แสงแดดมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

0
แสงแดดมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ จะไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนโซลิทอนใต้ผิวหนังให้เปลี่ยนเป็นวิตามินดี
แสงแดดมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ จะไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนโซลิทอนใต้ผิวหนังให้เปลี่ยนเป็นวิตามินดี

แสงแดด มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

ทุกวันนี้มีการผลิตอุปกรณ์ หรือเครื่องใช้สำหรับป้องกันแสงแดดออกมามากมาย เช่น ร่ม แว่นตากันแดด หมวก หรือ เสื้อคลุม เป็นต้น โดยหลายคนพยายามจะหาวิธีในการหลบเลี่ยงแสงแดด ไม่ให้กระทบถูกตัว ด้วยเหตุผลที่ว่า แสงแดดนั้นมีความร้อนสูง หากโดนแล้วจะทำให้เหงื่อออก ทำให้แสบตา ทำให้ผิวหนังคล้ำขึ้น ดำขึ้น ซึ่งเป็นการมอง เฉพาะในด้านไม่ดีจากแสงแดดเท่านั้น แต่ถ้าหากเรารู้จักวิธีการได้รับแสงแดดในปริมาณที่ดีและเหมาะสมแล้ว แสงแดดถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตมากมาย ทั้ง คน สัตว์ และพืช โดยจะอธิบายได้ดังต่อไปนี้

แสงแดดคืออาหาร

แสงแดด สามารถสร้างอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตได้ โดยเฉพาะในพืช เนื่องจากพืชต้องใช้แสงแดดในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง นำแสงแดดไปใช้ปรุงอาหาร และส่งอาหารไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่างๆของพืช ทำให้ต้นพืชเจริญเติบโตอย่างสมบรูณ์ หากไม่มีแสงแดดแล้วพืชก็ต้องตายเนื่องจากขาดอาหาร พลังงานจากแสงแดดจะจัดเก็บอยู่ในทุกอณูของต้นพืช ในรูปแบบของ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ดังนั้นเราเมื่อเราทานอาหารที่มาจากพืช เช่นผักและผลไม้ ก็จะทำให้ได้รับพลังงาจากแสงแดดซึ่งมีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน เนื่องจาก สารคลอโรฟิลล์ในพืชมีโครงสร้างที่ใกล้เคียงเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก แตกต่างกันตรงที่ว่า สารประกอบคลอโรฟิลล์ คือแมกนีเซียมซึ่งทำให้พืชเป็นสีเขียว ส่วนเม็ดเลือดแดงมีสารประกอบเป็นธาตุเหล็กในนิวเคลียสที่เฮโมโกลบิน จึงทำให้เม็ดเลือดเป็นสีแดง

หากได้รับแสงแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที จะทำให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์แสงแดด โดยรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ จะไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนใต้ผิวหนังที่ชื่อว่า โซลิทอนเปลี่ยนเป็นวิตามินดี ซึ่งมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกาย

แสงแดดคือชีวิต

วิตามินดี ที่ได้จากการได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่มีอรรถประโยชน์มากมายกับชีวิตของมนุษย์ ช่วยทำให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยร่างกายที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับจากวิตามินดี มีมากมายดังต่อไปนี้
1. แสงแดดช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค วิตามินดีที่ได้รับจากแสงแดด จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ดียิ่งขึ้น จากการที่ ฮอร์โมนโซลิทอนกับฮอร์โมนเมลาโทนิน ( Melatonin ) จากต่อมไพเนียลที่อยู่ใต้สมองบริเวณหน้าผาก จะเข้าไปรวมตัวกับวิตามินดี ทำให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวที่แข็งแรงได้มากขึ้น ส่งผลให้ภูมิคุ้มในร่างกายดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคที่จะเข้ามาสู่ร่างกาย ช่วยลดอาการเจ็บป่วยต่างๆได้มาก
2. แสงแดดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย วิตามินดี ช่วยส่งเสริมให้เฮโมโกลบินมีความแข็งแรง สามารถรับออกซิเจนจากปอดได้อย่างเต็มที่ สามารถส่งต่อไปยังเซลล์ต่างๆในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ทำให้อวัยวะต่างๆสามารถผลิตพลังงานเพื่อใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. แสงแดดช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง วิตามินดีเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยทำให้กระดูกมีความแข็งแรง และยังช่วยป้องกันภาวะโรคกระดูกเสื่อมได้ดี หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม โดยวิตามินดี จะไปจับกับ แมกนีเซียม และ ฟอสฟอรัส เพื่อดึงแคลเซียม ไปใช้ในการซ่อมแซมและบำรุงกระดูกให้แข็งแรง

4. ช่วยรักษาความสมดุลในเลือด หากร่างกาย มีภาวะเลือดที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ภาวะเลือดเป็นกรด วิตามินที่สามารถละลายได้ในไขมันหรือ หรือชื่อว่าแคลซิเฟอรอล ( Calciferol ) จะเป็นผู้ทำหน้าที่ช่วยปรับสภาวะของเลือดให้กลับมาเป็นปกติ เนื่องจากหน้าที่หลักของวิตามินก็คือ การรักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดให้สมดุล เป็นปกติ
5. แสงแดดช่วยปรับสภาวะอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ วิตามินดี ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากวิตามินดี จะไปช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเซโรโทนิน ( Serotonin ) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท เป็นสารที่เกี่ยวกับสภาวะอารมณ์ ช่วยในการลดระดับความตรึงเครียดในร่างกายลงได้ ทำให้ผู้ที่ได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม จะมีอารมณ์แจ่มใส ร่าเริง   

แสงแดดคือยา

แสดแดด ยังมีประโยชน์ด้านการเป็นยาป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนี้
1. แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ แสงแดดมีความสามารถในการ ฆ่าเชื้อโรคได้มากถึง 42 ชนิด และยังรวมถึงเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพยาธิ นอกจากนี้แสงแดดยังกำจัด เชื้อร้ายที่สิ่งอื่นไม่สามารถกำจัดได้ คือ เชื้อวัณโรคทุกชนิด ทำให้แสงแดดถูกนำไปใช้ในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ ในการฆ่าเชื้อโรค เช่น ในน้ำ อาหาร และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เป็นต้น
2. แสงแดดช่วยลดอาการและบรรเทาโรคภัยได้หลายชนิด เช่น โรคเกาต์โรคไขข้ออักเสบ โรครูมาตอยด์ ลำไส้อักเสบ ภาวะเส้นเลือดแดงตีบตัน เนื่องจาก วิตามินดีที่เกิดจากแสงแดดช่วยลดการอักเสบในเลือดและอวัยวะต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
3. แสงแดดช่วยลดน้ำหนักแสงแดดสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ในคนเป็นโรคอ้วน เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตกระตุ้นต่อมไทรอยด์ ให้สร้างฮอร์โมนไทรอยด์เพิ่มขึ้น โดยจะช่วยไปเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันให้มากขึ้น แสงแดดจึงช่วยลดน้ำหนักได้ และเพิ่มกล้ามเนื้อไปในตัวด้วย
4. แสงแดดช่วยรักษาโรคหัวใจได้ แสงแดดรักษาโรคหัวใจ เนื่องจาก แสงแดดสามารถช่วยลดระดับค่าของ C-Reactive Protein ( CRP ) ซึ่งเป็น โปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ โดยผู้ป่วยที่มีอาการของโรครุนแรมักเกิดจากการขาดวิตามินดีนั่นเอง
5. แสงแดดช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้น แสงแดดสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากวิตามินดีที่ได้รับจากแสงแดด ช่วยให้ตับอ่อนสามารถผลิตอินซูลินได้ดียิ่งขึ้น
6. แสงแดดช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็ก วิตามินดีจากแสงแดด เป็นสารตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนประเภท สเตียรอยด์ ที่สำคัญ สำหรับการพัฒนาของทารก ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็กได้ โดยปกติแล้ว ทารกควรได้รับแสงแดดในตอนเช้าประมาณวันละ 5-15 นาที แต่แรกเกิดหรืออย่างช้าที่สุดคืออายุ 2 เดือน
7. แสงแดดป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และมะเร็งเต้านมในผู้หญิง การได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอช่วยให้สามารถป้องกันโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยๆในเพศชาย อย่างมะเร็งต่อมลูกหมาก และชนิดที่พบได้ในเพศหญิงอย่างมะเร็งเต้านมด้วย
8. แสงแดดช่วยรักษาแผลทุกชนิด แสงแดดสามารถช่วยรักษาแผลที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจาก แสงแดดจะไปช่วยทำให้โมโกลบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถนำเอาออกซิเจนส่งไปให้เซลล์บาดแผล เพื่อใช้ในการซ่อมแซมเซลล์ที่ชำรุด จึงช่วยสมานแผลรอยถลอกบรรเทาอาการผดผื่นคันได้อย่างรวดเร็ว
9. แสงแดดช่วยบำรุงและป้องปกสุขภาพดวงตา แสงแดดมีประโยชน์ในการช่วยรักษาดวงตาให้แข็งแรง เพราะ ภายในลูกตามีคลอเลสเตอรอลที่ช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะต้องอาศัยวิตามินที่ได้จากแสงแดด เพื่อช่วยให้ภูมิคุ้มกันในดวงตาสูงเพิ่มขึ้น
10. แสงแดดช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนเพศ แสงแดดช่วยส่งเสริมการผลิตฮอร์โมนเทสโทสโรนในเพศชายและ ฮอร์โมนเอสโตรเจนในกับเพศหญิง ช่วยทำให้ผู้ชายมีสมรรถภาพทางเพศที่แข็งแรง และช่วยให้ผู้หญิงมีรอบเดือนที่ปกติ
11. แสงแดดช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งโรคนี้ยังไม่มียาเคมีชนิดใดที่รักษาให้หายขาดได้ เป็นโรคชนิดเรื้อรัง แพทย์มักจะให้ยาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น แต่แสงแดดสามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ 

