นอกจากนี้เมื่อโปรตีนถูกสลายตัวด้วยน้ำ ไม่ว่าจะเป็นในกรด ในด่างเข้มข้นหรือในความร้อน จะเกิดการแตกตัวของโปรตีนออกมาเป็นสารเล็กๆ ที่เป็นได้ทั้งกรดและด่าง จึงมีการตั้งชื่อว่ากรดอะมิโน เพราะในกรดอะมิโนจะแตกออกเป็น 2 กลุ่ม หรือกลุ่มที่มีภาวะเป็นกรด และกลุ่มที่มีภาวะเป็นด่าง และกรดอะมิโนเหล่านี้ก็เป็นสารประกอบหนึ่งที่พบอยู่ในโปรตีนเป็นจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วโปรตีนก็จะประกอบด้วยกรดอะมิโน 35-300 หน่วย โดยหากโปรตีนมีขนาดเล็ก เช่น ไตรเพปไทด์ ก็จะประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 หน่วยมาเชื่อมต่อกัน เป็นต้น และเนื่องจากโปรตีนโดยทั่วไปมักจะมีน้ำหนักของโมเลกุลมาก จึงไม่สามารถถูกดูดซึมผ่านผนังของลำไส้เล็กได้ ดังนั้นจึงต้องมีการย่อยเป็นกรดอะมิโนแต่ละโมเลกุลเสียก่อน โดยผ่านการย่อยในกระเพาะและลำไส้ด้วยน้ำย่อยหลายชนิด จึงจะสามารถซึมผ่านลำไส้เล็กเพื่อนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ หากถามว่า อาหารประเภทใดที่มีกรดอะมิโนจําเป็นครบถ้วนนั้น บอกได้เลยว่าต้องเป็นอาหารประเภทโปรตีนนั่นเอง
โปรตีน ภาษากรีก Proteios มีความหมายว่าสิ่งแรก เหตุผลที่นักเคมีได้ตั้งชื่อสารชนิดนี้ว่าโปรตีน นั่นก็เพราะว่าโปรตีนเป็นสารสำคัญที่สุดในสารอินทรีย์ทั้งหมด หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นสารที่มีความสำคัญมาเป็นอันดับแรกนั่นเอง
สำหรับโปรตีนในร่างกายของคนเราก็จะพบอยู่ที่ประมาณร้อยละ 19 ของน้ำหนักตัว โดยร้อยละ 50 ของโปรตีนในร่างกายจะพบอยู่ในกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่ และร้อยละ 20 จะอยู่ในกระดูก ร้อยละ 10 อยู่ในผิวหนังและที่เหลือก็จะกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายนั่นเอง อย่างไรก็ตาม โปรตีนที่พบในร่างกายของสิ่งมีชีวิต จะมีความแตกต่างกัน แม้แต่ในสัตว์ชนิดเดียวกันก็พบว่ามีโปรตีนที่ต่างกันเช่นกัน ดังนั้นการหาปริมาณของสารอาหารโปรตีนจากอาหารชนิดต่างๆ จึงมักจะใช้วิธีการคำนวณจากปริมาณของ ไนโตรเจน ทั้งหมดที่พบในอาหาร ก็เพราะโปรตีนส่วนใหญ่จะมีปริมาณของไนโตรเจนที่คงที่มากกว่าธาตุอาหารชนิดอื่นๆ คือ ร้อยละ 16 โดยการคำนวณจะนำปริมาณของไนโตรเจนที่มีหน่วยเป็นกรัมมาคูณเข้ากับ 6.25 (100/16) ก็จะได้ปริมาณของโปรตีนที่อยู่ในอาหารชนิดนั้นๆ
ประเภทของโปรตีน
ประเภทของโปรตีน สามารถแบ่งตามคุณสมบัติทางโภชนาการออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. โปรตีนแบบสมบูรณ์ เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นอยู่ครบทุกชนิด และมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอีกด้วย โดยโปรตีนแบบสมบูรณ์จะช่วยซ่อมแซมในส่วนต่างๆ ของร่างกายที่สึกหรอได้ดี และช่วยในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแหล่งที่พบโปรตีนเหล่านี้ได้มากที่สุด ได้แก่ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม เนยแข็ง ไข่ และจากพืช เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ( Biological Value ) สูงอีกด้วย
2. โปรตีนแบบกึ่งสมบูรณ์ เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบน้อยกว่าแบบแรก และมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายเท่านั้นแต่ไม่สามารถช่วยในการเจริญเติบโตได้ โดยโปรตีนชนิดนี้สามารถพบได้จาก ถั่วฝักยาว ถั่วแขก และธัญพืชต่างๆ เป็นต้น
