดู่ เป็นไม้ยืนต้นสูงชะลูดที่มีดอกเป็นสีเหลืองแกมแสดซึ่งมีกลิ่นหอมแรง มีผลคล้ายกับรูปจานบินซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก ทว่าประดู่ก็เป็นต้นไม้ที่คนไทยส่วนมากค่อนข้างรู้จัก เป็นต้นที่หาได้ทั่วไปและค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควรเพราะนิยมปลูกกันตามที่สาธารณะและตามอาคารทั่วไปในเมือง ทว่าคนส่วนมากไม่ค่อยรู้จักนักว่าประดู่นั้นมีประโยชน์มากกว่าแค่การให้ความร่มเงาเท่านั้น ประดู่ยังเป็นต้นที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรในตำรับยา แถมยังเป็นต้นที่สามารถนำมารับประทานได้ และยังเป็นไม้ที่ให้คุณค่าทางเศรษฐกิจ ประเด็นสำคัญที่คนส่วนมากไม่รู้ก็คือ ประดู่เป็นต้นที่กรองฝุ่นละอองและกำจัดอากาศเสีย นั่นคือเหตุผลที่เราพบต้นประดู่ได้มากตามข้างทางทั่วไปในเมือง

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของประดู่

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pterocarpus indicus Willd.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Burma Padauk” “Narra” “Angsana Norra” “Malay Padauk” “Burmese Rosewood” “Andaman Redwood” “Amboyna Wood” “Indian rosewood”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ประดู่บ้าน ประดู่ลาย ประดู่กิ่งอ่อน อังสนา” ภาคเหนือเรียกว่า “ดู่บ้าน” ชาวมาเลย์นราธิวาสเรียกว่า “สะโน” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ดู่ ประดู่ป่า ประดู่ไทย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)

ลักษณะของต้นประดู่

ประดู่ เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศมาเลเซียหรือมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย อยู่ในแถบอันดามัน มัทราช เบงกอล มักจะพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทางภาคใต้
ลำต้น : ต้นจะผลัดใบก่อนการออกดอก มีการแตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่มกว้างและปลายกิ่งห้อยลง เปลือกลำต้นหนาเป็นสีน้ำตาลเทา แตกหยาบเป็นร่องลึก
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบออกรวมกันเป็นช่อ แต่ละช่อมีใบย่อยประมาณ 7 – 13 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปมนวงรี รูปไข่หรือรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลม ขอบใบเรียบไม่มีหยัก แผ่นใบหนาเป็นสีเขียว ผิวใบมีขนสั้นปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย เส้นแขนงใบถี่โค้งไปตามรูปใบเป็นระเบียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะ โดยจะออกบริเวณซอกใบหรือที่ปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1 – 2 อัน ลักษณะเป็นรูปวงรี กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็นแฉก 2 แฉก แบ่งเป็นอันบน 2 กลีบติดกัน และอันล่าง 3 กลีบติดกัน กลีบดอกมี 5 กลีบ เป็นสีเหลืองแกมแสด ลักษณะของกลีบเป็นรูปผีเสื้อ ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2 – 3 กลุ่ม ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 อัน ดอกมีกลิ่นหอมแรง จะบานและร่วงพร้อมกันทั้งต้น มักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
ผล : เป็นผลแห้งแบบ samaroid ลักษณะของผลเป็นรูปกลมหรือวงรีแบน ที่ขอบมีปีกบางคล้ายจานบิน แผ่นปีกบิดและเป็นคลื่นเล็กน้อย ที่ผิวมีขนละเอียด ตรงกลางนูนป่องซึ่งเป็นที่อยู่ของเมล็ด โดยภายในจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด ผลอ่อนเป็นสีเขียวแกมเหลือง เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผิวสัมผัสขรุขระเมื่อผลแก่
เมล็ด : เมล็ดมีลักษณะคล้ายกับเมล็ดถั่วแดง ผิวเรียบสีน้ำตาล

สรรพคุณของประดู่

  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาบำรุงร่างกาย เป็นยาแก้ปากเปื่อยหรือปากแตก เป็นยาแก้โรคบิด เป็นยาสมานบาดแผล
  • สรรพคุณจากแก่น เป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงธาตุในร่างกาย เป็นยาขับยาเสมหะ เป็นยาแก้ผื่นคัน
    – แก้ไข้และแก้พิษไข้ แก้เสมหะ ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล แก้โรคคุดทะราด ด้วยการนำแก่นเนื้อไม้มาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้ไข้ แก้พิษไข้
  • สรรพคุณจากใบ
    – ช่วยบรรเทาอาการระคายคอ ด้วยการนำใบมาตากแห้งใช้ชงกับน้ำร้อนเป็นชาใบประดู่
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาแก้อาเจียน เป็นยาแก้ท้องร่วง
  • สรรพคุณจากยาง เป็นยาแก้โรคปากเปื่อย
  • สรรพคุณจากเปลือกต้นและยาง เป็นยาแก้อาการท้องเสีย
  • สรรพคุณจากใบอ่อน
    – แก้ผดผื่นคัน แก้แผล ใช้พอกฝีเพื่อทำให้ฝีสุกหรือแห้งเร็ว ด้วยการนำมาตำให้ละเอียดใช้เป็นยาพอก
  • สรรพคุณจากยางไม้ เป็นยาแก้โรคท้องเสีย

ประโยชน์ของต้นประดู่

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบอ่อนและดอกนำมาลวกทานเป็นอาหารได้หรือนำมาชุบแป้งทอดเป็นอาหารว่างได้
2. ใช้ในอุตสาหกรรม ไม้มีคุณภาพดีเพราะเป็นไม้เนื้อแข็ง ปลวกไม่ทำลายและมีสีสวย จึงนิยมนำมาใช้สร้างบ้านเรือน ทำเฟอร์นิเจอร์ ทำเกวียน ทำเรือคานและเรือทั่วไป ทำเครื่องมือเครื่องใช้ ทำเครื่องดนตรีไทย ประดู่มีปุ่มประดู่ซึ่งมีเนื้อไม้ที่มีคุณภาพสูงและงดงามแต่จะมีราคาแพงมากและหาได้ยาก ส่วนของเปลือกมีน้ำฝาดที่ใช้ฟอกหนังได้ เปลือกและแก่นนำมาใช้ย้อมสีผ้าโดยเปลือกจะให้สีน้ำตาล ส่วนแก่นจะให้สีแดงคล้ำ
3. ใช้สระผม ใบมีรสฝาดจึงนำมาชงกับน้ำใช้สระผมได้
4. ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมปลูกตามอาคารหรือสถานที่สาธารณะทั่วไป เพื่อความร่มเงาและให้ความสวยงาม ช่วยกำจัดอากาศเสีย ช่วยกรองฝุ่นละอองและกันลมกันเสียง
5. ใช้ในการเกษตร ช่วยป้องกันลมและคลุมดินให้ชุ่มชื้น ช่วยรองรับน้ำฝนและช่วยลดแรงปะทะหน้าดิน ระบบรากหยั่งลึกและแผ่กว้างที่ช่วยยึดหน้าดินไว้ไม่ให้พังทลายได้ง่าย รากที่มีปมขนาดใหญ่ช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศมาเก็บไว้ในรูปของไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์ ใบเมื่อร่วงหล่นก็จะเกิดการผุพังกลายเป็นธาตุอาหารอินทรียวัตถุให้แก่ดินได้
6. เป็นความเชื่อ เชื่อว่าจะช่วยทำให้เกิดพลังแห่งความยิ่งใหญ่เพราะประดู่หมายถึงความพร้อม ความร่วมมือร่วมใจ มีพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อยู่อาศัยให้ปลูกต้นประดู่ไว้ทางทิศตะวันตกและให้ปลูกในวันเสาร์ ผู้ปลูกควรจะเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ นอกจากนั้นยังเป็นเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือไทย เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดอุตรดิตถ์และเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า ต้นประดู่เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดภูเก็ตและโรงเรียนอีกหลายแห่งในประเทศไทย

ประดู่ เป็นต้นไม้สูงขนาดใหญ่ที่คนทั่วไปมักจะปลูกเพื่อความร่มเงา ทว่าประโยชน์นั้นมีมากกว่าที่เรารู้กัน ถือเป็นต้นที่คู่ควรแก่การอนุรักษ์หรือปลูกเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ได้มากมายและหลากหลายด้าน ที่สำคัญยังเป็นไม้ที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจอีกด้วย ประดู่มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของแก่นและเปลือกต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ไข้ บรรเทาอาการระคายคอ บำรุงร่างกาย บำรุงเลือดและแก้บิดได้ นอกจากนั้นยังเป็นต้นที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรืออุตสาหกรรมย้อมผ้าได้อีกด้วย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ประดู่”. หน้า 446.
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 291 คอลัมน์ : ต้นไม้ใบหญ้า. (เดชา ศิริภัทร). “ประดู่ : ตำนานความหอมและบิดาแห่งราชนาวี”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th. [04 ก.ย. 2014].
ไขปริศนา พฤกษาพรรณ, ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ประดู่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.il.mahidol.ac.th/e-media/plants/. [04 ก.ย. 2014].
โรงเรียนอุดมศึกษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.udomsuksa.ac.th/Latphrao/Knowledge/vijai/thai_Abstrait.htm. [04 ก.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com
รูปอ้างอิง