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวิตามินดีจากแดดยามเช้า

การรับแสงแดด เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด มีข้อควรปฏิบัติตนดังต่อไปนี้

  • การได้รับแสงแดดที่ดีที่สุด คือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวิตามินดีจากแดดยามเช้า คือ ช่วงเวลา 6-8 โมงเช้า เนื่องจากแสงแดดช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่แรงมากทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อผิว แต่หากเลยเวลาดังกล่าวไปแล้วจะอันตรายต่อผิวของคุณได้ การเปลือยกายรับแสงแดดในที่ลับตาคน โดยใช้ด้านหน้าร่างกายรวมทั้งใบหน้าด้วยตากแดด เป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นคว่ำตัวตากแดดด้านหลังอีก 10-15 นาที แต่หากไม่สะดวกในการเปลือยกาย สามารถสวมเสื้อผ้าได้ โดยเปิดในส่วนของ แขน ขา หน้า มือ เท้า ให้มากที่สุด
  • หากต้องการใส่เสื้อผ้าแบบปกติเต็มรูปแบบ ให้พยายามเลือกสีของเสื้อผ้าเป็นสีอ่อนๆ โดยเฉพาะสีขาว เพราะแสงแดดสามารถผ่านทะลุเข้าถึงเนื้อได้มากกว่าสวมเสื้อผ้าสีอื่นๆ
  • พยายามนั่งให้ใกล้หน้าต่าง เปิดหน้าต่างให้แสงทะลุเข้ามา เพื่อให้ร่างกายได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ เพราะแสงแดดชนิดแสงยูวี ไม่สามารถที่จะส่องผ่านทะลุกระจกได้
  • พยายามนั่งในที่แจ้งบ่อยๆ เช่น นอกชายคาบ้าน ตามใต้ต้นไม้หรือในสนามหญ้ากลางแจ้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่
  • การตากแดด หรืออยู่ในที่สว่างกลางแจ้ง ต้องไม่สวมใส่แว่นกันแดด คอนแทคเลนส์ที่เคลือบสารกันยูวี หรือแว่นสายตาที่เคลือบสารกันยูวี เพราะร่างกายจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการตากแดดเลย

หลายคนที่เคยมองข้ามและรู้สึกรังเกียจแสงแดด เมื่อได้ทราบข้อมูลที่เกี่ยวกับประโยชน์จากแสงแดดแล้ว ก็คงจะช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนความคิดได้ไม่มากก็น้อย ว่าแสงแดดนั้นแท้จริงแล้ว หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอจะมีประโยชน์มากมายหลายด้าน ดังนั้นควรได้ร่างกายของตนเองได้ออกไปเจอแสงแดดบ้าง ไม่เอาแต่อยู่ในที่ร่มอย่างเดียว เพื่อให้ตัวเราเองมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

นิดดา หงษ์วิวัฒน์. แสงแดด โอสถมหัศจรรย์ แสงแห่งชีวิตที่เป็นยารักษาโรค. กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์แสงแดด จำกัด, 2558., 223 หน้า. ISBN 978-616-284-592-5

MacAdam, David L. (1985). Color Measurement: Theme and Variations (Second Revised ed.). Springer. pp. 33–35. ISBN 0-387-15573-2.

มะเร็งที่พบบ่อยทั้งในผู้หญิงและผู้ชายในประเทศไทย

0
โรคมะเร็งที่พบบ่อย 6 อันดับแรกของโลก
ชนิดของโรคมะเร็งที่พบบ่อยในแต่ละประเทศก็จะไม่เหมือนกัน เนื่องจากประชากรในแต่ละประเทศ มีการดำรงชีวิตและปัจจัยด้านสิ่งต่างๆ ที่ต่างกันออกไป
โรคมะเร็งที่พบบ่อย 6 อันดับแรกของโลก
ชนิดของโรคมะเร็งที่พบบ่อยในแต่ละประเทศก็จะไม่เหมือนกัน เนื่องจากประชากรในแต่ละประเทศ มีการดำรงชีวิตและปัจจัยด้านสิ่งต่างๆ ที่ต่างกันออกไป

มะเร็งที่พบบ่อย

10 อันดับมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย

โรคมะเร็งนอกจากข้อมูลทางสถิติที่เกี่ยวกับผู้ป่วย โรคมะเร็ง ทั่วโลกแล้ว ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 10 อันดับโรคมะเร็งที่พบในคนไทย โดยสามารถแบ่งมะเร็งที่พบในเพศหญิงและมะเร็งที่พบในเพศชายได้ดังต่อไปนี้

10 อันดับมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย
ลำดับ เพศชาย เพศหญิง
1 มะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก
2 มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม
3 มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ
4 มะเร็งช่องปาก มะเร็งปอด
5 มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่
6 มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งรังไข่
7 มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งช่องปาก
8 มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมธัยรอยด์
9 มะเร็งโพรงจมูก มะเร็งกระเพาะอาหาร
10 มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

มะเร็งตับ เป็นโรคมะเร็งที่พบได้มากที่สุดในผู้ชายไทยจากสถิติสูงมากถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเพศหญิงพบว่ามีอัตราการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด

มะเร็งที่พบบ่อยมากที่สุด 6 อันดับแรกของโลก คือ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ และมะเร็งปากมดลูก

อาการแสดงของโรคมะเร็ง

  • ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่มีอาการใดๆในช่วงแรกอาจมีผลมาจากหลายปัยจัย เช่น เซลล์มะเร็งในร่างกายยังมีไม่มาก ผู้ป่วยมะเร็งมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นต้น
  • มีอาการป่วยของโรคทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไม่แจ่มใส

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

โรคมะเร็ง ไม่ใช่โรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายติดจากคนสู่คนได้ แต่โรคมะเร็งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารที่ผิดหลักโภชนาการ รวมถึงสภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวด้วย ซึ่งสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทที่สำคัญ ดังข้อมูลต่อไปนี้

1. เกิดจากสิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยภายนอกร่างกาย

จากข้อมูลทางด้านต่างๆพบว่า ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยภายนอกร่างกาย เป็นสาเหตุหลักใน
ปัจจุบันที่ทำให้เกิด โรคมะเร็ง ชนิดต่างๆในมนุษย์ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเป็นตัวการหลักอย่างหนึ่งทำให้
เกิดเชื้อมะเร็งได้ ซึ่งเกิดได้จากหลายๆสิ่งดังนี้

1.1 สารปนเปื้อน ในแต่ละวันร่างกายของเราอาจได้รับสารปนเปื้อนชนิดต่างๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยถึงทำให้มี
ความเสี่ยงทำให้เป็นโรคมะเร็ง อาจจะมาจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆในแต่ละวัน เช่น
สารพิษจากเชื้อราที่มีชื่อว่า อัลฟาทอกซิน ( Alfatoxin ) การทานผักหรือผลไม้ที่มีสารจากยาฆ่าแมลงตกค้าง การทานอาหารปิ้งย่างรวมถึงอาหารที่ไหม้เกรียม ที่มักมีสารไฮโดรคาร์บอน ( Hydrocarbon ) สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการถนอมอาหารชื่อไนโตรซามิน ( Nitosamine ) และในอาหารบางชนิดอาจมีการใช้สีผสมอาหารที่มาจากสีย้อมผ้า เป็นต้น ซึ่งสารปนเปื้อนต่างๆเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นสารในการก่อ มะเร็ง ทั้งสิ้น

1.2 รังสี ผลกระทบที่อาจจะได้รับจากรังสีคือ การอยู่ในบริเวณกลางแจ้ง ที่มีแดดจัดๆเป็นเวลานาน ทำให้
ร่างกายได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด ปริมาณมากเกินไป จึงอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ หรือ ผู้ที่ใกล้ชิดหรือทำงานในห้อง เอ็กซเรย์ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้เช่นกัน   

1.3 เชื้อไวรัส ในไวรัสบางชนิดมีผลต่อการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆได้ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งสามารถเป็น
ตัวกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งในตับได้

1.4 การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ พยาธิใบไม้ในตับ เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งของท่อ
น้ำดีได้ โดยพยาธิใบไม้ในตับเกิดได้จากการทานอาหารที่มีปรสิต ที่พบได้มากในปลาน้ำจืดชนิดมีเกล็ด เช่น ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลาซิว เป็นต้น เข้าไปปริมาณที่มากจนเกิดการติดเชื้อเกิดขึ้น

1.5 พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เกิดจากสิ่งต่างๆในการใช้ชีวิตประจำวันเช่น การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การ
ทานอาหารที่ผิดหลักโภชนาการ อาหารไขมันสูง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งทั้งสิ้น

2. เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย

ความผิดปกติภายในร่างกายก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้เกิด โรคมะเร็ง ได้ แต่ก็เป็นในอัตราส่วน
น้อยเมื่อเทียบกับสภาวะทางสิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยทางด้านร่างกาย เช่น เด็กที่มีความพิการมาแต่กำเนิด จะมีอัตราเสี่ยงการเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาวสูงกว่าคนปกติ หรือ การมีภูมิคุ้นกันที่บกพร่อง เช่น การขาด
วิตามินบางชนิด อย่าง วิตามินเอ วิตามินซี ก็เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ไปกระตุ้นให้เกิดโคมะเร็งชนิดต่างๆได้เหมือนกัน