3. โปรตีนแบบไม่สมบูรณ์ เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนในปริมาณและสัดส่วนที่น้อยมาก จึงไม่สามารถช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายหรือช่วยในการเจริญเติบโตได้ ส่วนใหญ่จะพบได้จากพืชแทบทุกชนิด
ประเภทของกรดอะมิโน
กรดอะมิโน เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่มีอยู่ในสารอาหารโปรตีนและมีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยกรดอะมิโนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ กรดอะมิโนจำเป็น ( Essential or Indispensable Amino Acids ) และกรดอะมิโนไม่จำเป็น ( Nonessential or Dispensable Amino Acids ) แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันก็ได้มีการแบ่งประเภทของกรดอะมิโนตามการเมตาบอลิซึมอีกด้วย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังต่อไปนี้
1. กรดอะมิโนจำเป็น ก็คือ กรดอะมิโนชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ หรืออาจสังเคราะห์ได้บ้างแต่มีปริมาณที่น้อยมากและไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จึงจำเป็นต้องได้รับกรดอะมิโนเหล่านี้เพิ่มเติมจากอาหารนั่นเอง โดยกรดอะมิโนประเภทนี้ได้แก่ ฮิสทิดีน ( Histidine ) ลูซีน (Leucine) ไอโซลูซีน ( Isoleucine ) ทริปโทเฟน ( Tryptophane ) และเวลีน ( Valine ) เป็นต้น โดยในเด็กนั้นจะมีความต้องการกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นในผู้ใหญ่มี 8 ชนิด
2. กรดอะมิโนจำเป็นในบางภาวะ เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายจะมีความต้องการเฉพาะบางภาวะเท่านั้น โดยปกติร่างกายจะสามารถสร้างกรดอะมิโนเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างเพียงพอ แต่ในบางกรณี เช่น กำลังอยู่ในภาวะเครียดอย่างรุนแรง ร่างกายจะไม่สามารถสร้างกรดอะมิโนไกลซีนได้ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับจากอาหารเพิ่มเติม หรือในเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด จะไม่สามารถสร้างซีสเตอีนได้ จึงต้องได้รับกรดอะมิโนตัวนี้เพิ่มเติม สำหรับกรดอะมิโนจำเป็นในบางภาวะที่พบได้แก่ อาร์จินีน ( Arginine ) ซีสเตอีน ( Cysteine ) กลูตามีน ( Glutamine ) ไกลซีน ( Glycine ) โพรลีน ( Proline ) ไทโรซีน ( Tyrosine )
ตารางต้นกำเนิดของกรดอะมิโนจำเป็นในบางภาวะ และกรดอะมิโนไม่จำเป็นมีดังนี้
กรดอะมิโนจำเป็น Indispensable |
กรดอะมิโนจำเป็นในบางภาวะ Conditionally Indispensable |
ต้นกำเนิดของกรดอะมิโนจำเป็นในบางภาวะPrecursors of conditionally Indispensable |
กรดอะมิโนไม่จำเป็นสำหรับทารก Dispensable |
Histidine |
Arginine |
Glutamine/Glutamate |
Alanine |
Isoleucine |
Cysteine |
Aspartate |
Aspartic acid |
Leucine |
Glutamine |
Methionine, Serine |
Aaparagine |
Lysine |
Glycine |
Glutamic acid/Ammonia |
Glutamic acid |
Methionine |
Proline |
Serine, Choline |
Serine |
Phenylalanine |
Tyrosine |
Glutamate |
|
Threonine |
|
Phenylalanine |
|
Tryptophan |
|
|
|
Valine |
|
|
|