Home


https://www.flickr.com/

ผักหนาม มีทั้งสรรพคุณและพิษ ดีต่อลำคอและผิวหนัง

0
ผักหนาม
ผักหนาม มีทั้งสรรพคุณและพิษ ดีต่อลำคอและผิวหนัง มักจะขึ้นในที่ชื้นแฉะและมีน้ำขัง มีหนามแหลมตามเส้นใบ ก้านใบ ใบอ่อนและดอกอ่อน รสชาติจืดจึงนำมาดองให้มีรสเปรี้ยว

ผักหนาม

ผักหนาม

ผักหนาม ภาษาอังกฤษ Lasia spinosa จัดเป็นพืชในวงศ์บอนที่มักจะขึ้นในที่ชื้นแฉะและมีน้ำขัง เป็นต้นที่มีหนามแหลมตามเส้นใบด้านล่างและตามก้านใบ ส่วนของยอดอ่อน ใบอ่อนและดอกอ่อน รสชาติจะจืดจึงนำมาทำผักดอง ให้มีรสเปรี้ยวแล้วนำมาทานเป็นผัก เป็นต้นที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ของโคกระบือและไก่ ซึ่งจะทำให้สัตว์มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เหมาะกับอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เป็นอย่างมากเพราะตัวไก่จะได้อ้วนและมีเนื้อหนัง นอกจากนั้นยังเป็นส่วนประกอบในตำรับยาสมุนไพรอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lasia spinosa (L.) Thwaites
ชื่อท้องถิ่น : ชาวมลายูนราธิวาสเรียกว่า “กะลี” ชาวขมุและไทลื้อเรียกว่า “บอนหนาม” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “ผะตู่โปล่ เฮาะตู่คุ” ชาวปะหล่องเรียกว่า “ด่อแกงเล่อ” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “บ่อนยิ้ม” ชาวลัวะเรียกว่า “บ่ะหนาม” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “หลั่นฉื่อโก จุยหลักเท้า”
ชื่อวงศ์ : วงศ์บอน (ARACEAE)

ลักษณะของผักหนาม

เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุหลายปี พบได้ตามแหล่งธรรมชาติทั่วทุกภาคในประเทศไทย มักจะพบตามที่ชื้นแฉะมีน้ำขัง ตามริมน้ำ ริมคูคลอง หนอง บึง ตามร่องน้ำในสวน หรือบริเวณดินโคลนที่มีน้ำขัง
ลำต้น : ลำต้นมีลักษณะเป็นเหง้าแข็งอยู่ใต้ดินทอดเลื้อยขนานกับพื้นดิน ตั้งตรงและโค้งลงเล็กน้อย ชูยอดขึ้น ตามลำต้นมีหนามแหลม
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปหัวลูกศรหรือรูปโล่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบและหยักเว้าลึกเป็น 9 พู รอยเว้ามักลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ มีหนามแหลมตามเส้นใบด้านล่างและตามก้านใบ ใบอ่อนม้วนเป็นแท่งกลม ก้านใบมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกยาวและแข็ง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อเชิงลด ลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกแท่งยาวขนานเท่ากับใบ แทงออกมาจากกาบใบ ก้านช่อดอกมีหนาม มีดอกย่อยอัดกันแน่น เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ใบประดับเป็นกาบสีน้ำตาลแกมเขียวจนถึงสีม่วง กาบหุ้มม้วนบิดเป็นเกลียวตามความยาวของกาบ เป็นช่อดอกแบบแท่ง Spadix ช่อดอกเป็นสีน้ำตาล มีดอกเพศผู้จำนวนมากและอยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศเมียจะมีจำนวนน้อยกว่าและอยู่ตอนล่าง มักจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
ผล : ผลมีลักษณะเรียงชิดกันแน่นเป็นแท่งรูปทรงกระบอก เป็นผลสด หนาและเหนียว ผลอ่อนเป็นสีเขียวและมีเนื้อนุ่ม เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมแดง มักจะออกผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม

สรรพคุณของผักหนาม

  • สรรพคุณจากทั้งต้น ตำรายาไทยใช้เป็นยาแก้ปัสสาวะพิการ อินเดียใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้ปวดตามข้อและโรคแก้ผิดปกติเกี่ยวกับลำไส้
    – บำรุงกำลัง แก้อาการปวดเมื่อย โดยชาวไทใหญ่นำทั้งต้นรวมกับไม้เปาและไม้จะลาย มาต้มอาบและดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากต้น น้ำคั้นจากต้นเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร
  • สรรพคุณจากลำต้น เป็นยาแก้อาการผิดปกติเกี่ยวกับคอ เป็นยาแก้ไอ แก้กระหายน้ำ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเหลืองหรือแดง แก้ผิวหนังเน่าเปื่อยเป็นหนอง เป็นยารักษาโรคผิวหนัง
    – แก้อาการคันเนื่องจากพิษหัด แก้เหือด แก้ไข้ออกผื่น แก้สุกใส แก้ดำแดง ทำให้ผื่นหายเร็ว เป็นยาถอนพิษ ด้วยการนำลำต้นมาต้มเอาน้ำอาบ
    – แก้ผิวหนังเน่าเปื่อยเรื้อรัง แก้เท้าเน่าเปื่อย แก้ศีรษะเน่าเปื่อยเป็นแผลเรื้อรัง ด้วยการนำลำต้นมาต้มเอาน้ำชะล้างหรือบดให้เป็นผงแล้วนำมาทาบริเวณที่มีอาการ
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาแก้อาการผิดปกติเกี่ยวกับคอ
  • สรรพคุณจากเหง้า เป็นยาขับเสมหะ แก้ไอ
    – แก้คันเนื่องจากพิษหัด แก้เหือด แก้สุกใส แก้ดำแดง รักษาโรคผิวหนัง ด้วยการนำเหง้ามาต้มกับน้ำอาบ
    – เป็นยาถ่ายพยาธิ ด้วยการนำเหง้ามาฝนกับน้ำกิน
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาขับเสมหะ
    – แก้เจ็บคอ ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา หรือนำรากต้มกับน้ำให้เด็กแรกเกิดอาบ
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาขับเสมหะ เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้ไอ

ผักหนาม ประโยชน์

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อน ใบอ่อนและดอกอ่อนมีรสจืดจึงนำมาดองจะมีรสเปรี้ยว สามารถนำมารับประทานเป็นผักได้ โดยนำมาลวกหรือต้มกับกะทิ หรือใช้ทำผักดองแกล้มแกงไตปลาและขนมจีน ทานร่วมกับน้ำพริก นำไปผัด ปรุงเป็นแกง ก้านใบอ่อนใช้ต้มกินกับน้ำพริก ชาวอินเดียนำผลมาปรุงเป็นอาหาร ลำต้นนำมาสับเป็นชิ้นเล็กใช้ผสมในข้าวสารแล้วนำไปหุง
2. ใช้ในด้านการเกษตร ก้านและใบใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงโคกระบือด้วยการนำมาตำกับเกลือให้โคกระบือกิน ทำให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ เพราะมีฮอร์โมนบางชนิดในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ไก่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของผักหนาม

คุณค่าทางโภชนาการใน 100 กรัม ให้พลังงาน 18 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
โปรตีน 2.1 กรัม
ไขมัน 0.2 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 2.0 กรัม 
ใยอาหาร 0.8 กรัม 
เถ้า 0.8 กรัม 
วิตามินเอ 6,383 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.92 มิลลิกรัม 
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.91 มิลลิกรัม
วิตามินซี 23 มิลลิกรัม
แคลเซียม 14 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.9 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม

ข้อควรระวัง

ก่อนนำมารับประทานจะต้องนำไปทำให้สุกหรือดองเปรี้ยวเพื่อกำจัดพิษไซยาไนด์เสียก่อน เพราะส่วนของใบ ก้านใบ และต้นมีสารไซยาโนเจนิกไกลโคไซด์ (Cyanogenic. Glycosides) ซึ่งเป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบการไหลเวียนของเลือด เมื่อได้รับพิษหรือรับประทานดิบจะทำให้อาเจียน กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อกระตุก หายใจลำบาก มึนงง ไม่รู้ตัว ชักก่อนจะหมดสติ มีอาการขาดออกซิเจน ตัวเขียว ถ้าได้รับมากจะทำให้โคม่าภายใน 10 – 15 นาที และเสียชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อได้รับพิษจะต้องทำให้อาเจียนออกมาก่อน แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการล้างท้อง

