
เสาวรส ( Passion Fruit )
เสาวรส ( passion fruit ) เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่บรรดาผู้รักสุขภาพมักรู้จักเป็นอย่างดี เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กะทกรกฝรั่ง เป็นพืชอยู่ในตระกูล Passifloraceae มีลักษณะเป็นไม้เถ้าขนาดกลาง มีต้นกำเนิดอยู่ในแถบทวีปอเมริกาใต้ บริเวณประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา มีใบเป็นหยัก ดอกของเสาวรสมีสีขาวอมม่วงสวยงาม กลีบดอกเป็นเส้นๆ ซ้อนกันหลายชั้น ออกดอกตลอดทั้งปี ผลเป็นรูปกลมมีขนาดตั้งแต่ไข่ไก่ จนขนาดใหญ่เกือบเท่าลูกแอปเปิล ผลอ่อนจะสีเขียวแต่เมื่อสุกแล้วจะมีสีต่างกันออกไปแล้วแต่สายพันธุ์ เช่น สีส้ม สีเหลือง สีม่วง เป็นต้นผลมีรสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน
ชื่อ : เสาวรส
ชื่อภาษาอังกฤษ : Passion Fruit
ชื่อวิทยาศาสตร์ : PassifloraEdulis
ในปัจจุบันสามารถพบเห็นการปลูกเสาวรสได้อย่างแพร่หลาย ทั้ง ในแคลิฟอร์เนีย ฟลอริด้า บราซิล แอฟริกา อินเดีย นิวซีแลนด์และฮาวาย รวมถึงประเทศไทยด้วย ผลไม้อย่าง เสาวรสนอกจากเป็นพืชที่ทานผลได้แล้ว ยังเป็นไม้ประดับที่สวยงามอีกด้วย
ประวัติความเป็นมาของชื่อเสาวรส
ชาวตะวันตกเรียกเสาวรสว่า พาสชั่นฟรุ๊ต ( Passion Fruit ) ซึ่งมีความหายว่า ผลไม้แห่งความปรารถนา ที่มาของชื่อนี้มาจาก มิชชั่นนารีชาวสเปนท่านหนึ่งได้ไปพบเห็นผลไม้ชนิดนี้ในทวีบอเมริกาใต้ แล้วเกิดความประทับใจกับความสวยงามของดอกต้นเสาวรส ซึ่งมีความคล้ายกับน้ำพระทัยของพระเยซูในยามถูกตรึงบนไม้กางเขน จึงตั้งชื่อเสียว่า “ดอกพาสชั่น” สำหรับในประเทศไทยเนื่องจากเสาวรสมีรูปร่างคล้ายกับต้นกะทกรก แต่มีขนาดใหญ่กว่า จึงเรียกว่ากะทกรกยักษ์ ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่ค่อยไพเราะสักเท่าไหร่นัก จึงมีการเปลี่ยนจากกะทกรกยักษ์ มาเป็นเสาวรสในที่สุด
สรรพคุณที่น่าสนใจของเสาวรส
เสาวรส หรือกะทกรกยักษ์ มีสรรพคุณทางยามากมาย โดยเนื้อของเสาวรสนั้นจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และร่างกายต้องการอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โซเดียม โปแตสเซียม แมกนีเซียม วิตามินเอ และวิตามินซีเป็นต้นการทานเสาวรสนั้นโดยส่วนมากจะใช้วิธีคั้นเป็นน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือหากจะทานเป็นผลไม้สดก็สามารถทำได้เหมือนกันซึ่งการทานเสาวรสนั้นหากทานในปริมาณที่เหมาะสมจะมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกาย
สรรพคุณของเสาวรส
- ช่วยบำรุงสายตา ถือว่าเป็นสรรพคุณที่โดดเด่นของเสาวรสข้อมูลจากการศึกษาพบว่าชาวอินเดียโบราณในแถบลุ่มน้ำอะเมซอนใช้น้ำเสาวรสในการรักษาอาการตาอักเสบ หรือ รักษาอาการตาพร่ามั่วกับผู้สูงอายุ
- บรรเทาอาการโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งเป็นอาการที่มักพบได้บ่อยๆในเพศหญิง
- บรรเทาอาการเจ็บคอ เสาวรสยังสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้นได้เป็นอย่างดีด้วย
- ช่วยให้นอนหลับได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการนอนหลับ เสาวรสยังมีสรรพคุณที่ช่วยให้การนอนหลับดียิ่งขึ้น สามารถแก้ปัญหาโรคนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากเสาวรสมีสารอาหารอย่างวิตามินบี 2 จึงช่วยในการบำรุงผิวพรรณส่วนต่างๆในร่างกายให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ก็มีข้อควรระวังในการรับประทานเสาวรสคือ การทานเสาวรสส่วนมากจะทานโดยการคั้นเป็นน้ำ ซึ่งอาจมีการเติมปริมาณของน้ำตาลลงไปเพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขั้น ดังนั้นผู้ที่จะทานเสาวรสควรจำกัดและระมัดระวังในการบริโภคน้ำตาลที่เติมลงไปด้วย โดยให้เติมน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น หรือหากเป็นไปได้ควรทานแบบไม่ใส่น้ำตาลเลยจะดีที่สุด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
“Passion flower”. Royal Horticultural Society. 2015. Retrieved 1 October 2015.