3. กรดอะมิโนไม่จำเป็นที่แท้จริง เป็นกรดอะมิโนชนิดที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการเสมอ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับกรดอะมิโนเหล่านี้เพิ่มเติม ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยทารกก็ตาม โดยกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นต่อเด็กทารกก็มีทั้งหมด 5 ตัว ได้แก่ อะลานีน ( Alanine ) กรดแอสพาร์ทิก ( Aspartic Acid ) แอสพาราจีน ( Asparagines ) กรดกลูตามิก ( Glutamic Acid ) และ เซรีน ( Serine )
การประเมินคุณภาพของอาหารโปรตีน
คุณภาพของโปรตีนขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยสามารถประเมินคุณภาพของโปรตีนจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. ชนิดของกรดอะมิโนที่มีการนำมาสร้างโปรตีน โดยหากเป็นกรดอะมิโนจำเป็นและมีการนำมาประกอบกันในอัตราส่วนที่มีความเหมาะสม ก็จะทำให้โปรตีนมีคุณภาพที่สูงขึ้นไปด้วย
2. ส่วนประกอบของอาหาร โดยหากอาหารที่บริโภคประกอบไปด้วยใยอาหารประเภทเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลสและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก ก็จะทำให้ร่างกายสามารถย่อยโปรตีนได้น้อยลง เพราะอาหารเหล่านี้จะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้อย่างรวดเร็วจึงทำให้อาหารไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ อีกทั้งเซลลูโลสยังเป็นตัวการที่กีดขวางไม่ให้โปรตีนถูกย่อยอีกด้วย จึงทำให้โปรตีนถูกดูดซึมได้น้อยในที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วโปรตีนจากเนื้อสัตว์ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ดีมากกว่าร้อยละ 90 ส่วนโปรตีนจากถั่ว จะดูดซึมได้ที่ร้อยละ 80 และโปรตีนจากเมล็ดข้าวจะดูดซึมได้ที่ร้อยละ 60-90 เท่านั้น
3. ชนิดของสารอาหารโปรตีน นั่นก็เพราะว่าสารอาหารโปรตีนแต่ละชนิดจะมีกรดอะมิโนในปริมาณที่ไม่เท่ากันและอาจมีชนิดของกรดอะมิโนต่างกันได้ ดังนั้นการจะทำให้คุณภาพของโปรตีนดีขึ้นก็คือการนำเอาอาหารโปรตีนชนิดต่างๆ มาใช้รวมกันเพื่อให้ได้สารอาหาร โดยเฉพาะกรดอะมิโนอย่างครบถ้วนนั่นเอง นอกจากนี้ก็มีอาหารที่มีความบกพร่องในกรดอะมิโนจำเป็นด้วย โดยอาหารประเภทพืชที่มีความบกพร่องของกรดอะมิโนจำเป็นได้แก่ เมไทโอนีน ไลซีนและทริปโทเฟน ดังนั้นจึงต้องทานอาหารที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้รับกรดอะมิโนอย่างครบถ้วน
4. การทดลองแบบต่างๆ โดยส่วนใหญ่การทดลองเพื่อวัดคุณภาพของโปรตีนนั้น จะใช้หาสัดส่วนของโปรตีนที่มีอยู่ ด้วยการวัดความสมดุลของไนโตรเจนที่มีอยู่ในสัตว์ หรืออาจทำการทดลองโดยศึกษาจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หรือการวิเคราะห์เอาจากซากสัตว์นั่นเอง
หน้าที่และความสำคัญของโปรตีน
โปรตีนมีหน้าที่และความสำคัญดังต่อไปนี้
1. โปรตีนช่วยเสริมสร้างและทำหน้าที่ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ที่สึกหรอภายในร่างกาย โดยเมื่อทานอาหารที่มีโปรตีน โปรตีนก็จะถูกย่อยจนได้กรดอะมิโนออกมา และถูกดูดซึมไปใช้เพื่อสังเคราะห์เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างภายในร่างกายต่อไป รวมถึงเป็นเนื้อเยื่อเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วโปรตีนจะทำหน้าที่ในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตมากกว่าการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ เพราะต้องใช้โปรตีนเป็นจำนวนมากในการเจริญเติบโตของทารกนั่นเอง