ผักหนาม เป็นต้นที่มีสรรพคุณและมีพิษอยู่ในตัว ก่อนที่จะนำมาใช้ไม่ว่าจะรูปแบบใดควรนำมาต้มให้สุกก่อน เป็นต้นที่นิยมนำมาดองเปรี้ยวในการทานร่วมกับอาหารชนิดอื่น นอกจากนั้นยังเป็นอาหารที่ดีต่อโคกระบือและไก่อีกด้วย มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของลำต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ปัสสาวะพิการ บำรุงกำลัง แก้อาการผิดปกติเกี่ยวกับคอและแก้โรคผิวหนังได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [29 ก.ย. 2015].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [29 ก.ย. 2015].
คมชัดลึกออนไลน์. “ใช้ผักหนามเลี้ยงไก่”. (พีรเดช ทองอำไพ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.komchadluek.net. [29 ก.ย. 2015].
ระบบวินิจฉัยและการรักษาอาการอันเนื่องจากพืชพิษในประเทศไทย, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/poison/poison.htm. [29 ก.ย. 2015].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ผักหนาม” อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), สมุนไพรใกล้ตัว เล่ม 6 : สมุนไพรที่เป็นพิษ (สมพร ภูติยานันต์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [29 ก.ย. 2015].
โครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พันธุ์ผักพื้นบ้านและไม้ผลพื้นเมืองภาคใต้ สำหรับประชาชน, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : natres.psu.ac.th/ProjectSite/webpage/detail-project.htm. [29 ก.ย. 2015].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [29 ก.ย. 2015].
กลุ่มรักษ์เขาใหญ่. “เดินป่า ศึกษาสมุนไพร แก่งยาว ๕๘ – ๒ (๕. ผักหนาม)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rakkhaoyai.com. [29 ก.ย. 2015].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 17 คอลัมน์ : อื่น ๆ. (ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ). “หนาดใหญ่และผักหนาม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th. [29 ก.ย. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

กัญชง พืชสำคัญอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นยาบำรุงเลือด ช่วยให้นอนหลับ

0
กัญชง
กัญชง พืชสำคัญอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นยาบำรุงเลือด ช่วยให้นอนหลับ เป็นพืชที่นิยมนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถักทอ เมล็ดมีโปรตีนสูง

กัญชง

กัญชง

กัญชง เป็นพืชที่คนทั่วไปรู้จัก เพราะมีความคล้ายคลึงกับต้นกัญชา แต่กัญชงนั้นไม่ใช่สารเสพติดเหมือนกัญชา ต้นกัญชงเป็นพืชที่นิยมนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถักทอ โดดเด่นอย่างมากในการนำเส้นใยมาใช้ทำผ้า โดยเฉพาะกิโมโนในประเทศญี่ปุ่น ส่วนของเมล็ดมีโปรตีนสูงมาก เป็นส่วนหนึ่งของต้นที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เป็นพืชที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของโลก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกัญชง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cannnabis sativa L. Subsp. sativa
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Hemp”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กัญชา (CANNABACEAE)

ลักษณะของกัญชง

กัญชง เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุเพียงปีเดียวที่มีแหล่งกำเนิดในเอเชียกลาง และแพร่กระจายไปสู่เอเชียตะวันออก อินเดีย และในทวีปยุโรป
ลำต้น : ลำต้นเป็นสีเขียวตั้งตรง อวบน้ำเมื่อเป็นต้นกล้า จะเริ่มมีการสร้างเนื้อไม้เมื่ออายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ ราก : เป็นระบบรากแก้วและมีรากแขนงเป็นจำนวนมาก
ใบ : เป็นใบเดี่ยวรูปฝ่ามือ แผ่นใบแก่แยกเป็นแฉก 7 – 9 แฉก การเรียงตัวของใบค่อนข้างห่าง ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยและเว้าลึกจนถึงโคนใบ ปลายใบสอบและเรียวแหลม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด ดอกมีขนาดเล็กสีขาว เป็นแบบแยกเพศและอยู่ต่างต้นกัน ช่อดอกเพศผู้มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เป็นสีเขียวอมเหลือง มีเกสรเพศผู้ 5 อัน ดอกเพศเมียมีกลีบเลี้ยงสีเขียวเข้มหุ้มรังไข่ไว้ ภายใน stigma 2 อัน สีน้ำตาลแดง
ผล : เป็นเมล็ดแห้งสีเทา ลักษณะเป็นรูปไข่ ผิวเรียบเป็นมันและมีลายประสีน้ำตาล เมื่อแห้งจะเป็นสีเทา ภายในเมล็ดมีอาหารสะสมจำพวกแป้งและไขมันอัดกันแน่น

สรรพคุณของกัญชง

สรรพคุณจากใบ เป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้สดชื่น ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ แก้ปวดศีรษะหรือไมเกรน ช่วยแก้กระหาย รักษาโรคท้องร่วง แก้บิด ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ช่วยคลายกล้ามเนื้อ รักษาโรคเกาต์
สรรพคุณจากเมล็ด ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในร่างกาย
– ช่วยสลายนิ่ว โดยภูมิปัญญาชาวม้งนำเมล็ดมาเคี้ยวสด ๆ เป็นยา
สรรพคุณน้ำมันจากเมล็ด ช่วยบำรุงผิวแห้ง รักษาโรคผิวแห้งคัน และสะเก็ดเงิน

ประโยชน์ของกัญชง

1. ใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เปลือกจากลำต้นให้เส้นใยนำไปใช้ทำเป็นเส้นด้ายและเชือก ใช้สำหรับการทอผ้า ทำเครื่องนุ่งห่ม ใช้เป็นรองเท้าของคนตายเพื่อเดินทางไปสู่สวรรค์ ใช้ทำเป็นด้ายสายสิญจน์ในพิธีกรรมต่าง ๆ พิธีเข้าทรง เป็นเส้นใยมงคลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาตัดกิโมโน
2. ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เนื้อของลำต้นผลิตเป็นกระดาษได้ แกนของต้นช่วยดูดซับกลิ่น น้ำ หรือน้ำมันได้ดี เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการตกแต่งอาคารและเฟอร์นิเจอร์
3. ผลิตเป็นพลังงาน ผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถ่านไม้, Alcohol, Ethanol, Methanol
4. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เมล็ดใช้เป็นอาหารของคนและนก เมล็ดนำมาสกัดเอาน้ำมันมาใช้ในการปรุงอาหารได้ เมล็ดทำผลิตภัณฑ์เนย ชีส เต้าหู้ โปรตีนเกษตร นม ไอศกรีม น้ำมันสลัด อาหารว่าง อาหารเสริม ผลิตเป็นแป้งทดแทนถั่วเหลือง ใบนำมาใช้เป็นชาเพื่อสุขภาพ
5. ใช้ในอุตสาหกรรมทำความสะอาดและความงาม น้ำมันจากเมล็ดนำไปผลิตเป็นน้ำมันซักแห้ง ทำสบู่ เครื่องสำอาง ครีมกันแดด แชมพู สบู่ โลชั่นบำรุงผิว ลิปสติก ลิปบาล์ม แผ่นมาส์กหน้า เป็นตำรับครีมน้ำมันกัญชง สกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
6. ด้านสิ่งแวดล้อม ในประเทศญี่ปุ่นมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อกำจัดกัมมันตภาพรังสีให้สลายตัวที่จังหวัด Fugushima และสารกัมมันตภาพรังสีรั่วจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ระเบิดจากสึนามิ

กัญชง เส้นใยจากต้นกัญชงนั้นมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนม้ง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญในการใช้งานได้หลายด้าน รวมถึงเป็นต้นสำคัญของตนญี่ปุ่นอีกด้วย ทั้งการนำมาใช้ทำกิโมโนและการนำมากำจัดกัมมันตภาพรังสีให้สลายตัว ถือเป็นต้นมากประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม กัญชงมีสรรพคุณทางยาได้ 2 ส่วนจากต้นทั้งใบและเมล็ด มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยบำรุงผิวแห้ง ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในร่างกาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
สำนักงานเกษตรอำเภอพบพระ จังหวัดตาก. “มารู้จัก “กัญชง” กันเถอะ…”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.tak.doae.go.th. [20 มิ.ย. 2015].
ผู้จัดการออนไลน์. “สวยปิ๊ง! ด้วย “กัญชงจากกัญชา” ผลงานวิจัย จาก มช.”. ( ทีมนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.manager.co.th. [20 มิ.ย. 2015].
พันทิปดอทคอม. “ความมหัศจรรย์ของผ้าทอจากเส้นใยต้นกัญชง”. (by ตาลโตน). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : pantip.com. [20 มิ.ย. 2015].
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ (NNT). “ททท.ตาก ร่วมกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ นำพี่น้องชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง โชว์อลังการทอผ้าใยกัญชง สืบสานวัฒนธรรมชาวม้ง บูชาเทพเจ้า หรือ เย่อโซ๊ะ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : thainews.prd.go.th. [20 มิ.ย. 2015].
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน). “เฮมพ์ (กัญชง)”. เข้าถึงได้จาก : www.sacict.net. [20 มิ.ย. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://www.theguardian.com/environment/2022/nov/24/could-hemp-be-a-key-tool-in-fight-against-climate-change
2.https://cals.ncsu.edu/news/hemp-north-carolinas-budding-industry/