ชนิดของมะเร็งที่พบมากในผู้ชาย

โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า ฝ่ายชายนั้นมีพฤติกรรมชอบสังสรรค์ ชอบดื่มชอบเที่ยว ซึ่งการดื่มสุราในปริมาณมากๆและเป็นเวลานานติดต่อกัน ย่อมส่งผลเสียไปถึงตับ ทำให้ตับทำงานหนัก จนเป็นโรคตับแข็งได้ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่เคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบต่างๆ ยังจะมีโอกาสเสี่ยงไปเป็นโรคมะเร็งตับได้มากกว่าคนธรรมดาอีกด้วย ส่วนโรคมะเร็งปอดก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่จะพบได้มากในผู้ชายวัยสูงอายุ โดยสาเหตุก็มากจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่ หรือมลพิษทางอากาศเข้าไปในปริมาณที่มากๆ ซึ่งชายที่อยู่ในช่วงอายุ 65 ขึ้นไป จะเป็นโรคมะเร็งปอดในปริมาณมากถึง 2 ใน 3 ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมดในเพศชายเลยทีเดียว ส่วนโรคมะเร็งอื่นๆ ที่พบในเพศชายอีกก็อย่างเช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

ชนิดของมะเร็งที่พบมากในผู้หญิง

ในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 40 ปีขึ้น เป็นกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมมากที่สุด และถ้าหากเป็นผู้ที่ได้รับยาคุมกำเนิดในปริมาณมากเกินไป หรือเป็นผู้ที่ไม่มีลูก จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนี้เข้าไปอีก คุณผู้หญิงเองต้องหมั่นตรวจสุขภาพเรื่องนี้แบบสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้เองหรือไปพบแพทย์ก็ได้ โดยการตรวจจะได้ผลดีที่สุดคือ หลังจากมีประจำเดือนผ่านไปแล้ว 7 วัน   นอกจากนี้คุณผู้หญิงที่มีอายุ 35 ขึ้นไป ควรจะไปตรวจเพิ่มเรื่อง Digital Mammogram  หรือ การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องตรวจดิจิตอล อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง  ส่วนมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยๆเหมือนกันคือ โรคมะเร็ง ปากมดลูก จะพบมากในผู้หญิงที่มีช่วงอายุ 35-50 ปี สาเหตุหลักของโรคคือ การมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่เหมาะสม มีตั้งแต่อายุน้อย หรือมีคู่นอนมากหน้าหลายตา ควรป้องกันก่อนจะเป็นโรคนี้ โดยการไปฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือ ( HPV Vaccine ) สามารถฉีดได้ตั้งแต่มีอายุ 9 ปี และนอกจากนี้คุณผู้หญิงที่มีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจจากแพทย์ปีละครั้ง ส่วนโรคมะเร็งอื่นๆ ที่พบในเพศหญิงอีกก็อย่างเช่น โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ?

เมื่อรู้กันแล้วว่า โรคมะเร็ง มีความรุนแรงและน่ากลัวแค่ไหน ดังนั้นหลายคนจึงเริ่มมีความสงสัยกันว่า ตัวเราเองเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งหรือไม่ ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โดยส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้
1. สูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงในการเป็น โรคมะเร็ง ได้มากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะโรคมะเร็งปอด
ที่ในแต่ละปี จะมีผู้ที่สูบบุหรี่ป่วยเป็นโรคนี้จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งชนิดอื่นๆได้
อีก เช่น มะเร็งกล่องเสียง เป็นต้น
2. ดื่มสุราเป็นประจำ หากผู้ใดที่ชอบดื่มสุราอยู่เป็นประจำบ่อยๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับในอัตราที่สูงกว่าคนปกติ นอกจากนี้หากดื่มทั้งสุราประกอบกันการสูบบุหรี่จัดด้วย ก็ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นโรคมะเร็งอย่างเช่น มะเร็งที่ปาก หรือ มะเร็งในลำคอ ได้อีกด้วย
3. เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือชอบรับประทานอาหารที่มีสาร อัลฟาทอกซิล สารอัลฟาทอกซิล เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่พบได้มากในถั่วลิสง พริกป่นแห้ง หากทานอาหารชนิดที่มีสารปนเปื้อนเข้า
ไปบ่อยๆ จะไปทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับ หรืออาจลุกลามเป็นมะเร็งตับได้ด้วย ส่วนกรณีที่ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบบี หากเป็นเรื้อรัง ก็มีโอกาสจะพัฒนากลายเป็น โรคมะเร็ง ได้เช่นกัน ดังนั้น การป้องกันมะเร็งตับ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสาร อัลฟาทอกซิล รวมถึงควรการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เอาไว้ด้วย
4. รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง บ่อยๆเป็นประจำ เป็นตัวการอย่าง
หนึ่ง ที่ส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และ
มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
5. มีเชื้อพยาธิใบไม้ในตับและรับประทานอาหารที่ใส่ดินประสิว การทานอาหารที่ไม่สะอาดมีเชื้อพยาธิ
ใบไม้หรือ อาหารที่มีส่วนผสมของดินประสิวในปริมาณมาก จะยิ่งทำให้มีความเสี่ยงในการเกิด โรคมะเร็ง
ได้ โดยเฉพาะมะเร็งท่อ น้ำดี ซึ่งอาหารที่นิยมใส่ดินประสิวและควรหลีกเลี่ยงได้แก่ เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กุนเชียง ไส้กรอก เบคอน แหนม เนื้อสวรรค์ ปลาร้า เป็นต้น
6. มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอันเกิดจากความผิดปกติจากพันธุกรรม หรือติดเชื้อ HIV สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV จะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของตนเองบกพร่อง ซึ่งก็ทำให้มีโอกาสเกิดโรคต่างๆได้มากขึ้นตามไปด้วย มะเร็งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อาจเกิดได้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV สำหรับมะเร็งที่พบได้บ่อยๆในผู้ติดเชื้อ HIV คือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งหลอดเลือด เป็นต้น
7. รับประทานอาหารเค็มจัดและอาหารที่มีส่วนไหม้เกรียม ผู้ที่ชอบทานอาหารรสเค็มจัดหรือชอบทาน
อาหารไหม้เกรียม โดยเฉพาะอาหารปิ้งย่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวกระตุ้นในการเกิด โรคมะเร็ง ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
8. คนในครอบครัวมีประวัติการเป็นโรคมะเร็ง มะเร็งอาจไม่ใช่โรคติดต่อจากคนสู่คน แต่มะเร็งบางชนิด
สามารถถ่ายทอดผ่านทางยีนต์ของมนุษย์ได้เหมือนกัน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดที่เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น หากคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องเคยมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็ง คนที่อยู่ในครอบครัวนั้นก็อาจจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากว่าครอบครัวที่ไม่มีบุคคลใดเคยป่วยเป็นมะเร็งมาก่อน
9. ตากแดดจัดเป็นประจำ ผู้ที่ทำงานกลางแจ้งหรือต้องตากแดดอยู่เป็นประจำบ่อยๆ และอยู่ติดต่อกันเป็น
เวลานาน ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้มากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะโรคมะเร็งผิวหนัง จากการได้รับ
อันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลต นั้นเอง

มะเร็งที่พบบ่อยจากข้อมูลจากข้างต้น จะเห็นได้ว่าการเกิด โรคมะเร็ง ในส่วนใหญ่ จะมีปัจจัยและสาเหตุหลักๆมาจาก สิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกร่างกาย อย่างเช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต สภาพสังคมแวดล้อม รวมถึงการรับประทานอาหารต่างๆ ล้วนแต่ เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็งที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดสำหรับตัวเราเองก็คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น และต้องพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่เป็นตัวก่อสารมะเร็ง เช่น ควรงดดื่มสุรา งดสูบบุหรี่ เลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีมลพิษสูง เป็นต้น

ร่วมตอบคำถามกับเรา

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.

WHO (October 2010). Cancer. World Health Organization. Retrieved 5 January 2011.

แหล่งกำเนิดของน้ำมันไข

0
แหล่งกำเนิดของน้ำมันไข
ร่างกายมนุษย์ต้องได้รับสารอาหารประเภทไขมันเพื่อไปช่วยทำให้ร่างกายมีพลังงานในการทำกิจกรรม แต่บริโภคมากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตราย
แหล่งกำเนิดของน้ำมันไข
ร่างกายมนุษย์ต้องได้รับสารอาหารประเภทไขมันเพื่อไปช่วยทำให้ร่างกายมีพลังงานในการทำกิจกรรม แต่บริโภคมากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตราย

แหล่งกำเนิดของน้ำมันไขและประเภทของอาหารที่มีน้ำมันไข

น้ำมันไขรูปแบบต่างๆ ที่วางขายตามสถานที่ต่างๆ ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ล้วนมีด้วยกันหลากหลายชนิดให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อเลือกหาตามใจชอบ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีข้อมูลทาง โภชนาการ และวิธีการนำไปใช้แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้เราสามารถแบ่งน้ำมันไขออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภทตามแหล่งกำเนิดของน้ำมันคือ

1. น้ำมันไขที่ได้จากพืช

น้ำมันไขชนิดนี้จะถูกผลิตขึ้นโดยใช้วิธีสกัดออกมาจากพืชชนิดต่างๆที่มีปริมาณของน้ำมันอยู่ในพืชชนิดนั้น เช่น งา มะพร้าว ลูกวอลนัต ถั่วลิสง ข้าวโพด ถั่วเหลือง และ รำข้าว เป็นต้น ซึ่งชื่อน้ำมันที่เรียกก็จะใช้ชื่อของพืชชนิดนั้นประกอบอยู่ด้วย เช่น หากน้ำมันนั้นผลิตมาจากรำข้าว ก็จะเรียกว่าน้ำมันรำข้าว หรือ น้ำมันนั้นผลิตมากจากถั่วเหลือง ก็จะเรียกว่าน้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น ตัวอย่างของน้ำมันไขจากพืชที่พบได้บ่อยๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันงา น้ำมันปาล์ม เป็นต้น