ส่วนการสังเคราะห์โปรตีนต่างๆ จะเกิดขึ้นในส่วนของไรโบโซม และในกระบวนการสังเคราะห์ก็จะต้องมีกรดอะมิโนอย่างครบถ้วนและมีในปริมาณที่เหมาะสมด้วย โดยหากในขณะการสังเคราะห์โปรตีนเกิดการขาดกรดอะมิโนชนิดใดไปหรือมีปริมาณที่ไม่เพียงพอก็จะไม่เกิดการสร้างขึ้นมา จาหากกรดอะมิโนที่ขาดไปนั้นเป็นกรดชนิดที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายก็จะทำการสร้างกรดชนิดนั้นขึ้นมาเพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนนั่นเอง อย่างไรก็ตามการจะผลิตกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นขึ้นมาใช้ได้ทันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะความเหมาะสมและระยะเวลาด้วย
2. ทำหน้าที่ในการสร้างโปรตีนที่จะช่วยควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเฉพาะการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการสร้างน้ำย่อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารได้ดีและลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ควบคุมน้ำภายในและภายนอกของเซลล์ให้มีความสมดุลมากขึ้น และช่วยในการเคลื่อนที่ของของเหลวระหว่างเลือดกับเซลล์ได้อีกด้วย ซึ่งปกติแล้วโปรตีนในร่างกายของคนเราจะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถผ่านผนังเซลล์เส้นเลือดได้ จึงเกิดความดันออสโมติคขึ้นมาและส่งผลให้น้ำภายในร่างกายมีความสมดุลและคงที่มากขึ้นนั่นเอง และในทางตรงกันข้าม หากมีโปรตีนในเลือดต่ำก็จะทำให้ความดันออสโมติคต่ำลง ความดันเลือดสูงกว่า เป็นผลให้น้ำไหลออกจากในเลือดไปอยู่ในของเหลวรอบๆ เซลล์มากเกินไปจนทำให้เกิดอาการบวมได้นั่นเอง
4. ช่วยรักษาความสมดุลของกรดด่างในเลือด ซึ่งจะทำให้ปฏิกิริยาต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
5. โปรตีนจะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอและพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วหากร่างกายได้รับพลังงานน้อยมากหรือไม่เพียงพอสำหรับความต้องการ ก็จะมีการแตกตัวกรดอะมิโนจากกล้ามเนื้อออกมาเพื่อใช้เป็นพลังงานแทน อย่างไรก็ตาม ร่างกายมักจะไม่ค่อยนิยมนำโปรตีนมาใช้เพื่อให้พลังงานมากนัก เพราะหากได้รับโปรตีนจากอาหารไม่พอ อาจทำให้ขาดโปรตีนสำหรับทำหน้าที่อื่นๆ ที่สำคัญได้ และยังส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญอาหารอีกด้วย เช่น เกิดการสูญเสียความร้อนไปอย่างเปล่าประโยชน์ และหากเหลือจากการนำมาใช้ ก็จะต้องถูกเปลี่ยนเป็นสารที่ไร้ประโยชน์ ซึ่งก็คือ ยูเรีย และถูกขับออกจากร่างกาย โดยที่ไตและตับจะทำหน้าที่ในการกรองและขับออกมานั่นเอง และเนื่องจากการขับของเสียออกนอกร่างกายต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมาก จึงอาจส่งผลเสียตามมาได้ นอกจากนี้เมื่อร่างกายมีโปรตีนมากเกินความจำเป็น ก็อาจถูกเปลี่ยนเป็นไขมันในเนื้อเยื่อของร่างกายได้เหมือนกัน