ข้าวเม่านก ช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรคตับ บำรุงไต บำรุงประสาท

0
ข้าวเม่านก
ข้าวเม่านก ช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรคตับ บำรุงไต บำรุงประสาท ดอกเป็นสีม่วงขนาดจิ๋ว ฝักสีเขียวแบนยาว สุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ผลแห้งเป็นสีน้ำตาล เมื่อแก่จะหลุดออก

ข้าวเม่านก

ข้าวเม่านก

ข้าวเม่านก เป็นไม้ล้มลุกที่มักจะขึ้นในที่รกร้างทั่วไป มีดอกเป็นสีม่วงขนาดจิ๋วดูแล้วไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไร แต่ว่าข้าวเม่านกกลับเป็นต้นที่อยู่ในตำรายามากมายได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งอยู่ในตำราหมอยาพื้นบ้านและยาแฮงสามม้า เป็นยาของชาวลัวะ ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน ชาวขมุ ชาวไทลื้อ และชาวเขาเผ่าอีก้อ นอกจากนั้นยังนำมาคลุกกับน้ำยำกินเพื่อลดความร้อนในร่างกายได้ด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของข้าวเม่านก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tadehagi triquetrum (L.) H.Ohashi
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “คอกิ่ว” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “มะแฮะนก” จังหวัดลำปางเรียกว่า “หญ้าคอตุง” จังหวัดเลยเรียกว่า “ขี้กะตืด ขี้กะตืดแป” ชาวลัวะเรียกว่า “บอกบ่อ หญ้าใบเลี่ยม” ชาวขมุเรียกว่า “ตุ๊ดต๊กงล” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “หน่อเจ๊าะบิ๊ค่อ” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “หญ้าคอตุงตัวเมีย ตานคอม้า ปอบหนอน หนอนหน่าย หนอนกิ่ว”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Desmodium triquetrum (L.) DC.

ลักษณะของข้าวเม่านก

ข้าวเม่านก เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มักจะพบในป่าทั่วไป ตามไหล่เขาบริเวณทุ่งหญ้า ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้งทั่วทุกภาค ชอบขึ้นบริเวณที่รกร้าง หรือริมทาง
ต้น : กิ่งก้านมีลักษณะเป็นสันสามเหลี่ยม แตกกิ่งก้านสาขามาก ยอดและกิ่งอ่อนเป็นสีแดงมัน มีหูใบเป็นสีเงินหรือสีเทาทั้งสองข้าง เมื่อแก่จะเป็นสีชา
ใบ : เป็นใบประกอบออกเรียงสลับกัน มีใบย่อยใบเดียว ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่หรือรูปใบหอก แผ่นใบด้านบนเรียบ ส่วนด้านล่างมีขน ก้านใบแผ่เป็นปีก
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะ รูปทรงกระบอก มักจะออกตามซอกใบและที่ปลายกิ่ง กลีบดอกเป็นสีม่วง ลักษณะเป็นรูปดอกถั่ว ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม
ผล : ผลมีลักษณะเป็นฝักแบนยาว ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน คอดเป็นข้อประมาณ 6 – 8 ข้อ มีขนรูปตะขอขึ้นปกคลุมประปราย ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส่วนผลแห้งเป็นสีน้ำตาล ผลแก่จะหลุดออกเป็นข้อละ 1 เมล็ด

สรรพคุณของข้าวเม่านก

  • สรรพคุณจากข้าวเม่านก เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ฆ่าพยาธิ ฆ่าแมลง ฆ่าหนอน รักษาอาการเจอพิษจากยาฆ่าแมลง พ่ออนุและพ่อหมอยาไทยนำข้าวเม่านกเป็นยาฆ่าเชื้อโรคอันตรายที่มาจากภายนอก
  • สรรพคุณจากทั้งต้นและราก
    – บำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย แก้อาการปวดหลัง แก้ปวดท้อง แก้อาหารไม่ย่อย แก้อาหารเป็นพิษ แก้โรคกระเพาะอาหาร เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แก้โรคตับ แก้ตับอักเสบและดีซ่าน โดยชาวเขาเผ่าอีก้อ กะเหรี่ยง แม้ว และมูเซอนำทั้งต้นและรากมาต้มกับน้ำดื่มหรือเคี้ยวกินเป็นยา
    สรรพคุณจากราก เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดเรี่ยวแรงแข็งขัน ช่วยทำให้เลือดสะอาดและแข็งแรง เลือดลมเดินได้สะดวก ช่วยแก้อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ช่วยให้เรี่ยวแรงฟื้นคืนกลับมา บำรุงเลือดลม
    – แก้ไข้มาลาเรีย ด้วยการนำรากอัคคีทวารผสมกับรากข้าวเม่านก แล้วต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – แก้อาการเจ็บท้อง แก้ท้องอืด แก้มีลมในท้อง โดยชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำรากมาต้มกับน้ำเป็นยา
    – แก้อาการปวดท้อง โดยชาวขมุนำรากข้าวเม่านกร่วมกับขี้อ้น มะแฟนข้าว หงอนไก่ และดูลอยมาต้มกับน้ำเป็นยา
    – แก้อาการปวดบวม โดยตำรายาพื้นบ้านนำรากมาต้มกับน้ำดื่มหรืออาบ
    – แก้ปวดหลังปวดเอว โดยชาวลัวะและชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำรากมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากใบ
    – ช่วยบำรุงประสาท เป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร เป็นยาแก้โรคตานซาง แก้อาการผอมเหลือง แก้พิษเบื่อพยาธิ ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – เป็นยาเย็นแก้ไข้ แก้ร้อนใน ด้วยการนำใบชงกับน้ำร้อนกิน
    – เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ด้วยการนำใบเพสลาดของข้าวเม่านกมาคลุกกับน้ำยำกินเป็นยา
    – ฆ่าหนอนในแผลวัว รักษาแผลมีหนอง ด้วยการนำใบสดมาตำพอกหรือนำมาบดใส่แผล
  • สรรพคุณจากกิ่ง
    – เป็นยาเย็นแก้ไข้ แก้ร้อนใน ด้วยการนำกิ่งมาใส่กับผักหวานบ้านก้านตรง แล้วต้มกินเป็นยาเย็น
  • สรรพคุณจากทั้งต้น
    – ช่วยแก้อาการไอเรื้อรังและวัณโรค ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มเคี่ยวแล้วดื่มวันละ 1 แก้ว เป็นประจำทุกวัน
    – เป็นยารักษาเด็กน้อยเป็นหวัด แก้อาการไซนัสอักเสบ แก้น้ำมูกไหล ด้วยการนำทั้งต้นมาแช่กับน้ำกิน
    – เป็นยารักษาอาการเหม็นในหูและโพรงจมูก ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกิน ให้กินไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะหาย
    – เป็นยารักษาวัณโรคปอด รักษาปอดไม่ดี ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกิน โดยกินครั้งละ 1 ถ้วย เช้าและเย็น
    – บำรุงไต ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกินเป็นยา
    – เป็นยาแก้ซาง แก้เด็กผมจ่อยไม่แข็งแรง แก้พุงใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำอาบ โดยก่อนอาบให้กิน 3 อึก
    – เป็นยารักษาโรคผิวหนังและแผลทุกชนิด ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มเคี่ยว 10 แก้ว ให้เหลือ 1 แก้ว แล้วนำมาใช้ทาแผล
  • สรรพคุณจากใบแห้ง
    – เป็นยารักษาวัณโรคปอด รักษาปอดไม่ดี ด้วยการนำใบแห้งกับน้ำอุ่นครั้งละ 1 กรัม เช้าและเย็นจนกว่าจะหาย
    – เป็นยารักษารังแคหรือการติดเชื้อบนหนังศีรษะ ด้วยการนำใบแห้งของข้าวเม่านกกับใบแห้งของกระดังงามาแช่น้ำมันงาแท้ ใช้เป็นน้ำมันทาผมหมักไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงสระออก หรือจะทาทิ้งไว้
  • สรรพคุณจากใบและลำต้น
    – เป็นยาฆ่าพยาธิ โดยชาวไทลื้อนำใบและลำต้นมาต้มกับน้ำดื่ม แต่ต้องดื่มติดต่อกันทุกวันอย่างน้อย 1 เดือน