2. น้ำมันไขที่ได้จากสัตว์

นอกจากพืชแล้วน้ำมันไขยังสามารถผลิตออกมาจากในสัตว์ได้ด้วยเหมือนกัน โดยน้ำมันไขที่ได้จากสัตว์มักได้จากเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณช่องท้องและส่วนอื่นๆ เช่น หมู วัว แกะ และปลา เป็นต้น ตัวอย่างของน้ำมันไขจากสัตว์ที่พบได้บ่อยๆ เช่น น้ำมันหมู เป็นต้น นอกจากนี้เรายังสามารถได้รับไขมันจากสัตว์ ในรูปแบบอื่นๆได้อีกด้วย เช่น ไขมันจากการดื่มนม ไขมันจากในไข่แดง ไขมันจากในเนื้อและหนังของสัตว์ เป็นต้น

ประเภทของอาหารที่มีน้ำมันไข

อาหารเมนูต่างๆที่เราทานเข้าไปในแต่ละวัน อาจจะมีสารอาหารประเภทไขมันผสมอยู่ด้วยในเมนูนั้นๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการที่ถูกต้อง ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาหารที่มีน้ำมันไขเป็นส่วนประกอบได้ 2 ประเภท ดังนี้

1. อาหารที่มีส่วนของกรดไขมันอิ่มตัวเป็นหลัก คือเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง สามารถพบได้ในอาหารประเภทที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ นม หรือไข่ รวมถึงในพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น 

2. อาหารที่มีส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลัก คือเมนูอาหารทีมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณสูง สามารถพบได้ในอาหารประเภทที่มาจากพืช เช่น น้ำมันไขชนิดต่างที่สกัดได้จากพืช ( ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว ) และโกโก้ เป็นต้น

โดยปกติแล้ว ร่างกายมนุษย์เราต้องได้รับสารอาหารประเภทไขมันจากมื้ออาหารต่างๆในแต่วัน เพื่อไปช่วยทำให้ร่างกายมีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ แต่หากบริโภคมากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะการทานอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่สูง เนื่องจากกรดไขมันอิ่มตัวที่เกินมาตราฐานจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายต่างๆ ได้เช่น โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ได้มากกว่าผู้ที่บริโภคไขมันในระดับปกติ

ซึ่งทางสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกาและองค์การอนามัยโลก ได้ข้อมูลและแนะนำเรื่องการบริโภคไขมันที่ถูกต้องคือ ควรบริโภคอาหารที่มีไขมันไม่เกิน 15–30 % ของปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน และกรดไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่ง 10-20 % หรือ 15-30 % รวมทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 6-10% ด้วย ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ปริมาณของแคลอรี่ทั้งหมดในแต่ละวันของแต่ละคนด้วย เช่น หากในแต่ละวันได้รับปริมาณแคลอรี่ 2,000 ต่อวัน ปริมาณของไขมันที่ได้รับรวมกันจะเท่ากับ 300 – 600 มิลลิกรัม / วัน หรือไม่ให้เกิน 4-5 ช้อนโต๊ะ / วัน

ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบริโภคน้ำมันไข ควรเลือกประเภทที่เหมาะสม และใช้ในปริมาณที่พอดีไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และควรดูข้อมูลทางโภชนาการที่ฉลากของอาหารชนิดนั้นประกอบด้วยเสมอ หากต้องซื้ออาหารจากภายนอกมาทาน เพื่อจะได้กำหนดและควบคุมปริมาณของไขมันที่ร่างกายจะได้รับอย่างเหมาะสม

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

สุนันท์ วิทิตสิริ. รู้จักกับ น้ำมันและไขมันปรุงอาหาร. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2559. 80 หน้า. 1.รู้จักกับน้ำมันและไขมัน. 2.ปรุงอาหาร. I.ชื่อเรื่อง. 665 ISBN 978-616-538-290-8.

Hanukoglu I, Jefcoate CR (1980). “Pregnenolone separation from cholesterol using Sephadex LH-20 mini-columns”. Journal of Chromatography A. 190 (1): 256–262. 

Javitt NB (December 1994). “Bile acid synthesis from cholesterol: regulatory and auxiliary pathways”. FASEB J. 8 (15): 1308–11.

ร่วมกับพวกเรา ทางเดินของคนไม่เป็นมะเร็ง

0
ร่วมกับพวกเรา ทางเดินของคนไม่เป็นมะเร็ง
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงตามที่ประพุทธเจ้าท่านได้เคยบอกไว้ เพราะการป่วยหรือการมีโรคนั้นนำแต่ความทุกข์ ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ
ร่วมกับพวกเรา ทางเดินของคนไม่เป็นมะเร็ง
“อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

ร่วมกับพวกเรา ทางเดินของคนไม่เป็นมะเร็ง

“ อโรคยา ปรมาลาภา ” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คุณรู้ความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้แล้วหรือยัง ดิฉันได้รับรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ก็เมื่อวันที่รู้ว่าตัวเองเป็น มะเร็ง เชื่อมั้ยค่ะ!ว่าตอนเด็กดิฉันเคยอยากเป็นคนขี้โรคนะ เพราะว่าตอนเด็กนั้นดิฉันเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงมากไม่เคยป่วยเลย และดิฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเขาเป็นคนที่ขี้โรคมากมีโรคประจำตัวต้องไปหาหมอเป็นประจำ ด้วยความเป็นเด็กก็คิดว่าอยากป่วยอย่างเพื่อนคนนั้นบ้างจัง เพราะเพื่อนคนนี้มีแต่คนดูแลเอาใจใส่ประคบประหงมอยู่ตลอดเวลา พอมาถึงวันนี้วันที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งต้องมีคนคอย ดูแลเหมือนกัน ถึงได้รู้ว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงตามที่ประพุทธเจ้าท่านได้เคยบอกไว้ เพราะการป่วยหรือการมีโรคนั้นนำแต่ความทุกข์ ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ ยิ่งป่วยเป็นมะเร็งนี่ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องเป็นทุกข์จากมะเร็งกันแล้วนะคะ เพราะเรามีเพื่อนที่แสนดีที่คอยสนับสนุนและชี้ทางให้เราห่างไกลโรคมะเร็ง เพื่อนที่คอยชี้แนะทุกอย่างที่ทำแล้วช่วยให้เราออกห่างจากมะเร็งอย่างได้ผล เพื่อนที่สร้างทางให้คุณก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีโรคมะเร็งเข้ามาทำร้ายคุณได้ เมื่อคุณเดินเข้ามาทางนี้แล้วคุณจะรู้ว่าการไม่เป็นมะเร็งนั้นง่ายมากบนเส้นทางของคน ไม่เป็นมะเร็ง

คนเราถ้ายังไม่เสียชีวิตเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป และเราทุกคนย่อมมีทางให้เลือกเดินเสมออยู่เพียงแต่ว่าเราจะเลือกเดินทางไหนเท่านั้นเอง เหมือนกับชีวิตของดิฉันที่เคยเลือกเดินทางผิดจนชีวิตต้องมาเจอกับโรคร้ายอย่างมะเร็งอย่างคาดไม่ถึงแต่วันนี้ดิฉันได้เลือกทางเดินใหม่ทางเดินที่ไม่มีโรคมะเร็งและดิฉันยังมีเพื่อนเดินทางไปกับดิฉันอีกด้วย เพื่อนที่ว่านี้ก็คือ AmProHealth เป็นทางเดินที่เปิดรับคนที่ไม่อยากเป็น มะเร็ง ทางเดินที่นี่เปิดรอทุกคนให้ก้าวเข้ามาอยู่แล้ว ทางเดินที่สร้างขึ้นมาให้กับทุกคน ทางเดินที่เปิดสอนเทคนิคและวิธีการป้องกันมะเร็ง ทางเดินที่พวกเราสามารถเข้าร่วมเดินได้ด้วยตัวเองโดยไม่เสียเงินสักบาทเดียว ทางเดินที่พาเราไปสู่สุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ทางเดินที่พาเราไปสู่การ ไม่เป็นมะเร็ง เพียงแค่คุณดูแลตัวเองตามที่เราบอก คุณก็จะอยู่ห่างไกลจากมะเร็งแน่นอน ดิฉันรู้สึกยินดีมากที่ได้เข้าร่วมเดินทางสายนี้ในวันนี้ ดิฉันมีความเชื่อเหลือเกินว่าทางสายนี้จะนำพาดิฉันไปสู่อนาคตที่ปราศจากโรคมะเร็ง นำพาไปสู่ชีวิตที่มีความสุขสดใสกับการได้อยู่กับคนที่รักยาวนานตามอายุขัยที่คนเราควรมี ชีวิตที่ไม่มีการพลัดพรากเราไปจากคนที่รักก่อนเวลาอันควร ตอนนี้ดิฉันได้เดินเข้าสู่เส้นทางที่ปราศจากมะเร็งแล้ว เจ้ามะเร็งจะไม่กลับมาทำร้ายดิฉันได้อีก ดิฉันจะอยู่กับลูกจนพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีงานทำและมีครอบครัวที่น่ารักต่อไป คิดได้แค่นี้ดิฉันก็มีความสุขมากเหลือเกินแล้วค่ะ ชีวิตนี้ดิฉันได้เลือกทางเดินที่นำความสุขมาให้กับตัวดิฉันและครอบครัวอีกครั้ง ดิฉันจะไม่เดินทางไปยังความหายนะที่มีโรคมะเร็งรออยู่ข้างหน้า แต่ดิฉันเลือกทางเดินที่ไม่มีโรคมะเร็งเข้ามาก่อกวนอีก ช่างเป็นทางเดินที่แสนวิเศษที่ดิฉันอย่างให้ทุกคนร่วมเดินเข้ามาเส้นทางนี้กับดิฉัน ต้องขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันสร้างทางเดินของคนไม่เป็นมะเร็งนี้ขึ้นมา ทำให้ดิฉันมีความหวังที่จะอยู่ต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นเกรงต่อโรคมะเร็งร้ายอีกต่อไป