6. ทำหน้าที่ในการป้องกันและกำจัดสารพิษบางอย่างออกจากร่างกาย โดยจะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรง ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยมีตับเป็นตัวช่วยในการทำลายสารพิษและขับออกไปทางปัสสาวะ
โปรตีนช่วยเสริมสร้างและทำหน้าที่ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ที่สึกหรอภายในร่างกาย โดยเมื่อทานอาหารที่มีโปรตีน โปรตีนก็จะถูกย่อยจนได้กรดอะมิโนออกมา และถูกดูดซึมไปใช้เพื่อสังเคราะห์เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างภายในร่างกายต่อไป
แหล่งที่พบโปรตีน
โปรตีน เป็นสารอาหารสำคัญของร่างกายที่สามารถพบได้ทั้งในพืชและในสัตว์ แต่โปรตีนที่ได้จากสัตว์จะมีคุณภาพสูงกว่า เพราะส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนของกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด และร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที แหล่งที่พบโปรตีนที่ได้จากพืช ส่วนใหญ่จะมีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบทุกตัวหรือพบในปริมาณที่น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนั้นจึงต้องทานให้หลากหลายเพื่อให้ได้กรดอะมิโนในโปรตีนอย่างครบถ้วนนั่นเอง เช่น การทานข้าวผสมกับถั่วเมล็ดแห้ง โดยข้าวจะมีเมไทโอนีนสูงและถั่วจะมีไลซีนสูง เมื่อทานคู่กันจึงทำให้มีคุณภาพที่สูงกว่าการทานข้าวหรือถั่วเมล็ดแห้งเพียงอย่างเดียว
การพิจารณาปริมาณไขมันในอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีไขมันอิ่มตัวต่ำ ในปัจจุบัน มีงานวิจัยมากมายแสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารจำพวกปลา เนื้อไก่ ถั่ว และธัญพืชแทนเนื้อวัวหรือเนื้อแดง ช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตก่อนวัย และลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และมะเร็งได้
ความต้องการโปรตีนของร่างกาย
ความต้องการโปรตีนในร่างกายของคนเราอาจมีความแตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับปริมาณน้อยที่สุดที่ร่างกายจะสามารถรักษาสมดุลของไนโตรเจนที่สูญเสียออกจากร่างกายได้ และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อความต้องการโปรตีนดังนี้
1. อายุ พบว่าในเด็กจะมีความต้องการโปรตีนสูงกว่าผู้ใหญ่ เพราะเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต จึงต้องได้รับโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอมากที่สุด
2. เพศ เพศชายจะมีความต้องการโปรตีนสูงกว่าเพศหญิงเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้พลังงานมากกว่า โดยเฉพาะในการทำงาน
3. ภาวะโภชนาการ โดยคนที่ได้รับโปรตีนจากโภชนาการน้อย หรือได้รับพลังงานน้อยเกินไป มักจะมีความต้องการโปรตีนสูงมากกว่าคนปกติ
4. คุณภาพอาหารโปรตีน ซึ่งพบว่าผู้ที่ทานโปรตีนที่มีคุณภาพต่ำจะมีความต้องการโปรตีนมากกว่าคนที่ทานโปรตีนคุณภาพสูง เพื่อให้ได้ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม
5. พลังงานที่ได้รับโดยรวม หากร่างกายได้รับพลังงานน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต ก็จะทำให้ต้องการโปรตีนในปริมาณที่สูงขึ้น เพื่อนำโปรตีนมาใช้เป็นพลังงานแก่ร่างกายนั่นเอง
6. อุณหภูมิของสภาพแวดล้อม โดยหากอากาศร้อนจัดจนทำให้สูญเสียเหงื่อเยอะ ซึ่งมีการสูญเสียไนโตรเจนออกไปพร้อมกับเหงื่อด้วย ก็จะทำให้ร่างกายมีความต้องการโปรตีนสูงขึ้นไปด้วย
7. ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำมักจะมีความต้องการโปรตีนสูงกว่าผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย เพราะได้มีการสูญเสียเหงื่อและไนโตรเจนไปพร้อมกับเหงื่อเยอะมากนั่นเอง
8. เมื่อร่างกายมีอาการเจ็บป่วย ได้รับการผ่าตัดหรือเป็นแผล จะมีความต้องการโปรตีนมากกว่าปกติ นั่นก็เพื่อซ่อมแซมและสมานแผลให้เร็วที่สุด
9. ในผู้ที่มีความเครียดหรือมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ก็มักจะต้องการโปรตีนที่สูงขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
การกำหนดความความต้องการของโปรตีนในแต่ละบุคคลจะยึดเอาตามปัจจัยเหล่านี้ในการกำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของอายุ เพศและกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม การกำหนดความต้องการของโปรตีนจะต้องคำนึงถึงความสามารถในการย่อยโปรตีนของร่างกายและคุณภาพของโปรตีนที่ได้รับด้วย เพราะฉะนั้นจึงได้มีการกำหนดคุณภาพของโปรตีนเท่ากับ 100 ซึ่งพบได้จากอาหารพวกไข่ นม เนื้อสัตว์และปลานั่นเอง ส่วนความสามารถในการย่อยจะกำหนดไว้ที่ร้อยละ 85
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าปริมาณของโปรตีนที่ควรได้รับในแต่ละวันจะลดลงตามอายุด้วย โดยในวัยทารกจะมีความต้องการโปรตีนโดยคิดเป็นกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม และช่วงอายุ 6-11 เดือนจะมีความต้องการโปรตีนสูงมากถึง 1.9 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน นั่นก็เพราะเป็นช่วงวัยที่กำลังเจริญเติบโตจึงต้องการโปรตีนสูงมาก แต่ในวัยผู้ใหญ่ร่างกายก็จะมีความต้องการโปรตีนลดลง ซึ่งจะเหลืออยู่แค่ 1.0 กิโลกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวันเท่านั้น นั่นก็เพราะในวัยผู้ใหญ่ ร่างกายไม่มีความจำเป็นต้องใช้โปรตีนในการเจริญเติบโตเพียงต้องการโปรตีนเพื่อใช้สำหรับซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอเท่านั้น ส่วนในหญิงตั้งครรภ์จะมีความต้องการโปรตีนมากขึ้นจากปกติถึงวันละ 25 กรัม เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของทารกและรักษาสมดุลของไนโตรเจนในร่างกาย ที่มีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในหญิงที่ให้นมบุตรก็มีความต้องการโปรตีนสูงเหมือนกัน เพื่อใช้ในการผลิตน้ำนมนั่นเอง
ตาราง ปริมาณสารอาหารโปรตีนประเภทกรดอะมิโนที่จำเป็นในอาหาร ( มก. ต่อกรัมไนโตรเจน )
ปริมาณโปรตีนประเภทกรดอะมิโนที่จำเป็นในอาหาร ( มก. ต่อกรัมไนโตรเจน ) |
อาหาร |
ไอโซลูซีน |
ลูซีน |
ไลซีน |
เฟนิลอะลานีน |
เมไทโอนีน |
ทรีโอนีน |
ทริปโทเฟน |
เวลีน |
คะแนนโปรตีน |
ถั่วลิสง |
260 |
380 |
220 |
320 |
60 |
170 |
70 |
310 |
55 |
ถั่วเหลือง |
340 |
480 |
400 |
310 |
80 |
250 |
90 |
330 |
72 |
ถั่วเขียว |
350 |
560 |
430 |
300 |
70 |
200 |
50 |
370 |
40 |
เนื้อวัว |
332 |
515 |
540 |
256 |
154 |
275 |
75 |
345 |
83 |
ข้าวเจ้า |
322 |
535 |
236 |
307 |
142 |
241 |
65 |
415 |
72 |
ข้าวสาลี |
261 |
426 |
107 |
308 |
100 |
151 |
60 |
264 |
40 |
งา |
261 |
461 |
160 |
400 |
175 |
194 |
91 |
244 |
60 |
เด็กหรือผู้ใหญ่ใครต้องการโปรตีนมากกว่ากัน ?