ประโยชน์ของข้าวเม่านก

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบเพสลาดของข้าวเม่านกนำมาใช้เป็นผัก โดยนำมาคลุกกับน้ำยำกิน
2. ใช้ทำยาสูบ ใบสดนำมาหั่นผสมยาเส้นและปูนขาวมวนบุหรี่สูบ
3. ป้องกันแมลง ใบสดใช้ปิดปากไหหมักปลาเพื่อป้องกันแมลงวันมาวางไข่ นำข้าวเม่านกมารูดใบออกแล้วนำไปวางบนปลาร้าที่มีหนอน มีผลทำให้หนอนหนี พ่อหมอเมืองนำมาใช้ในตำรับการทำธูปไล่แมลง
4. เป็นส่วนประกอบของยา หมอยาพื้นบ้านนำข้าวเม่านกเข้าตำรับยาหม้อใหญ่ ช่วยกันบูด

ข้าวเม่านก เป็นต้นที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายด้านมาก ทั้งในการเป็นยาสมุนไพร สารช่วยกันบูด และเป็นยาฆ่าเชื้อโรค รวมถึงนำมาใช้ไล่แมลงได้ ข้าวเม่านกมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของรากและทั้งต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาฆ่าเชื้อโรค บำรุงร่างกาย แก้โรคกระเพาะอาหาร เป็นยาขับปัสสาวะ แก้โรคตับ บำรุงไต และช่วยบำรุงประสาทได้ ถือเป็นต้นที่ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพในหลายด้านได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะการบำรุงอวัยวะสำคัญหรือการป้องกันโรคอันตรายได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ข้าวเม่านก”. หน้า 207.
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ข้าวเม่านก, หญ้าคอตุง”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [27 มี.ค. 2015].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ข้าวเม่านก”. อ้างอิงใน : หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง (อัปสร และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [27 มี.ค. 2015].
หนังสือพิมพ์มติชนบทเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับที่ 504, วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2554. (ผศ. วรรณา กัลยาณะวงศ์ ณ อยุธยา). “สมุนไพรใกล้บ้าน”.
กลุ่มรักษ์เขาใหญ่. “ตานคอม้า… ยอดยาม้า ฆ่าเชื้อโรค”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rakkhaoyai.com. [27 มี.ค. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://www.ydhvn.com/news/cay-duoc-lieu-cay-mui-mac-cay-thoc-lep-cay-co-binh-tadehagi-triquetrum-l-ohashi-desmodium-triquetrum-l-dc
2.https://species.wikimedia.org/wiki/Tadehagi_triquetrum#/media/File:Desmodium_triquetrum_at_Blathur_2017_(1).jpg

คว่ำตายหงายเป็น ยาสมุนไพรยอดนิยมของชาวเขา ดีต่อระบบเลือด

0
คว่ำตายหงายเป็น
คว่ำตายหงายเป็น ยาสมุนไพรยอดนิยมของชาวเขา ดีต่อระบบเลือด ดอกทรงกระบอกและห้อยลง ต้นและรากมีรสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย เป็นยาเย็นที่ออกฤทธิ์ต่อปอดและไต

คว่ำตายหงายเป็น

คว่ำตายหงายเป็น

คว่ำตายหงายเป็น พบขึ้นกระจายทั่วไปในเขตร้อนของโลก มีดอกลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกและห้อยลง กลีบดอกด้านล่างเป็นสีเขียว ส่วนด้านบนเป็นสีแดง ทำให้มีลักษณะเฉพาะโดดเด่น ทั้งต้นและรากมีรสเปรี้ยวฝาดเล็กน้อย เป็นยาเย็นที่ออกฤทธิ์ต่อปอดและไต เป็นยาของชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว เย้า ม้ง ตำรายาไทยและตำรายาพื้นบ้านล้านนา นอกจากนั้นยังเป็นของเล่นของเด็กพื้นบ้านได้อีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของคว่ำตายหงายเป็น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bryophyllum pinnatum (Lam.) Oken
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “กระลำเพาะ ต้นตายใบเป็น นิรพัตร เบญจฉัตร” ภาคเหนือเรียกว่า “มะตบ ล็อบแล็บ ลบลับ ลุบลับ ลุมลัง” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “ยาเท้า ยาเถ้า มะตบ ล็อบแลบ ลุบลับ ฮ้อมแฮ้ม” ภาคใต้และจังหวัดชลบุรีเรียกว่า “กะเร คว่ำตายหงายเป็น” จังหวัดตราดเรียกว่า “กาลำ” จังหวัดนครราชสีมาเรียกว่า “แข็งโพะ แข็งเพาะ โพะเพะ โพ้ะเพะ” จังหวัดจันทบุรีเรียกว่า “ต้นตายปลายเป็น” จังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า “ทองสามย่าน” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เรียกว่า “เพรอะแพระ” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และสุราษฎร์ธานีและตรังเรียกว่า “ส้มเช้า” ชาวเขมรจันทบุรีเรียกว่า “ปะเตียลเพลิง” ชาวมาเลย์ยะลาเรียกว่า “ตะละ ตาละ” คนเมืองเรียกว่า “โกดเกาหลี” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “สะแกหล่า” ชาวม้งเรียกว่า “บล้งตัวเก่า” คนไทยเรียกว่า “กะลำเพาะ เพลาะแพละ นิรพัตร ต้านตายใบเป็น ฆ้องสามย่านตัวเมีย” จีนกลางเรียกว่า “ลั่วตี้เซิงเกิน”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กุหลาบหิน (CRASSULACEAE)
ชื่อพ้อง : Kalanchoe pinnata (Lam.) Pers.

ลักษณะของคว่ำตายหงายเป็น

คว่ำตายหงายเป็น เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุหลายปี เป็นพืชดั้งเดิมของทวีปแอฟริกา พบขึ้นกระจายทั่วไปในเขตร้อนของโลก พบได้ในดินที่เป็นหิน ที่โล่งแจ้ง หรือในที่ค่อนข้างร่ม เป็นพืชที่ทนทานและสามารถขึ้นได้แม้ในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง
ลำต้น : ลำต้นมีความแข็งแรงมากและมีลักษณะตั้งตรง ไม่แตกกิ่งก้านหรือแตกเพียงเล็กน้อย ลำต้นกลม มีเนื้อนิ่มอวบน้ำ ผิวเกลี้ยง ภายในลำต้นและกิ่งก้านกลวง โคนกิ่งเป็นสีเทา ยอดต้นเป็นสีม่วงแดง ส่วนที่ยังอ่อนอยู่ของลำต้นจะมีข้อโป่งพองเป็นสีเขียวและแถบหรือจุดสีม่วงเข้มแต้มอยู่ ส่วนที่แก่แล้วจะมีใบเฉพาะครึ่งบน หรือในช่วงที่ดอกบานนั้นใบเกือบจะไม่มีเลย
ใบ : เป็นใบเดี่ยวหรือใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ อาจเป็นใบประกอบแบบขนนกที่มีใบย่อยได้ถึง 5 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปวงรีแกมขอบขนาน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ หรือรูปวงรีกว้าง ส่วนปลายและโคนใบจะมน ขอบใบหยักโค้งเป็นซี่มนตื้นและหนา ฉ่ำน้ำ และเป็นสีม่วง แต่ละรอยจักจะมีตาที่สามารถงอกรากและลำต้นใหม่ได้ ก้านใบจะย่อยและสั้น
ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีจำนวนมาก มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกและห้อยลง กลีบดอกด้านล่างเป็นสีเขียว ด้านบนเป็นสีแดง ส่วนกลีบรองดอกจะเชื่อมติดกัน ที่ปลายจักเป็นแฉกรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ แบ่งออกเป็น 4 แฉก ตรงปลายแหลม
ผล : ผลจะออกเป็นพวงและมีอยู่ 4 หน่วย เป็นผลแห้ง แตกตะเข็บเดียว มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกหุ้มอยู่
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก มีลักษณะเป็นรูปกระสวยแกมรูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปวงรี

สรรพคุณของคว่ำตายหงายเป็น

  • สรรพคุณจากทั้งต้นและราก ออกฤทธิ์ต่อปอดและไต เป็นยาทำให้เลือดเย็น เป็นยาฟอกเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี แก้ไอเป็นเลือด แก้อาเจียนเป็นเลือด
    – แก้อาการปวดกระเพาะ แก้กระเพาะแสบร้อน ด้วยการนำรากและใบสดมาตำผสมกับเกลือเล็กน้อย
    – แก้อาการเคล็ดขัดยอก ด้วยการนำรากหรือทั้งต้นสดมาตำพอก
  • สรรพคุณจากใบ รักษาโรคหิด รักษาขี้เรื้อน เป็นยาทารักษาโรคไขข้ออักเสบ
    – บำรุงกำลัง โดยคนเมืองนำใบมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – ช่วยให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น โดยชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว และเย้า นำใบมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – ช่วยบำรุงกำลังสำหรับคนติดฝิ่น โดยชาวเขาเผ่าแม้วนำใบมาผสมกับก้านและใบขี้เหล็กอเมริกา ใบสับปะรดและแก่นสนสามใบ ทำการต้มอบไอน้ำ
    – แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ปวดท้อง แก้อหิวาตกโรค โดยตำรายาไทยนำใบมาตำคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยา
    – ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ด้วยการนำใบมาตำคั้นเอาน้ำดื่มเป็นยา
    – รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกที่อาการไม่หนัก ผิวหนังไหม้ที่เกิดจากการถูกแดดเผา ด้วยการนำใบหรือทั้งต้นมาตำพอก หรือใช้เฉพาะใบเอามาเผาไฟเล็กน้อยแล้วมาตำพอก
    – ฆ่าเชื้อ รักษาโรคผิวหนัง รักษาตาปลา รักษาหูดที่เท้า ด้วยการนำใบมาตำพอกเป็นยา
    – แก้ลมพิษ แก้อาการปวดอักเสบ แก้ฟกช้ำบวม ขับพิษ แก้ถอนพิษ ด้วยการนำใบมาตำพอกบริเวณผื่น
    – แก้อาการเคล็ดขัดยอก แก้แพลง แก้กล้ามเนื้ออักเสบ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดี ด้วยการนำน้ำคั้นจากใบใช้ผสมกับการบูรมาทาถูนวด
    – แก้อาการปวดหลังปวดเอว โดยชาวม้งนำใบมาหั่นให้เป็นฝอยแล้วตุ๋นกับไข่ทานเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก แก้อาการบวมน้ำ
    – ลดไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้หัดหรืออีสุกอีใส ด้วยการนำรากมาตากแห้งใช้เป็นยา
    – แก้ปวดหัว ด้วยการนำใบวางไว้บนศีรษะ
    – รักษาอาการไอและอาการเจ็บหน้าอก ด้วยการนำใบวางบนหน้าอกเป็นยา
  • สรรพคุณจากทั้งต้น แก้อาการบวมน้ำ
    – เป็นยาแก้คอบวม แก้คอเจ็บ ด้วยการนำทั้งต้นมาตำคั้นเอาน้ำมาอมกลั้วคอ
    – ช่วยให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น โดยชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว และเย้า นำทั้งต้นมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – แก้อาการผิดเดือน ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำกินหลังคลอดเป็นยา
  • สรรพคุณจากรากและใบ
    – เป็นยาห้ามเลือด รักษาแผลสด แก้แผลโดนมีดบาด ช่วยสมานบาดแผล ทำให้แผลหายเร็ว โดยตำรายาพื้นบ้านล้านนานำใบหรือรากสดมาตำพอก
    – แก้ฝีหนองทั้งภายในและภายนอก รักษาฝี แก้พิษฝีหนอง แก้ฝีเต้านม ด้วยการนำรากและใบสดรวมกัน 60 กรัม มาตำให้พอแหลก คั้นเอาน้ำผสมกับน้ำผึ้งใช้ทาน ส่วนกากที่เหลือนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี
  • สรรพคุณจากทั้งต้นและใบ
    – แก้อาการปวดกระดูก แก้กระดูกหัก แก้กระดูกร้าว แก้ปวดตามข้อ ด้วยการนำใบหรือทั้งต้นใช้ตำพอก

ประโยชน์ของคว่ำตายหงายเป็น

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำใบมาทานสดร่วมกับลาบ
2. เป็นของเล่นพื้นบ้าน เด็ก ๆ มักนำมาเล่นโดยเอาใบมาวางทับในหนังสือ เมื่อทิ้งไว้ไม่นานตรงขอบของใบจะมีรากงอกออกมาโดยไม่ต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง
3. ปลูกเป็นยาสมุนไพร

คว่ำตายหงายเป็น เป็นไม้ล้มลุกที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นในประเทศเราหลากหลายมาก ส่วนของดอกดูแปลกทำให้โดดเด่นออกมา เป็นยาสมุนไพรยอดนิยมของชนชาวเขาทั่วไป คว่ำตายหงายเป็นมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ดีต่อระบบเลือด แก้อาการปวดกระเพาะ บำรุงกำลัง แก้อาการปวดหลังปวดเอว แก้อาการปวดกระดูก แก้กระดูกหัก แก้กระดูกร้าวและแก้ปวดตามข้อได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “คว่ำตายหงายเป็น”. หน้า 136.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “คว่ำตายหงายเป็น”. หน้า 170-172.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “คว่ำตายหงายเป็น”. หน้า 156.
นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 166 ตุลาคม 2557 โดย มีคณา.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด). “คว่ำตายหงายเป็น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.cmu.ac.th. [23 ม.ค. 2015].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “คว่ำตายหงายเป็น”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [23 ม.ค. 2015].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “Kalanchoe pinnata (Lam.) Pers.”. อ้างอิงใน : สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 2 หน้า 47. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [23 ม.ค. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://www.researchgate.net
2.https://commons.wikimedia.org

ชะมดต้น ช่วยลดความเครียด ลดซึมเศร้า

0
ชะมดต้น
ชะมดต้น ช่วยลดความเครียด ลดซึมเศร้า ดอกสีเหลืองนวล เมล็ดมีรสขมเย็น ใบนำมาทานเป็นผัก สามารถรักษาอาการทั้งภายนอกและภายใน

ชะมดต้น

ชะมดต้น

ชะมดต้น เป็นไม้พื้นเมืองในแถบเอเชีย พบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย มีดอกสีเหลืองนวลดูวยงาม ส่วนของเมล็ดเรียกว่า “เทียนชะมด” เมล็ดมีรสขมเย็น น้ำมันหอมระเหยจากเมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาได้ แถมยังมีสารที่ให้ความหอมอีกด้วย นอกจากนั้นยังนำมาเคี้ยวจะได้กลิ่นเหมือนชะมดเช็ด สามารถนำมาใช้แต่งกลิ่นกาแฟได้ด้วย ส่วนของใบนำมาทานเป็นผัก ทั้งต้นเป็นยาสมุนไพรรักษาอาการทั้งภายนอกและภายใน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของชะมดต้น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abelmoschus moschatus Medik.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Abelmosk” “Ambrette seeds” “Annual hibiscus” “Bamia moschata” “Galu gasturi” “Muskdana” “Musk mallow” “Musk okra” “Musk seeds” “Ornamental okra” “Rose mallow seeds” “Tropical jewel hibiscus” “Yorka okra”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ชะมัดต้น ฝ้ายผี” คนทั่วไปเรียกว่า “เทียนชะมด” ไทยบางแห่งเรียกว่า “จั๊บเจี๊ยว” จีนกลางเรียกว่า “หวงขุย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ชบา (MALVACEAE)
ชื่อพ้อง : Abelmoschus moschatus var. betulifolius (Mast.) Hochr., Hibiscus abelmoschus L., Hibiscus abelmoschus var. betulifolius Mast., Hibiscus chinensis Roxb.

ลักษณะของชะมดต้น

ชะมดต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุกเนื้ออ่อนขนาดเล็กหรือไม้พุ่มอายุประมาณ 1 – 2 ปี เป็นพรรณไม้พื้นเมืองในแถบเอเชีย มักจะชอบขึ้นบริเวณที่รกร้างและที่ลุ่มทั่วไป มักขึ้นตามที่โล่งหรือริมลำธาร ตามป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และชายป่าเบญจพรรณ
ลำต้น : ทั้งต้นมีขนสีขาวขึ้นปกคลุม
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ใบมีลักษณะเป็นหยักหรือเป็นแฉกประมาณ 3 – 5 แฉก บริเวณยอดต้นมีแฉกเล็กและเรียวกว่าใบที่อยู่บริเวณโคนและกลางต้น ลักษณะของใบเป็นรูปดาวหรือรูปฝ่ามือ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเข้าหากันคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยไม่เป็นระเบียบ ผิวใบสากและมีขนกระจายทั้งสองด้าน หูใบเป็นเส้นด้าย
ดอก : เป็นดอกเดี่ยวบริเวณซอกใบ ริ้วประดับมี 6 – 12 อัน ลักษณะเป็นรูปเส้นด้ายหรือรูปใบหอก กลีบเลี้ยงเป็นรูปใบหงาย แยกจรดโคนด้านเดียว ปลายกลีบมี 5 แฉกตื้น ด้านนอกมีขนสั้นนุ่ม กลีบดอกเป็นสีเหลืองนวลและมีสีม่วงเข้มหรือสีม่วงแดงตรงกลางทั้งด้านในและด้านนอก กลีบเป็นรูปไข่กลีบ มักจะออกดอกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม
ผล : ผลมีลักษณะเป็นรูปกลมยาวเป็น 5 เฟือง คล้ายผลมะเฟือง มีขนแข็งคมคายสีเหลืองขึ้นปกคลุมทั้งฝัก เป็นผลแห้งแตก รูปวงรีปลายผลแหลม เปลือกผลบาง ผลอ่อนเป็นสีเขียวแก่ เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไต มีปุ่มขนาดเล็กเป็นร่างแหกระจาย มีกลิ่นหอมแรงเหมือนชะมดเชียง