วันนี้มีทางเดินที่ปราศจากโรคมะเร็งมาอยู่ตรงหน้าแล้ว คุณพร้อมที่จะก้าวเดินไปกับเราบนทางเดินของคน ไม่เป็นมะเร็ง แล้วหรือยัง ก้าวไปกับเราแล้วคุณจะพบกับความสุขจากการไม่เป็นโรค เมื่อคุณก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้คุณจะพบกับกัลยาณมิตรที่พร้อมจะบอกคุณถึงการใช้ชีวิตอย่างไรให้ไม่เป็น มะเร็ง ดิฉันเชื่อว่าชีวิตที่ไม่เป็นมะเร็งย่อมเป็นชีวิตที่หลายคนใฝ่ฝันหา และเส้นทางที่จะพาคุณไปยังชีวิตในฝันของคุณได้อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว คุณพร้อมที่จะก้าวมาร่วมกับทางกับ AmProHealth ก้าวเข้ามาสู่ทางเดินของคนไม่เป็นมะเร็งแล้วหรือยัง ?

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

จะไม่เป็นมะเร็ง ต้องอยู่กับเพื่อนที่ไหวตัวทัน

0
จะไม่เป็นมะเร็ง ต้องอยู่กับเพื่อนที่ไหวตัวทัน
คนที่ไม่อยากเป็นมะเร็งต้องรู้เท่าทันและป้องกันมะเร็งอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้าง
จะไม่เป็นมะเร็ง ต้องอยู่กับเพื่อนที่ไหวตัวทัน
คนที่ไม่อยากเป็นมะเร็งต้องรู้เท่าทันและป้องกันมะเร็งอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้าง

จะไม่เป็นมะเร็ง ต้องอยู่กับเพื่อนที่ไหวตัวทัน

ชีวิตประจำวันของคุณเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็ง หรือเปล่าคะ ? คุณลองมองไปรอบตัวของคุณดูสิว่ามีอะไรบ้างไหมที่เป็นคุณคิดว่าทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ดิฉันเชื่อว่าเวลาที่เรามองไปรอบตัวเราจะเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เราเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งอยู่หลายอย่างมาก ทั้งอาหารที่เราต้องกิน ทั้งมลพิษจากควันรถ ทั้งความเครียดจากการทำงาน ทุกสิ่งล้วนแต่สร้างความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทั้งสิ้น เราทุกคนล้วนเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งแต่ความเสี่ยงของแต่ละคนนั้นจะมีเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงย่อมขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของแต่ละคน การเตรียมความพร้อมนั้นเป็นสิ่งที่ทำง่ายกว่าการรักษามากนัก เพราะว่าการเตรียมตัวเราก็แค่เลือกกิน เลือกใช้ชีวิตให้มีคุณภาพไม่ต้องทนกับการเจ็บปวดเหมือนกับการรักษา คุณมีการเตรียมตัวที่จะป้องกันมะเร็งมากน้อยแค่ไหน

คนบางคนอยากรู้เกี่ยวกับ มะเร็ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะความรู้ได้ที่ไหน คนบางคนไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับมะเร็งแม้แต่น้อยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว คนบางคนรู้เกี่ยวถึงความร้ายแรงของมะเร็งและไม่อยากเป็นมะเร็งแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีถึงชีวิตจะไม่มีมะเร็งเข้ามา สำหรับดิฉันคิดว่าการป้องกันเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับมะเร็งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะว่าการป้องกันนั้นจะทำให้เราไม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งในอนาคต ดิฉันเชื่อว่าทุกคนที่รู้จักมะเร็งย่อมไม่อยากเป็นมะเร็งกันทั้งนั้น สำหรับคนที่ไม่อยากเป็นมะเร็ง ดิฉันคิดว่าการที่เรารู้เท่าทันและป้องกันมะเร็งนี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเลยนะคะ การป่วยเป็นมะเร็งไม่เคยสร้างความสุขให้กับใครหรอกค่ะ การป่วยเป็นมะเร็งมีแต่สร้างความทุกข์ระทมให้กับตัวเองและคนรอบข้าง อย่างตอนที่ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งนั้น นอกจากดิฉันที่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดจากรักษามะเร็งและการรักษา มะเร็ง แล้ว ยังต้องทนกับความเหงา ความคิดถึงอย่างหนัก บางคืนคิดถึงลูกจนนอนน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ คนเดียวก็เคยมาแล้ว คนในครอบครัวของดิฉันก็ไม่ต่างกัน ทุกคนต้องทุกข์ด้วยความเป็นห่วงและความคิดถึงเช่นเดียวกัน ยามที่ดิฉันต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้คีโม พ่อ แม่และสามีก็เป็นห่วงเป็นใยคอยสอบถามอาการของดิฉันอยู่ตลอด พวกเขาจะถามดิฉันทุกวันทั้งวันที่อยู่ด้วยกันที่บ้านและวันที่ดิฉันต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้คีโมว่า คุณ…เป็นยังไงบ้าง คุณ…เจ็บมากไหม คุณ…เวียนหัวอยู่หรือป่าว คุณ…วันนี้ดีขึ้นหรือยัง ส่วนลูกๆ ยามที่แม่ต้องนอนโรงพยาบาล พอตกกลางคืนก็ร้องไห้หาแม่ด้วยความคิดถึง พวกเขายังเล็กนักไม่เข้าใจว่าแม่ต้องไปนอนที่อื่น ทำไมแม่ไม่อยู่บ้านนอนกับเค้า พ่อต้องคอยปลอบว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว แม่ไปรักษาตัวให้หายก่อน แม่รักษาตัวหายแล้วแม่จะได้กลับมาอยู่กับหนูนานๆ ไงคะ แม่รักษาตัวแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว ได้ยินเสียงลูกเรียกแม่จ๋า แม่อยู่ไหน หนูคิดถึงแม่ ดิฉันต้องฝืนไม่ให้ร้องไห้พร้อมพูดและยิ้มกับลูกว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับบ้านแล้ว หนูต้องเป็นเด็กดีกับคุณพ่อนะคะ คิดถึงช่วงเวลานั้นทีไร น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาทุกที

ดิฉันเชื่อว่าการไม่เป็น มะเร็ง นั้นดีที่สุดในชีวิตของทุกคนเพราะการเป็นมะเร็งช่างเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด การที่คุณจะไม่เป็นมะเร็งได้นั้น นอกจากตัวคุณที่ต้องรู้จักป้องกันตัวเองจากมะเร็งแล้ว การที่คุณมีเพื่อนที่ไหวตัวทันต่อมะเร็งเป็นเพื่อนที่คอยเตือนคุณอยู่ตลอดว่าสิ่งนี้ไม่ดีนะ สิ่งนั้นไม่ดีนะ สิ่งที่ทำอยู่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งนะ รวมถึงคอยแนะนำถึงวิธีการป้องกันมะเร็งอย่างถูกต้องให้กับคุณแล้วย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิตของคุณมาก เพราะเพื่อนแบบนี้จะนำชีวิตที่ปราศจากความทุกข์จากมะเร็งมาให้คุณ

ปัจจุบันนี้ดิฉันเชื่อว่ามีคนที่รักสุขภาพเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ดิฉันเชื่อว่าคนรักสุขภาพทุกคนเตรียมพร้อมป้องกัน มะเร็ง กันเป็นอย่างดี การเตรียมความพร้อมที่มีให้กับตัวเองและคนอื่นๆ อย่างไม่หวังผลตอบแทน การที่ทุกคนทำเช่นนั้นก็หวังเพียงว่าคนที่ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจะได้หมดไปจากโลกนี้เสียที วันนี้คุณมีเพื่อนที่ไหวตัวทันต่อมะเร็งหรือยังค่ะ เพื่อนที่พาเราไปสู่อนาคตที่ไม่มีโรคมะเร็งเข้ามาในชีวิต

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ร่วมกับ AmProHealth ชุมชนห่างไกล โรคมะเร็ง

0
ร่วมกับ AmProHealth ชุมชนห่างไกล โรคมะเร็ง
AmProHealth เป็นชุมชนที่ช่วยให้ทุกคนห่างไกลโรคมะเร็ง ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็ง การป้องกันและการดูแลตัวเอง
ร่วมกับ AmProHealth ชุมชนห่างไกล โรคมะเร็ง
AmProHealth เป็นชุมชนที่ช่วยให้ทุกคนห่างไกลโรคมะเร็ง ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็ง การป้องกันและการดูแลตัวเอง