สารอาหารโปรตีนมีความจำเป็นอย่างมากในร่างกาย เราสามารถแบ่งปริมาณความต้องการสารอาหารโปรตีนในแต่ละช่วงอายุได้ ดังตารางต่อไปนี้ดังนี้
ปริมาณสารอาหารโปรตีนอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทยวัยต่างๆ |
เพศ |
อายุ |
น้ำหนักตัว (กก.) |
โปรตีน กรัม/น้ำหนักตัว1 กก./วัน |
โปรตีน/กรัม/วัน |
ทารก ชาย-หญิง |
0 – 5 เดือน* |
5 |
น้ำนมแม่ |
|
|
6 – 11 เดือน |
8 |
1.9 |
15 |
เด็ก ชาย-หญิง |
1 – 3 ปี** |
13 |
1.4 |
18 |
|
4 – 5 ปี |
18 |
1.2 |
22 |
|
6 – 8 ปี |
23 |
1.2 |
28 |
วัยรุ่นผู้ชาย |
9 – 12 ปี |
33 |
1.2 |
40 |
|
13 – 15 ปี |
49 |
1.2 |
58 |
|
16 – 18 ปี |
57 |
1.1 |
63 |
วัยรุ่นผู้หญิง |
9 – 12 ปี |
34 |
1.2 |
41 |
|
13 – 15 ปี |
46 |
1.2 |
55 |
|
16 – 18 ปี |
48 |
1.1 |
53 |
ผู้ใหญ่ผู้ชาย |
19 – 30 ปี |
57 |
1.0 |
57 |
|
31 – 50 ปี |
57 |
1.0 |
57 |
|
≥ 71 ปี |
57 |
1.0 |
57 |
ผู้ใหญ่ผู้หญิง |
19 – 30 ปี |
52 |
1.0 |
52 |
|
31 – 50 ปี |
52 |
1.0 |
52 |
|
≥ 71 ปี |
52 |
1.0 |
52 |
หญิงตั้งครรภ์ |
ไตรมาสที่ 1 |
|
+25 |
|
|
ไตรมาสที่ 2 |
|
+25 |
|
|
ไตรมาสที่ 3 |
|
+25 |
|
หญิงให้นมบุตร |
0 – 5 เดือน |
|
+25 |
|
|
6 – 11 เดือน |
|
+25 |
|
*แรกเกิดจนถึงก่อนอายุครบ 6 เดือน
**อายุ 1 ปี จนถึงอายุครบ 4 ปี
ตาราง ความต้องการกรดอะมิโนของคนในวัยต่าง ๆ ในแต่ละวัน
ความต้องการกรดอะมิโนของคนในวัยต่างๆ ( มก./กก./วัน ) |
กรดอะมิโน |
ทารก(3-6 เดือน) |
เด็ก(2-5 ปี) |
เด็ก(10 -12 ปี) |
ผู้ใหญ่ |
ฮิสทิดีน ( Histidine ) |
28 |
7 |
7 |
8-12 |
ไอโซลูซีน ( Isoleucine ) |
70 |
31 |
28 |
10 |
ลูซีน ( Leucine ) |
161 |
73 |
42 |
14 |
ไลซีน ( Lysine ) |
103 |
64 |
44 |
12 |
เมไทโอนีน ( Methionine ) |
58 |
27 |
22 |
13 |
เฟนิลอะลานีน ( Phenylalanine ) |
125 |
69 |
22 |
14 |
ทรีโอนีน ( Threonine ) |
87 |
37 |
28 |
7 |
ทริปโทเฟน ( Tryptophan ) |
17 |
12.5 |
3.3 |
3.5 |
เวลีน ( Valine ) |
93 |
38 |
25 |
10 |
รวมกรดอะมิโนจำเป็น |
714 |
352 |
214 |
84 |
อาการและการป้องกันของโรคเมื่อขาดโปรตีน
เมื่อร่างกายขาดโปรตีน จะแสดงผลออกมาในหลายลักษณะ เช่น
1.ผลจากการได้รับโปรตีนน้อยเกินไป
การได้รับโปรตีนในปริมาณที่น้อยเกินไป จะทำให้เกิดเป็นโรคขาดสารอาหารหรือขาดพลังงานได้ ซึ่งถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากทีเดียวในประเทศไทย นั่นก็เพราะว่าคนไทยส่วนใหญ่มักจะได้รับอาหารประเภทโปรตีนหรืออาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายไม่เพียงพอนั่นเอง โดยโรค P.E.M. เป็นโรคที่สามารถพบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะช่วงวัยดังกล่าวเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องการโปรตีนและพลังงานที่มากกว่าวัยอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จะขาดโปรตีนได้มากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากสาเหตุ
สาเหตุของการขาดสารอาหารโปรตีน