“Passion fruit farming the next frontier in agribusiness”. The Star, Nairobi, Kenya. Retrieved, 2014.











ใบโอบะ หรือใบชิโสะ เป็นพืชประเภทไม้ล้มลุกที่มีอายุสั้นใช้ระยะเวลาการปลูก 50 – 60 วัน ก็สามารถนำผลผลิตมารับประทานได้แล้ว และสามารถเก็บเกี่ยวต่อไปได้อีกในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เท่านั้นสามารถปลูกได้ทั้งปี เป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบดินที่มีความร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบให้มีน้ำขัง ต้นใบโอบะหรือ ใบชิโสะ จะมีลักษณะคือ เป็นไม้ลำต้นตั้งตรง จะมีความสูงเพียงแค่ 30 –100 เซนติเมตร เท่านั้น มีสีม่วงหรือสีม่วงอมเขียว ใบมีรูปทรงกลมปลายแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ผิวใบย่นไม่เรียบตัวใบยาว 4 – 12 เซนติเมตร กว้าง 2.5 -10 เซนติเมตร ก้านใบยาว 2.5 -7.5 เซนติเมตร ดอกจะออกที่โคนก้านใบหรือบนยอดกิ่ง ด้านล่างดอกมีขนอ่อนขึ้นหน้าแน่น ดอกมีสีม่วง มีขนอ่อนยาวสีม่วงตรงส่วนข้อของกิ่งและลำต้น ซึ่งเรียกว่า ” เจียมชิโสะ ” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Perilla frutescens ( L. ) Britt. Var. Acuta ( Thunb. ) Kido. โดยชิโสะชนิดนี้จะมีลักษณะทางพฤษศาสตร์คล้ายกับชิโสะประเภทแรกเกือบทุกอย่าง ยกเว้น จะมีสีม่วงและขนอ่อนคลุมอยู่ ดอกมีสีม่วงอมแดงหรือแดงอ่อนจากข้อมูลพบว่า ชิโสะทั้ง 2 ประเภทนี้ มีสรรพคุณทางยาด้วยกันทั้งคู่ เกือบทุกส่วนของชิโสะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งราก กิ่ง ก้าน ใบ และเมล็ดเช่น เมล็ดชิโสะ ( เฮ็กโซวจี้ ) สามารถช่วยแก้พิษจากอาหารทะเลได้โดยให้นำเมล็ดไปคั่วจนสุกแล้วนำมาผสมเปลือก
(Green Shiso)ประกอบด้วยสารต่อต้านมะเร็งและเพิ่มภูมิคุ้มกัน มีประโยชน์ทางโภชนาการ ให้สารอาหารประเภท
ใบชิโสะแดง (Red Shiso) เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่นอุดมไปด้วยแอนโทไซยานิน กรดไขมันโอเมก้า 3 6 และ 9 แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก วิตามิน A B2 และ C สารสำคัญในใบชิโสะแดงมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านไวรัส ซึ่งใบชิโสะสีแดงจะไม่ค่อยนิยมกินแบบสด ส่วนมากจะนำมาทำเมนูดังนี้