ร่วมกับ AmProHealth ชุมชนห่างไกล โรคมะเร็ง

ดิฉันเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักมะเร็งกัน รู้ว่ามะเร็งเป็นโรคที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยไปมากมายเหลือเกิน ปัจจุบันนี้จำนวนคนที่ป่วยเป็นมะเร็งก็ยังไม่มีทีท่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย ดิฉันกลับพบว่ามีคนที่ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยเพราะการสูญเสียไม่ว่าด้วยเหตุใดล้วนแต่นำความเสียใจมาทั้งนั้น ดิฉันมีความหวังและความตั้งใจที่จะช่วยให้ผู้ป่วยและผู้ที่เสียชีวิตจากมะเร็งนั้นลดลง เช่นเดียวกับ AmProHealth ที่มีความตั้งใจที่จะเห็นคนไทยทุกคนห่างไกลจาก โรคมะเร็ง ทุกชนิด

หลังจากที่ดิฉันหายป่วยจาก โรคมะเร็ง แล้ว ดิฉันยังต้องไปพบคุณหมอเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มะเร็งเต้านมภายในตัวดิฉันกลับมาอีก ทุกครั้งที่ดิฉันไปโรงพยาบาลดิฉันจะพบกับคนป่วยเป็นมะเร็งเข้ามารับการตรวจเพิ่มขึ้นทุกครั้ง มีทั้งคนที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นครั้งแรก คนที่เข้ามารับการรักษาโรคมะเร็งและคนที่มาตรวจเฝ้าระวังเช่นเดียวกับดิฉัน สิ่งที่เห็นจากคนเหล่านั้นก็คือความทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งความเจ็บปวดจากการรักษามะเร็งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ความกังวลใจและความกลัวที่แฝงอยู่ในดวงตาของคนป่วยทุกคน ถ้าทุกคนเลือกได้ทุกคนคงเลือกที่จะไม่ป่วยเป็นมะเร็งกัน ดิฉันเองถึงจะป่วยเป็นมะเร็งแต่ก็โชคดีที่รักษาตัวจนหายได้  การที่ดิฉันสามารถรักษาตัวจนหายจากมะเร็งได้ นอกจากำลังใจของตัวเองและการรักษาจากคุณหมอแล้ว ดิฉันโชคดีที่ได้รู้จักกับ AmProHealth ทำไมนะหรือคะ? เพราะว่าตอนที่ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งจนกระทั่งรักษาตัวจนหายก็ได้รับความรู้จากเกี่ยวกับมะเร็งจากที่นี่เป็นอย่างดี AmProHealth เป็นชุมชนที่ช่วยให้ทุกคนห่างไกลโรคมะเร็ง ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งทุกอย่าง ทั้งการป้องกันตัวเองให้ห่างจากโรคมะเร็ง ทั้งการดูแลตัวเองขณะที่รักษาตัวและการดูแลตัวเองป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาอีก นอกจากที่คุณหมอบอกแล้วดิฉันก็ได้รับความรู้จากที่นี่เพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อดิฉันนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติจริงๆ ช่วยให้ดิฉันฟื้นตัวเร็วขึ้นและผลการรักษาก็เป็นผลที่น่าพอใจ คุณหมอเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมดิฉันฟื้นตัวได้เร็วนักและยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเป็นอย่างดี บางครั้งคุณหมออธิบายนิดหน่อยดิฉันก็ทำตามได้อย่างถูกต้องทำให้สามารถรักษามะเร็งให้หายได้ในระยะเวลาอันสั้น ดิฉันรู้สึกเสียดายเหลือเกินที่ไม่ได้รู้จักกับที่นี่ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง ถ้าดิฉันรู้จักที่นี่ก่อนดิฉันคงไม่ต้องเป็นมะเร็งแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อคุณเข้ามาใน AmProHealth คุณจะได้รับความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง ทั้งชนิดของมะเร็ง สาเหตุของมะเร็ง การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งร้าย การกินอาหารที่มีประโยชน์ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง การออกกำลังกายที่ถูกวิธีเพื่อป้องกัน โรคมะเร็ง รวมถึงเทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัยที่ AmProHealth นำมาอัพเดทให้เราได้รู้กันตลอด โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจหาความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะการตรวจหาความเสี่ยงการเกิดมะเร็งนั้น ทำให้เรารู้ตัวและเตรียมตัวป้องกันมะเร็งได้อย่างตรงจุด และทำให้เรามีโอกาสที่จะไม่เป็นมะเร็งสูงมากด้วย 

ชุมชน AmProHealth เป็นชุมชนที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เมืองไทยปราศจาก โรคมะเร็ง ชุมชนนี้มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับมะเร็ง รวมถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคร้ายทุกชนิดด้วย ในเมื่อคุณมีของดีแบบนี้อยู่ใกล้มือแล้ว ดิฉันหวังว่าคุณจะมาร่วมกับ AmProHealth ร่วมกันสร้างชุมชนห่างไกลโรคมะเร็ง ดิฉันเข้ามาอยู่ในชุมชนห่างไกลมะเร็งแล้ว แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะห่างไกลมะเร็งแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วเข้ามาอยู่ในชุมชน AmProHealth ด้วยกันสิค่ะ เข้ามาอยู่ในชุมชนห่างไกลมะเร็งด้วยกันกับเรา

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

พวกเราจะไม่เป็นมะเร็ง หรือ จะมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด

0
พวกเราจะไม่เป็นมะเร็ง หรือ จะมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
การใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือ การใช้ชีวิตแบบระวัง หลีกเลี่ยงหรือการลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
พวกเราจะไม่เป็นมะเร็งหรือจะมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
การใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือ การใช้ชีวิตแบบระวัง สามารถหลีกเลี่ยงหรือการลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง

พวกเราจะไม่เป็นมะเร็ง หรือ จะมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด

ความประมาทเป็นหนทางแห่งความวิบัติ ความประมาททำให้คนเสียชีวิตมานักต่อนักแล้ว บนท้องถนน ถ้าเราข้ามถนนด้วยความประมาทไม่มีสติไม่ดูรถให้ดีก่อนที่จะข้ามถนนเราอาจโดนรถชน เวลาที่เราขับรถถ้าเราขับรถด้วยความประมาทอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บหรือแม้แต่เสียชีวิตได้ การใช้ชีวิตประจำวันก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างประมาทไม่มีสติอาจทำให้ป่วยเป็น มะเร็ง ได้เช่นกัน ยิ่งเราใช้ชีวิตประมาทมากแค่ไหนเราก็มี ความเสี่ยง ในการเป็นมะเร็งมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับดิฉันที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทมาเกือบ 30 ปีจนต้องป่วยเป็นมะเร็งไงคะ แม้ว่าไม่อยากป่วยเป็นมะเร็งสักเท่าใดแต่ก็เพราะความประมาทเผลอเรอของตัวเองที่ทำให้ป่วยเป็นมะเร็ง แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ประมาทจนเป็นมะเร็งจะดีแค่ไหนกันนะ แล้วการใช้ชีวิตอย่างมีสติที่ทำให้ไม่เป็นมะเร็งนี่ต้องทำยังไงกันนะ

การใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือ การที่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในทุกอิริยาบท รู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้มีผลทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็ง หรือไม่ เมื่อรู้เท่าทันว่ามี ความเสี่ยง ก็ควรที่จะหยุดการกระทำนั้นเสีย แต่ถ้าการกระทำนั้นไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งก็ทำได้ เช่น ตอนที่เรากินเราก็ต้องรู้ว่าอาหารที่เรากินอยู่นี้มีสารก่อมะเร็งหรือเปล่า ถ้าอาหารนั้นมีสารก่อมะเร็งหรือเป็นอาหารที่ทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ถ้าเรามีสติเราก็จะไม่กินแม้ว่าอาหารนั้นจะอร่อยสักแค่ไหน แต่ถ้าเรากินไปแล้วมันจะทำให้เราเสี่ยงเป็นมะเร็งมากขึ้น เราก็ไม่ควรกินอาหารนี้เข้าไป หรือว่าเราอยากไปเที่ยว เราก็ต้องดูว่าสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมหรือไม่ ในที่เที่ยวนั้นมีควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งให้เราสูดดมหรือเปล่า ถ้าสถานที่นั้นมีสารก่อมะเร็งอย่างควันบุหรี่อยู่ ถ้าเรามีสติเราก็ไม่ควรไปเที่ยวสถานที่แบบนั้น แต่ถ้าสถานที่เที่ยวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติมีอากาศบริสุทธิ์ให้เราสูดดม มีต้นไม้เขียวขจีที่ดูแล้วสบายใจสถานที่แบบนี้สิที่เราควรไปเที่ยว เป็นต้น ถ้าเรามีสติในการใช้ชีวิต รู้จักใช้ชีวิตให้มีคุณค่าไม่ประมาท รู้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดีต่อร่างกาย ไม่นำสิ่งหรือสารก่อมะเร็งเข้ามาในร่างกาย ย่อมทำให้ชีวิตมีความสุข การใช้ชีวิตอย่างมีสติจะทำให้ชีวิตเรามีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งน้อย บางทีเราจะไม่มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเลยก็ได้ ดิฉันเชื่อว่าพวกเราทุกคนคงมีชีวิตที่มีความสุขมากทีเดียวว่ามั้ยคะ? ถ้าไม่ต้องคอยกังวลว่าเราจะเป็นมะเร็งไหม เราจะเป็นมะเร็งเมื่อไหร่นะ เราจะตายเพราะมะเร็งหรือป่าว ดิฉันว่าชีวิตแบบนั้นคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยค่ะ ชีวิตแบบที่ดิฉันไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วในชีวิตนี้ ทำไมนะหรือคะ? ก็เพราะว่าการที่ดิฉันเคยเป็น มะเร็ง มาแล้ว คุณหมอบอกว่าดิฉันมี ความเสี่ยง ที่จะกลับมาเป็นมะเร็งได้มากกว่าคนที่ไม่เคยเป็นหลายเท่านัก ด้วยคำพูดนี้ของคุณหมอทำให้ดิฉันใส่ใจตัวเองมากขึ้นใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่เคยประมาทเลยแม้แต่น้อย สิ่งใดที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งดิฉันล้วนละเว้นทั้งหมด ไม่เคยที่จะเผลอไปกับสิ่งยั่วยุของสารก่อมะเร็งที่ผ่านเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ถามว่าดิฉันสู้ไหม? คำตอบคือดิฉันพร้อมสู้กับมะเร็งอยู่แล้วค่ะ ดิฉันกลัวไหมกับการกลับไปเป็นมะเร็งอีก? คำตอบคือไม่กลัว ดิฉันไม่เคยกลัวมะเร็งที่อาจจะกลับเข้ามาอีก แต่ว่าส่วนลึกของใจก็ยังมีความกังวลเล็กๆ อยู่บ้างว่ามะเร็งจะกลับมาไหมนะ แต่ด้วยกำลังใจและการใช้ชีวิตอย่างมีสติของดิฉัน ดิฉันเชื่อว่าดิฉันมีความเสี่ยงที่จะกลับไปเป็นน้อยมากหรือบางทีดิฉันอาจจะไม่กลับไปเป็นมะเร็งอีกก็ได้นะ ดิฉันก็เชื่อว่าถ้าพวกคุณทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติเหมือนกับที่ดิฉันใช้อยู่ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทต่อมะเร็งรับรองว่าพวกคุณไม่เป็นมะเร็งแน่นอนค่ะ