สรรพคุณของชะมดต้น

  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยาช่วยเจริญอาหาร เป็นยาบำรุงธาตุ รักษาอาการกระหาย เป็นยาขับลม ช่วยรักษาอาการอักเสบของกระเพาะอาหาร เป็นยารักษาโรคกามโรค หรือโรคหนองใน รักษาการขาดสีผิวของผิวหนังหรือผิวหนังด่างเผือก แก้เสมหะและดีพิการ แก้ลมให้คลื่นเหียน แก้อาการเกร็ง รักษาอาการปวดหัวใจ ดับพิษงู
    – แก้อาการปวดศีรษะ แก้อาการปวดกระเพาะ ด้วยการนำเมล็ดประมาณ 5 – 10 กรัม มาบดให้เป็นผงชงกับน้ำดื่ม
    – รักษาผดผื่นคัน ด้วยการนำเมล็ดมาบดรวมกับแป้งผสมกันในอัตราส่วน 1 ต่อ 1
    – แก้หิด ด้วยการนำเมล็ดประมาณ 1 กำมือ มาบดให้ละเอียดใส่น้ำนมแล้วคนผสมให้พอแฉะ ใช้ทาบริเวณที่มีอาการวันละ 1 – 2 ครั้ง จนกว่าจะหาย
  • สรรพคุณจากน้ำมันหอมระเหย เป็นยาระงับประสาท ช่วยคลายความเครียด ลดอาการวิตกกังวล ลดซึมเศร้า เป็นยาขับลม ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมหมวกไต ช่วยลดอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยคล้ายกล้ามเนื้อ
  • สรรพคุณจากราก ขับพิษร้อนถอนพิษไข้ แก้อาการไข้ไม่ยอมลด แก้ไอร้อน แก้ไอเรื้อรัง เป็นยารักษาโรคหนองใน
  • สรรพคุณจากดอกและราก เป็นยาแก้บิดของเชื้ออะมีบา แก้อาการท้องผูก เป็นยารักษานิ่วในทางเดินปัสสาวะ
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาฆ่าพยาธิ เป็นยารักษาโรคพยาธิและขับไส้เดือน เป็นยารักษากลากเกลื้อน เป็นยาทาภายนอกแก้ฝีบวม แก้ฝีหัวช้าง
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาฆ่าพยาธิ เป็นยารักษาโรคพยาธิและขับไส้เดือน เป็นยาแก้น้ำกามเคลื่อนในขณะหลับ
  • สรรพคุณจากรากและใบ
    – รักษากามโรค รักษาโรคปวดข้อ ด้วยการนำใบและรากพอประมาณมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้พิษฝีหนอง เป็นยารักษารังแค ช่วยฆ่าเชื้อตามขุมขนและรากผม เป็นยาแก้อาการปวดบวม ช่วยขับน้ำนมในสตรีหลังการคลอดบุตร เป็นยาแก้วัณโรค
    – รักษาแผลพุพอง แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำรากมาบดให้เป็นผงพอประมาณ แล้วนำมาพอกหรือโรยบริเวณที่เป็นแผล
  • สรรพคุณจากต้น เป็นยารักษาเกลื้อนช้าง แก้เกลื้อนใหญ่ แก้เรื้อนน้ำเต้า แก้เรื้อนกวาง รักษาฝีภายใน
  • สรรพคุณจากผลสด ตำพอกรักษาฝีและเร่งหนองให้แตกเร็ว

ประโยชน์ของชะมดต้น

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบใช้รับประทานเป็นผัก ใช้แต่งกลิ่นอาหารได้
2. เป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรม นำมาปลูกเพื่อเอาใยของเปลือกมาใช้ทำเชือกและกระสอบ รากมีสารเหนียวใช้เป็นกาวในการทำกระดาษ เมล็ดเมื่อนำมาเคี้ยวจะได้กลิ่นเหมือนชะมดเช็ดจึงนำมาใช้แต่งกลิ่นกาแฟได้
3. เป็นสารให้ความหอม เมล็ดให้น้ำมันที่ทำให้มีกลิ่นหอม ใช้ทำน้ำหอม
4. ป้องกันแมลง เมล็ดนำมาบดให้เป็นผงใช้โรยตู้เสื้อผ้าเพื่อป้องกันแมลง

ชะมดต้น มีเมล็ดเป็นส่วนสำคัญและมีน้ำมันหอมระเหยที่เป็นยาสมุนไพรได้ทั้งภายนอกและภายใน สามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ชะมดต้นมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ดและราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยรักษาอาการอักเสบของกระเพาะอาหาร เป็นยารักษาโรคกามโรคหรือโรคหนองใน เป็นยาระงับประสาท ช่วยคลายความเครียด ลดอาการวิตกกังวล ลดซึมเศร้า เป็นยาสมุนไพรที่ดีสำหรับคนยุคใหม่ที่มีแต่ความเครียดมากมาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ชะมดต้น”. หน้า 196.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ชะมดต้น”. หน้า 248-249.
สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “ชะมดต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/botany/. [07 ม.ค. 2015].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ชะมดต้น, ฝ้ายผี”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 6 (ก่องกานดา ชยามฤต). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [07 ม.ค. 2015].
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ชะมดต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/. [07 ม.ค. 2015].
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “ชะมดต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : th.wikipedia.org. [07 ม.ค. 2015].
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ผลเพิ่มความไวต่ออินซูลินในหนูอ้วนของสาร myricetin จากชะมดต้น”. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/. [07 ม.ค. 2015].
ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ชะมดต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaibiodiversity.org. [07 ม.ค. 2015].
ตำราวิชาการ สุคนธบำบัด (ดร.จงกชพร พินิจอักษร, ภญ.วัจนา สุจีรพงศ์สิน). “ชะมดต้น”. หน้า 128.

ขี้เหล็กเทศ เมล็ดและใบเป็นยา บำรุงธาตุ รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ

0
ขี้เหล็กเทศ
ขี้เหล็กเทศ เมล็ดและใบเป็นยา บำรุงธาตุ รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ เป็นพืชในวงศ์ถั่วที่มีผลเป็นฝัก เป็นยาสมุนไพรยอดนิยมของชาวบ้าน ยอดอ่อนมาปรุงในอาหาร

ขี้เหล็กเทศ

ขี้เหล็กเทศ

ขี้เหล็กเทศ เป็นวัชพืชที่กระจายอยู่ทั่วไปในเขตร้อนชื้น จึงทำให้พบได้ง่ายทั่วทุกภาคของประเทศไทย เป็นพืชในวงศ์ถั่วที่มีผลเป็นฝัก เป็นยาสมุนไพรยอดนิยมของชาวบ้านอย่างชาวเขาเผ่าอีก้อ กะเหรี่ยงและลีซอ นอกจากนั้นยังอยู่ในตำรายาพื้นบ้านล้านนาและตำรายาไทยด้วย ทว่าส่วนของใบจะมีพิษจึงต้องนำมากำจัดพิษก่อนใช้ สามารถนำยอดอ่อนมาปรุงในอาหารได้ ซึ่งเราจะพบมากในพวกแกงเผ็ดอย่าง แกงเลียง เป็นต้น

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของขี้เหล็กเทศ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna occidentalis (L.) Link
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Coffee senna” “Coffeeweed” Croton”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ขี้เหล็กผี ชุมเห็ดเล็ก พรมดาน” ภาคเหนือเรียกว่า “ขี้เหล็กเผือก ผักเห็ด ลับมืนน้อย หมากกระลิงเทศ” ภาคใต้เรียกว่า “ชุมเห็ดเทศ” ชาวเงี้ยวแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ผักจี๊ด” คนจีนเรียกว่า “กิมเต่าจี้ ม่อกังน้ำ” จีนกลางเรียกว่า “ว่างเจียงหนาน” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “คางเค็ด ผักเค็ด ผักเคล็ด เลนเค็ด”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Cassia occidentalis L.