สาเหตุที่ร่างกายขาดสารอาหารโปรตีน ได้แก่
1. การได้รับสารอาหารจากอาหารไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของปริมาณหรือคุณภาพของอาหารก็ตาม
2. ป่วยเป็นโรคที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ คือทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้น้อยกว่าปกติ ไม่สามารถนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมหรือกำลังอยู่ในภาวะที่ต้องการโปรตีนมากกว่าช่วงเวลาปกติ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าการขาดโปรตีนอาจเกิดได้จากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง แต่โดยส่วนมากแล้วสำหรับคนไทยจะมีการขาดโปรตีนจากทั้ง 2 สาเหตุร่วมกันเสมอ เพราะเมื่อร่างกายได้รับปริมาณของโปรตีนและพลังงานน้อยลง ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และเมื่อป่วยด้วยโรคจากการติดเชื้อนี่เองก็จะนำมาซึ่งการขาดโปรตีนอย่างหนัก โดยหากสัมพันธ์กับอายุ พันธุกรรม และสภาพแวดล้อมต่างๆ ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเป็นโรคร่างกายขาดโปรตีนได้ง่ายขึ้น
โรคขาดโปรตีนและพลังงาน แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ
1. ควาชิอาร์กอร์ ( Kwashiorkor ) เป็นโรคขาดโปรตีนที่มักจะพบกับเด็กที่เพิ่งหย่านมใหม่ๆ โดยเฉพาะในเด็กอายุ 1-4 ปี ซึ่งจะมีอาการบวมตามแขนขา ไม่มีกล้ามเนื้อหรือผมเปลี่ยนสีไปจากเดิมและแห้งเปราะได้
2. มาราสมัส ( Marasmus ) เป็นโรคที่มักจะเกิดกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีเช่นกัน โดยจะมีอาการผิวหนังเหี่ยวย่นคล้ายกับคนแก่ ผอมแห้งและไม่มีกล้ามเนื้อ
3. มาราสมิก ควาชิออร์กอร์ ( Marasmic Kwashiorkor ) เป็นโรคจากการขาดโปรตีนที่พบได้บ่อยมากที่สุด โดยจะมีอาการจากทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นรวมกันและอาจรุนแรงกว่า โดยการเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก ตัวผอมมาก เจ็บป่วยได้ง่ายและอาจมีอาการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนัง เช่น ผิวเหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน รวมถึงมีภาวะตับโต ซึ่งเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน
หากได้รับโปรตีนมากเกินไปจะเกิดอะไร ?
เมื่อร่างกายมีโปรตีนสะสมมากเกินไป อาจเกิดภาวะต่างๆ ดังต่อไปนี้ได้
1. ปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด
2. ปัญหาเกี่ยวกับตับ
3. ปวดท้อง
4. ท้องร่วง
5. เพิ่มโอกาสการเป็นโรคเกาต์ ( กรดยูริกในร่างกายเพิ่มขึ้นทำให้เกิดการอักเสบของข้อ )
6. ความดันต่ำ
7. พฤติกรรมการทานอาหารเปลี่ยนแปลงไป
8. ไตทำงานหนักมากขึ้น
อาการแพ้โปรตีน
การแพ้โปรตีน คือ ปฏิกิริยาที่ภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อโปรตีนในอาหารชนิดหนึ่ง ๆ มากเกินไป ซึ่งได้แก่อาหารจำพวก
นมวัว ไข่ ปลา หอย ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ถั่วลิสง ถั่วยืนต้นต่าง ๆ หากสงสัยว่ามีอาการแพ้อาหารเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง