ข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับ Total PSA
ต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่ตั้งอยู่ที่ก้นถุงกระเพาะปัสสาวะ โดยมีหน้าที่หลักคือ
1. ต่อมลูกหมากผลิตน้ำซีเมน ( Semen ) ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงตัวอสุจิ และทำหน้าที่ดันตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่ของผู้หญิงจนเกิดเป็นการปฏิสนธิเกิดมาเป็นทารก
2. ต่อมลูกหมากมีหน้าที่เป็นวาล์ว เปิด-ปิด ท่อปัสสาวะตามคำสั่งของระบบประสาท เพื่อปล่อยเอาน้ำปัสสาวะออกมาจากร่างกาย และต่อมลูกหมากก็มีการสารพิเศษชนิดหนึ่งออกมาจับตัวเข้ากับโปรตีน จนได้เป็น PSA อีกด้วย
การตรวจค่า PSA บ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากได้แน่นอนหรือเปล่า
PSA เป็นสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากที่มีความไวต่อการตรวจเป็นอย่างมาก และมีความแม่นยำน่าเชื่อถือมากกว่าการตรวจด้วยสัญญาณบ่งชี้อีกตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือ Prostatics Acid Phosphatase ( PEP ) ในปัจจุบันจึงนิยมหันมาตรวจหาสัญญาณมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย PSA กันมากขึ้น ส่วน PEP ไม่ค่อยมีผู้นิยมใช้กันแล้ว
ในการตรวจค่า PSA ที่สูงกว่าปกติ จะให้ค่าความแม่นยำประมาณ 80% โดย 20% ที่เหลืออาจเป็นเพราะความผิดปกติของต่อมลูกหมากที่ไม่ใช่มะเร็ง เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ ต่อมลูกหมากโต หรือภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดอีกด้วยว่า ค่า PSA ควรจะอยู่ในระดับ 4-10 ng / mL เท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่า “ เขตบ่งชี้สีเทา ” โดยหากพบค่า PSA ที่สูงเกินกว่า 10 mg/mL ก็บ่งชี้ได้ว่าอาจเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้สูงมากทีเดียว
โดยปกติแล้วค่า PSA จะสูงขึ้นจากปกติเล็กน้อย หลังจากเพิ่งมีการหลั่งน้ำกามได้ไม่นาน ดังนั้นการตรวจหาค่า PSA หลังจากมีเพศสัมพันธ์จึงอาจได้ผลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้ ดังนั้นแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจึงให้คำแนะนำว่า ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนการเข้ารับการตรวจ PSA หรือให้งดกิจกรรมทางเพศทุกอย่างก่อนเข้ารับการตรวจหาค่า PSA เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงนั่นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลการตรวจมีความแม่นยำมากที่สุด
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผลการตรวจค่า PSA อาจจะไม่แน่ชัด แต่ก็มีวิธีการแยกแยะเพื่อเพิ่มความแม่นยำว่าผู้ป่วยกำลังป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่เหมือนกัน
วิธีการตรวจสำหรับผู้ที่มีค่า PSA สูงกว่า 4 ng / mL เพื่อหาความแม่นยำของสัญญาณบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก สำหรับวิธีการตรวจเพื่อความแม่นยำสามารถทำได้หลายวิธี โดยอาจตรวจสอบเพียงวิธีใดวิธีหนึ่งหรืออาจตรวจหลายวิธีร่วมกันเพื่อความมั่นใจก็ได้
ตรวจด้วยค่า Free PSA คือ การตรวจเลือดเพื่อหาค่า PSA ไปพร้อมๆ กับการหาค่า Free PSA ไปด้วย โดยการพิจารณาผลการตรวจนั้น หากพบว่าค่า Free PSA มีค่าน้อยกว่า 25% ก็แสดงว่า ผู้ป่วยน่าจะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากแน่นอน
ตรวจด้วยอัตราส่วน Free PSA ต่อ PSA จะใช้วิธีการตรวจด้วยวิธีนี้ โดยจะเอาค่าที่ได้ของทั้งสองค่ามาเทียบอัตราส่วนกัน เพื่อแยกให้ชัดเจนมากขึ้นว่าผู้ป่วยกำลังป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมีต่อมลูกหมากโตกันแน่ โดยส่วนใหญ่จะพบตัวเลขดังนี้
อัตราส่วนของ Free PSA : PSA ที่บ่งชี้ว่าอาจจะเป็นคือ |
ผลลัพธ์ = ตัวเลขสูง ต่อมลูกหมากโต |
ผลลัพธ์ = ตัวเลขต่ำ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก |
ตรวจด้วยค่าความเร็วของ PSA การตรวจด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาในการตรวจประมาณ 2 ปีและทำการบันทึกผลเอาไว้ โดยจะตรวจทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งหากค่าการตรวจที่ได้เป็นดังนี้
การตรวจ PSA ตรวจด้วยอัตราส่วน Free PSA ต่อ PSA ใช้เวลาในการตรวจอย่างน้อย 2 ปี |
การตรวจต้นปีที่ 1 ได้ค่า PSA = X |
การตรวจต้นปีที่ 2 ได้ค่า PSA = Y |
การตรวจต้นปีที่ 3 ได้ค่า PSA = Z |
และเมื่อทำการคำนวณผลการตรวจค่าดังกล่าวแล้ว พบว่า |
Y-X > 0.75 ng/mL/Year หรือ |
Z-Y > 0.75 ng/mL/Year หรือ |
Z-X/2 > 0.75 ng/mL/Year |
ผลลัพธ์ที่ได้ในข้อใดมีค่ามากกว่า 0.75 ng/mL/Year
ให้บ่งชี้ว่าผู้ป่วยกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
|
ตรวจความหนาแน่นโดยการใช้นิ้วสัมผัส โดยการตรวจด้วยวิธีนี้แพทย์จะทำการสอดนิ้วชี้เข้าไปในช่องทวารหนัก จากนั้นใช้ปลายนิ้วสัมผัสบริเวณที่ตรงกับเนื้อต่อมลูกหมาก ซึ่งหากพบว่าต่อมลูกหมากมีลักษณะดังกล่าวนี้ ให้สันนิษฐานว่าให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม คาดว่าเป็นเพียงแค่อาการของต่อมลูกหมากโต ให้สัมผัสที่แข็งกระด้าง คาดว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
ตรวจค่า PSA โดยการใช้คลื่นเสียง ( Ultrasound ) เป็นการตรวจสอบเพื่อความมั่นใจอีกวิธีหนึ่ง โดยจะใช้เครื่องมือส่งสัญญาณเสียงความถี่สูงในการตรวจสอบโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่มีความชี้ชัดได้เกือบแน่นอนว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่และกำลังอยู่ในระยะไหน โดยการตรวจด้วยวิธีนี้ก็จะมีศัพท์เรียกการตรวจแบบเต็มๆ ว่า Transrectal Ultrasound และเรียกโดยย่อว่า TRUS
ตรวจค่า pas ด้วยการวิเคราะห์จากชิ้นเนื้อ ( Biopsy ) เป็นการเจาะเอาชิ้นเนื้อจากต่อมลูกหมากมาตรวจวิเคราะห์ทางพยาธิวิทยา ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลการตรวจที่มีความแม่นยำและแน่นอนที่สุด แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการตรวจที่สูงมากเหมือนกัน โดยส่วนใหญ่แล้วการตรวจด้วยวิธีนี้ แพทย์มักจะทำควบคู่ไปกับการตรวจด้วยวิธี TRUS เพื่อให้เกิดความมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้มากที่สุด
วิธีการตรวจต่างๆ ที่กล่าวมา เป็นการตรวจโดยแพทย์ที่จะสามารถแยกแยะระหว่างอาการต่อมลูกหมากโตและโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้เป็นอย่างดี ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีการตรวจเหล่านี้ในคนที่พบค่า PSA สูงกว่า 4 ng / mL
Total PSA ค่าปกติคือเท่าไหร่
โดยปกติแล้วค่าปกติของ Total PSA จะมีค่าปกติทั่วไป Total PSA : <4 ng / mL หรือยึดตามค่าที่ระบุไว้ในใบรายงานผลการตรวจเลือดเป็นหลัก
ค่าปกติของ Total PSA
|
Total PSA : <4 ng / mL
|
ค่าความผิดปกติของ Total PSA
|
ผลการตรวจค่า psa น้อยกว่า <4 ng/mL หรือเท่ากับ 4 คือปกติ |
หากผลการตรวจค่า psa เกิน 4 ng/mL คืออาการผิดปกติ
อาจเกิดจากต่อมลูกหมากอักเสบ
อาจเกิดจากสภาวะต่อมลูกหมากโต
หรืออาจเกิดจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก |
ค่า High PSA คือ ค่า PSA ที่สูงกว่าปกติ
ค่า PSA สูงเกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้
ซึ่งสรุปได้ว่าค่า PSA ที่สูงกว่าปกติ ก็อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้มะเร็งหรือไม่ใช่ก็ได้ โดยจะใช้วิธีการตรวจวิเคราะห์ผ่านทางการตรวจเลือด ดังนั้นเมื่อตรวจพบว่าผลของค่า PSA มากกว่าค่าปกติ ควรให้แพทย์วินิจฉัยจนได้ข้อสรุปที่แท้จริงก่อน เพราะจริงๆ แล้วอาจไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็ได้