การเป็น มะเร็ง ไม่ใช่สิ่งสวยงามที่น่าจดจำในชีวิตแม้แต่น้อย สำหรับทุกคนรวมถึงตัวดิฉันด้วย แม้ว่าเมื่อผ่านการเป็นมะเร็งมาดิฉันได้รับประสบการณ์ชีวิตอันแสนมีค่ามากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเลือกได้ดิฉันขอไม่ป่วยเป็นมะเร็งและไม่มีประสบการณ์นี้จะดีกว่าค่ะ ดิฉันหวังว่าพวกคุณจะใช้ชีวิตอย่างมีสติกันนะคะ เพราะการใช้ชีวิตอย่างมีสติพวกคุณจะพบแต่ความสุข จิตใจจะผ่องใส หน้าตาสดชื่น ผิวพรรณผุดผ่อง ร่างกายแข็งแรงปลอดภัยจากโรคมะเร็ง แล้วแบบนี้จะรออะไรกันอยู่ค่ะ เรามาใช้ชีวิตอย่างมีสติกันดีกว่าเพื่อที่เราจะได้ไม่เป็นมะเร็ง ดิฉันเริ่มแล้ว แล้วคุณล่ะเริ่มใช้ชีวิตอย่างมีสติแล้วหรือยัง?

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

โรคมะเร็งไม่ถามหา พวกเราล้วนออกห่างจากมะเร็ง

0
โรคมะเร็งไม่ถามหา พวกเราล้วนออกห่างจากมะเร็ง
การใช้ชีวิตที่ดูแลสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและห่างไกลจากมะเร็ง
การใช้ชีวิตที่ดูแลสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและห่างไกลจากมะเร็ง

โรคมะเร็งไม่ถามหา พวกเราล้วนออกห่างจากมะเร็ง

ทำไมช่วงนี้มีแต่ข่าวขอรับบริจาคให้กับโรงพยาบาลนะ? ดิฉันดูข่าวที่ไรก็เห็นแต่ข่าวโรงพยาบาลต้องการรับบริจาคเงินเพื่อสร้างอาคารผู้ป่วยเพิ่ม ต้องการเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่ม มีการจัดกิจกรรมเพื่อรับบริจาคเงินเข้าโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ทำไมโรงพยาบาลถึงยังไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วยกันนะ ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลในประเทศไทยเรานี่ก็มีตั้งมากตั้งมาย มาคิดๆ ดูแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะตัวดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลก็เนื่องมาจากการไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองนั่นเองนั่นแหละค่ะ บางคนเป็นพวกบ้าวัตถุนิยมค่ะ ชีวิตต้องมีบ้านหลังใหญ่ ต้องมีรถโก้ๆ ต้องกินอาหารตามร้านหรูๆ เป็นหน้าเป็นตาเอาไว้อวดคนอื่น วันวันก็เลยต้องจมอยู่กับการทำงานเพื่อหาเงินมาปรนเปรอความต้องการของตัวเอง ชีวิตมีแต่ความเครียดจากการทำงานและเครียดกับความอยากได้อยากมี กินแต่อาหารจานด่วนเพราะความสะดวกรวดเร็ว อาหารที่กินเข้าไปก็มีแต่น้ำมัน ไขมัน แป้ง เนื้อสัตว์ บางทีอาทิตย์หนึ่งยังไม่เคยกินผักผลไม้เลยสักคำ เรื่องออกกำลังกายนี่อย่าหวังเลยค่ะ ออกกำลังกายทำไมกันแค่ทำงานทุกวันนี่ก็เหนื่อยหลือเกินแล้ว ร่างกายต้องการพักผ่อนมากกว่าจะให้ไปออกกำลังกายให้เหนื่อยอีกทำไมกันอีก การพักผ่อนที่ว่านี่คือการกิน การนอน การไปเที่ยวดื่มเหล้า สูบบุหรี่กับเพื่อน การใช้ชีวิตแบบที่ไม่ดูแลสุขภาพต่อเนื่องเป็นเวลานานร่างกายจะค่อยๆ อ่อนแอลง จนวันหนึ่งร่างกายทนไม่ไหวเกิดล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งโรคที่เป็นกันมากจากการไม่ดูแลตัวเองและการใช้ชีวิตแบบนี้ก็คือโรค มะเร็ง นั่นเอง

แต่ปัจจุบันนี้ดิฉันเห็นทุกคนตื่นตัวเรื่องการออกกำลังกายกันมากขึ้น คนทำงานมีการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพมากขึ้น มีการแบ่งเวลามาออกกำลังกาย อย่างตอนเช้าหรือตอนเย็นตามสวนสาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มีคนไปออกกำลังกายกันเต็มไปหมดเลยค่ะ ยิ่งตอนเย็นๆ นี่คนยิ่งมากเพราะเลิกงานแล้วแทนที่จะไปเที่ยวหรือไปหาอาหารตามร้านกินกันก็หันมาออกกำลังกาย บางคนมากันเป็นคู่ บางคนมาเป็นครอบครัวใหญ่มีคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายและลูกหลานตัวเล็ก มาวิ่งเล่นส่งเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณสนามเด็กเล่น แบบนี้รับรองว่าสุขทั้งกายสุขทั้งใจกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ และทางหน่วยงานต่างๆ ก็มีการส่งเสริมเกี่ยวกับการออกกำลังกายมากขึ้น มีการจัดอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่มาช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้องให้กับทคนทั่วไป อย่างที่หมู่บ้านของดิฉันนี่มีการติดตั้งเครื่องออกกำลังกายเพิ่มให้ชาวบ้านได้ไปเล่นกันอย่างทั่วถึงและมีการจัดครูสอนเต้นแอโรบิกมาสอนเต้นให้ทุกเย็นที่ลานกิจกรรมหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลด้วยนะ ตอนเย็นดิฉันยังไปเต้นด้วยเกือบทุกวันเลยนะคะ นึกย้อนกลับไปก่อนที่ดิฉันจะเป็น มะเร็ง นะ กิจกรรมพวกนี้ไม่มีหรอกค่ะ แค่สนามที่จะไปวิ่งยังไม่มีเลย ถ้าอยากวิ่งก็ต้องไปวิ่งตามสนามฟุตบอลในโรงเรียนใกล้ๆ บ้านเอา แต่ก็อย่างว่านะคะสมัยนั้นกับสมัยนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว ยุคนี้เป็นยุคแห่งสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก นอกจากการออกกำลังกายแล้วเราก็ยังหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินกันมากขึ้น มีการรณรงค์เลิกใช้สารเคมีฆ่าแมลงในปลูกผักผลไม้ มีการปลูกผักผลไม้อินทรีย์ที่ปลอดสารพิษตกค้างทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่มีคุณภาพ เมื่อออกกำลังกายสม่ำเสมอประกอบกับการกินอาหารที่มีคุณภาพร่างกายก็แข็งแรงมีภูมิต้านทานโรค ดิฉันเองถึงจะเคยเป็นมะเร็งมาแล้ว เชื่อมั้ยว่าตอนนี้ดิฉันมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าแต่ก่อนอีกนะคะ เพราะการที่เราใส่ใจเรื่องการกินและออกกำลังกายเป็นประจำอยู่ตลอด ทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์มีภูมิต้าทานโรคสูง แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตของเราออกห่างจากมะเร็งไปไกลแล้วค่ะ

ดิฉันเชื่อว่าถ้าทุกคนเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้เป็นคนที่รักสุขภาพของตนเองเหมือนที่ดิฉันเปลี่ยน เปลี่ยนมาเป็นคนที่รู้จักรักตัวเอง ด้วยใช้ชีวิตอย่างเห็นความสำคัญของร่างกายมากกว่าสิ่งของรอบตัว เชื่อมั้ยคะ ว่าเวลาที่เราเสียชีวิตนี่แม้แต่เงินบาทเดียวเราก็เอาติดตัวไปไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อเราเห็นความสำคัญและให้เวลาในการดูแลร่างกายของเราเป็นอย่างดีแล้ว ร่างกายของเราก็จะตอบแทนเราโดยการที่จะไม่ยอมให้เจ้ามะเร็งมันแอบย่องเข้ามาในร่างกาย แบบนี้โรคมะเร็งคงไม่กล้าถามหาเราหรอกค่ะ แค่นี้เราก็ออกห่างจากมะเร็งได้แล้ว ดิฉันเลือกที่จะอยู่ห่างจาก มะเร็ง แล้วคุณเลือกหรือยังค่ะว่าคุณอยากอยู่ใกล้ชิดหรือห่างไกลจากมะเร็ง?