ลักษณะของขี้เหล็กเทศ

ขี้เหล็กเทศ เป็นพรรณไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเตี้ยอายุหลายปี ที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ มีการแตกกิ่งก้านสาขามาก เป็นวัชพืชกระจายอยู่ทั่วไปในเขตร้อนชื้น มักจะพบในพื้นที่โล่ง ที่รกร้าง ที่แห้งแล้งตามไหล่เขา ริมน้ำลำคลอง และทำเลเลี้ยงสัตว์สาธารณะ
ลำต้น : ลำต้นเกลี้ยงเป็นสีเขียวอมม่วง ไม่มีขน เนื้อไม้ตรงโคนแข็ง
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ที่มีใบย่อย 3 – 5 คู่ มีต่อมรูปไข่ระหว่างก้านใบย่อย เป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนานหรือรูปไข่แกมใบหอก ปลายใบแหลมยาว โคนใบกลม ขอบใบมีขนครุยและมีสีม่วงแดง แผ่นใบบางเกลี้ยง ผิวใบเป็นสีเขียวเข้มค่อนข้างนุ่ม หลังใบเห็นเส้นกลางใบสีม่วงแดงนูนขึ้นชัดเจน ก้านใบด้านหน้ามีสีม่วงแดง ด้านหลังเป็นสีเขียวและสีม่วงแดงประปราย โคนก้านใบด้านในมีต่อมสีแดงเข้ม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะสั้น มักจะออกตามปลายกิ่งประมาณ 2 – 4 ดอก มีใบประดับเป็นรูปแถบ ร่วงได้ง่าย กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีเส้นกลีบสีม่วงแซม มักจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมกราคม
ผล : เป็นรูปฝัก รูปแถบ แบนเกลี้ยงสีเขียว มีรอยแบ่งระหว่างข้อไม่ชัดเจน ฝักแก่เป็นน้ำตาลและไม่แตก ปลายข้างหนึ่งมีลักษณะค่อนข้างแหลม ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาล 30 – 40 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมและแบน

สรรพคุณของขี้เหล็กเทศ

  • สรรพคุณจากรากและทั้งต้น
    – บำรุงร่างกาย แก้ไข้มาลาเรีย แก้อาหารไม่ย่อย แก้อาหารเป็นพิษ ขับปัสสาวะ ฆ่าเชื้อโรค รักษาโรคทางเดินปัสสาวะและนิ่ว โดยชาวเขาเผ่าอีก้อ กะเหรี่ยงและลีซอ นำรากหรือทั้งต้นมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยาแก้ไอหอบหืด แก้ร้อนในปาก แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ เป็นยาดับพิษร้อนในตับ แก้อาการบวมน้ำ
    – เป็นยาบำรุง บำรุงธาตุ รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ แก้ไข้ แก้ปวดข้อ ด้วยการนำเมล็ดมาคั่วให้หอมเกรียมแล้วนำมาชงกับน้ำกิน
    – ลดความดันโลหิต ด้วยการนำเมล็ดคั่ว มาบดเป็นผงกินครั้งละ 3 กรัม วันละ 3 ครั้ง หรือชงกับน้ำผสมกับน้ำตาลกรวดพอสมควร
    – รักษาตาแดงบวมเห็นพร่ามัว ด้วยการนำเมล็ดแห้ง 15 – 30 กรัม มาผสมกับน้ำตาลกรวด 30 กรัม แล้วชงกับน้ำกิน
    – รักษาไข้มาลาเรีย ด้วยการนำเมล็ดที่คั่วจนเหลืองแล้ว มาบดให้เป็นผง 6 – 9 กรัม ชงกับน้ำกินวันละ 2 ครั้ง
    – รักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเรื้อรัง ด้วยการนำเมล็ดที่คั่วจนเป็นสีน้ำตาล 15 – 30 กรัม มาบดให้เป็นผงกินครั้งละ 0.5 – 1 กรัม ติดต่อกัน 10 วัน
    – รักษาผิวหนังอักเสบ แก้พุพอง รักษาโรคผิวหนังอักเสบ แก้โรคผิวหนังต่าง ๆ แก้กลากเกลื้อน แก้ผื่นคัน ใช้ดูดหนองฝี แก้อาการปวดบวม ด้วยการนำเมล็ดคั่วมาบดเป็นผง ทำเป็นยาขี้ผึ้งทา
    – ช่วยรักษาอาการอักเสบ ด้วยการนำเมล็ด 15 – 30 กรัม มาต้มกับน้ำกิน
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น รักษาไข้มาลาเรีย แก้บิดที่เกิดจากเชื้อมาลาเรีย
    – รักษาโรคเบาหวาน ด้วยการนำเปลือกต้นมาชงกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก รักษารำมะนาด ดับพิษร้อนในร่างกาย รักษาไข้มาลาเรีย แก้ปวดท้อง แก้บิดที่เกิดจากเชื้อมาลาเรีย ยับยั้งเชื้อท้องเสีย เป็นยาถ่ายหรือยาระบาย เป็นยาถ่ายพยาธิ รักษาอาการบวมน้ำ รักษาโรคเดียวกับตับ
    – รักษาแผลในหู โดยตำรายาพื้นบ้านนำรากมาฝนกับน้ำใช้หยอดหู
  • สรรพคุณจากใบ เข้าตำรายาเขียว แก้ไข้ เป็นยาแก้ไอหอบหืด แก้ร้อนในปาก เป็นยาแก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้อาหารไม่ย่อย แก้อาหารเป็นพิษ เป็นยาถ่ายหรือยาระบาย เป็นยาถ่ายพยาธิ เป็นยาดับพิษร้อนในตับ เป็นยารักษาโรคผิวหนัง ใช้เกลื่อนฝี ทารักษากลากเกลื้อน แก้ผิวหนังพุพอง
    – แก้ปวดศีรษะ แก้ปวดฟัน ด้วยการนำใบมาตำพอก
    – รักษาอาการปวดศีรษะเรื้อรัง ด้วยการนำใบสดประมาณ 20 กรัม เนื้อหมู 250 กรัม มาต้มกับน้ำกินวันละ 1 ตำรับ
    – แก้ผื่นคัน ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำอาบ
    – แก้งูกัด ด้วยการนำใบสด 30 – 60 กรัม มาต้มคั้นเอาน้ำกิน แล้วเอากากมาพอก
  • สรรพคุณจากฝักและเมล็ด เป็นยาทำให้ตาสว่าง รักษาอาการตาบวมแดง แก้ตาแดงตาอักเสบ แก้ปวดท้องของโรคบิด เป็นยาถอนพิษ
    – แก้วิงเวียน บำรุงกระเพาะอาหาร แก้ปวดกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาระบบการย่อยอาหารไม่ดี ทำให้การขับถ่ายดี เป็นยากล่อมตับ ด้วยการนำฝักและเมล็ดมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากทั้งต้นและใบ เป็นยาแก้หอบ รักษาอาการไอ แก้ปวดท้อง แก้อาการท้องผูก เป็นยาถอนพิษ รักษาอาการบวม แก้แผลบวมอักเสบ ลดความดันโลหิต
    – ขับของเสียออกจากไต ใช้กล่อมตับ ด้วยการนำทั้งต้นและใบแห้ง 6 – 10 กรัม และใบสดเพิ่มอีกเท่าตัว นำมาต้มกับน้ำหรือคั้นเอาน้ำกินเป็นยา
    – รักษาแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบสดมาตำพอกบริเวณที่มีอาการ
    – รักษาอาการอักเสบภายนอก ด้วยการนำทั้งต้นและใบสด 30 – 60 กรัม มาตำพอกบริเวณที่มีอาการ
  • สรรพคุณจากฝัก เป็นยาถ่ายพยาธิ
    – รักษากลากเกลื้อน ด้วยการนำฝักมาต้มกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากต้น เปลือกต้น ราก ทั้งต้นและใบ
    – แก้ปัสสาวะเป็นเลือด รักษาโรคหนองใน ด้วยการนำต้นสด 30 กรัม หรือทั้งต้นและใบแห้ง 6 – 10 กรัม มาต้มกับน้ำกินหรือใช้ยาชง

ประโยชน์ของขี้เหล็กเทศ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนและใบอ่อนนำมานึ่งให้สุกทานกับแจ่ว หรือนำมาปรุงอาหารอย่างแกงเลียง ชาวมัลดีฟส์นำใบเป็นส่วนประกอบของมัสฮูนี่และเป็นพืชสมุนไพร เมล็ดนำมาคั่วบดใช้ชงดื่มแทนกาแฟหรือชา
2. ใช้ในการเกษตร ต้นและใบใช้เป็นแหล่งอาหารสัตว์สำหรับโคกระบือและแกะ ทั้งต้นใช้ทำปุ๋ยพืชสด

ขี้เหล็กเทศ ผักยอดนิยมของชาวเขาและเป็นส่วนผสมของยาพื้นบ้าน สามารถนำมาปรุงในอาหารได้ แต่ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะจะทำให้ท้องเสียได้ ส่วนของเมล็ดและใบคือยาชั้นดีที่ไม่ควรมองข้าม ขี้เหล็กเทศมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ดและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้อาหารเป็นพิษ รักษาอาการอักเสบภายนอก เป็นยาถ่ายพยาธิ เป็นยาบำรุงธาตุ และรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดเล็ก”. หน้า 63.
สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “ชุมเห็ดเล็ก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/botany/. [04 ม.ค. 2015].
สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์. “ชุมเห็ดเล็ก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : nutrition.dld.go.th. [04 ม.ค. 2015].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ขี้เหล็กเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [04 ม.ค. 2015].
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “ชุมเห็ดเล็ก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : th.wikipedia.org. [04 ม.ค. 2015].
ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “เลนเค็ด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : area-based.lpru.ac.th/veg/. [04 ม.ค. 2015].
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ขี้เหล็กเทศ”. หน้า 138.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ขี้เหล็กเทศ”. หน้า 140-145.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com Medthai
รูปอ้างอิง
1.https://efloraofindia.com/2011/02/13/cassia-occidentalis/
2.https://tropical.theferns.info/image.php?id=Senna+occidentalis