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

คุณยังมีโอกาส และ ไม่เป็นมะเร็ง

0
คุณยังมีโอกาส และ ไม่เป็นมะเร็ง
ผลิตฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
คุณยังมีโอกาส และ ไม่เป็นมะเร็ง
ผลิตฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

คุณยังมีโอกาส และ ไม่เป็นมะเร็ง

คุณลองคิดดูสิว่าถ้าคุณ ไม่เป็นมะเร็ง มันจะดีมากแค่ไหน? ประเทศไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน ในแต่ละปีเราต้องสูญเสียประชากรส่วนหนึ่งไปด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งตอนนี้มะเร็งนี่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้มีคนเสียชีวิตมากที่สุด แซงการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุแบบขาดลอยเลยนะ และในแต่ละปีเรายังพบผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ทั่วโลกก็พบปัญหาเดียวกับประเทศไทยคือมีคนตายและป่วยจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั่วโลกและประเทศไทยหันมาตระหนักถึงความสำคัญของโรคมะเร็ง มีการบอกถึงวิธีป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง มีการคิดค้นและผลิตฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งและจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีให้ประชาชนทั่วไปฟรีต่อเนื่องทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ซึ่งการตรวจคัดกรองนี้เพื่อหาคนที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งว่าเป็นมะเร็งแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จะให้คำแนะนำถึงวิธีป้องกันมะเร็งอย่างได้ผล แบบนี้คุณก็มีโอกาสที่จะไม่เป็นมะเร็งกันแล้วนะ

สำหรับดิฉันที่เคยป่วยเป็น มะเร็ง มาแล้วรับรู้ดีถึงความทุกข์และทรมานจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งว่าเป็นยังไงมาแล้ว ถึงแม้ว่าดิฉันจะเป็นคนที่มีกำลังใจดี มีการเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็ง แต่บางขั้นตอนในการรักษาก็สร้างความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากการให้คีโมนี่ ดิฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ เวียนหัว อาเจียน ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ต้องขอบอกว่าเคยท้อไปหลายหนเหมือนกันนะคะ ท้อถึงขนาดคิดว่าถ้าเราตายไปตอนนี้เราก็ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้ เราก็ไม่ต้องทนกับอาการทั้งหลายทั้งแหล่ที่ประเดประดังกันเข้ามา เราก็ไม่ต้องมานอนอยู่ในโรงพยาบาล แต่พอคิดถึงลูกเท่านั้นแหละค่ะ ความท้อที่มีอยู่ก็หายไป ดิฉันพยายามคิดถึงลูกที่อยู่ที่บ้านให้มากเข้าไว้ คิดว่าเราต้องรักษาตัวให้หาย เราต้องอดทนเพื่อที่เราจะได้กลับไปอยู่กับลูกของเรา เราจะได้กลับไปนั่งฟังเสียงลูกหัวเราะ พูดคุยกับเราทุกวัน และความพยายามของดิฉันก็ได้ผลเพราะวันนี้ดิฉันหายจากโรคมะเร็งแล้ว ดิฉันได้กลับมาอยู่กับลูกและครอบครัวอย่างคนปกติ ถึงแม้ว่าคุณหมอจะยังนัดอยู่เรื่อยๆ เพื่อเฝ้าระวังมะเร็งที่อาจจะกลับมา

สำหรับคนที่ยัง ไม่เป็นมะเร็ง ตอนนี้พวกคุณมีโอกาสรอดจากมะเร็งสูงมากนะคะ ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะเสี่ยงจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวหรือจากสภาพแวดล้อมก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง ทั้งการตรวจที่สามารถตรวจหาความเสี่ยงเป็นมะเร็งในตัวเราว่ามีหรือไม่ ทำให้เราสามารถป้องกันมะเร็งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างได้ผลและตรงตามชนิดของมะเร็งที่คุณเสี่ยง เช่น การตรวจ Gene Test การตรวจยีนส์บางชนิดที่เป็นสารก่อ มะเร็ง การตรวจเลือด เป็นต้น

ถึงแม้ว่าคนที่ตรวจพบว่ามีความเสี่ยงนั้นอาจจะ ไม่เป็นมะเร็ง ในอนาคตก็ได้ แต่ดิฉันคิดว่าถ้ารู้ว่ามีความเสี่ยงและเตรียมตัวป้องกันตั้งแต่ต้นก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลยและไม่ได้ป้องกันอะไรเลยว่ามั้ยคะ เหมือนกับตัวดิฉันที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพราะมีคนในครอบครัวป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทำให้ดิฉันไม่ได้ป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็งเลยแม้แต่น้อย จนตัวเองป่วยเป็นมะเร็งแล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงมาตั้งนานแล้ว นอกจากการตรวจแล้วยังมีการค้นพบว่ามีอาหารอีกหลายชนิดที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้โดยเฉพาะผักผลไม้สดปลอดสารพิษ   ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงป้องกันการเกิด มะเร็ง ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันนี้โรค มะเร็ง ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เราคิดกันแล้ว ที่ดิฉันกล้าพูดแบบนี้เพราะว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่รักษาให้หายได้และโรคมะเร็งยังเป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้อีกด้วย เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำในยุคปัจจุบัน ทำให้คนเรามีโอกาสรอดจากมะเร็งมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งวิธีป้องกันมะเร็งนั้นเริ่มจากตัวเราเอง เพียงแค่คุณรักและดูแลเอาใจใส่ร่างกายของตัวเองมากขึ้น กินแต่ของที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คุณก็มีโอกาส ไม่เป็นมะเร็ง แล้ว เมื่อก่อนดิฉันไม่รอดจากมะเร็งแต่ตอนนี้ดิฉันรอดไม่เป็นมะเร็งอีกแล้วค่ะเพราะดิฉันดูแลเอาใจใส่ตัวเองไม่ได้ขาด ขนาดดิฉันมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่เคยเป็นมะเร็งหลายเท่า ดิฉันยังรอดจากมะเร็งได้เลยแล้วพวกคุณที่ไม่เคยเป็นมะเร็งย่อมรอดจากมะเร็งแน่นอน

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ได้เวลา หยุดโรคมะเร็งแล้ว

0
ได้เวลา หยุดโรคมะเร็งแล้ว
การหยุดมะเร็ง เริ่มต้นที่การดูแลตัวเอง การกินอาหาร การออกกำลังกาย
ได้เวลา หยุดโรคมะเร็งแล้ว
การหยุดมะเร็ง เริ่มต้นที่การดูแลตัวเอง การกินอาหาร การออกกำลังกาย

ได้เวลา หยุดโรคมะเร็งแล้ว

คุณรู้ไหมว่าปีๆ หนึ่ง มะเร็ง คร่าชีวิตคนไปแล้วกี่ล้านคน? ในแต่ละปีทั่วโลกมีคนตายด้วยโรคมะเร็งหลายล้านคน ไม่เว้นแม้แต่คนไทย คนไทยที่ตายด้วยโรคมะเร็งปีละเกือบแสนคนเชียวนะ เราต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักปีละเกือบแสนคนจากโรคมะเร็ง คุณเคยสูญเสียคนที่รักจากมะเร็งไหม? ดิฉันเป็นหนึ่งคนที่เคยสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคมะเร็ง ทั้งคุณตา คุณยาย คุณป้าและคุณลุงอันเป็นที่รักของดิฉันต่างก็ตายด้วยโรคมะเร็งทั้งสิ้น ในวันที่เราสูญเสียบุคคลอันที่รักเรารู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าโรคมะเร็งมันช่างร้ายกาจเสียจริง มันเข้ามาพรากบุคคลอันเป็นที่รักของเราไปก่อน วัยอันควร โดยเฉพาะคุณตาอันเป็นที่รักยิ่งของดิฉัน ดิฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ คุณตาจะทำว่าวให้เล่นในหน้าหนาวทุกปี พอลมหนาวพัดมาท่านจะเริ่มตัดต้นไผ่เป็นท่อนยาพอประมาณ ท่านจะค่อยบรรจงใช้มีดกรีดไปบนก้านไผ่ที่เป็นเหลี่ยมค่อยๆ ครูดเบาๆ เหลาจนได้ไม้ไผ่แท่งกลมกลึง นำไม้ไผ่ที่เหลาแล้วมามัดขัดกันเป็นโครงว่าว ติดทับด้วยกระดาษแก้วพร้อมทั้งผูกเชือกกลายเป็นว่าวแบบง่ายให้หลานๆ ได้เล่นกันถ้วนหน้า หน้าหนาวทุกปีดิฉันจะต้องได้ว่าวจากฝีมือคุณตามาเล่นกับพี่ๆ น้องๆ อย่างสนุกสนาน แต่แล้ววันหนึ่งคุณตาเกิดปวดท้องต้องไปโรงพยาบาล แม่บอกว่าคุณตาเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายเพราะคุณตาดื่มเหล้ามาก หน้าหนาวปีนั้นคุณตาไม่กลับมาทำว่าวให้ดิฉันเล่นอีกแล้ว ไม่มีเสียงเรียกยามที่ดิฉันวิ่งไปไกลเกินไป ไม่มีแล้วสายตาของคุณตาที่มองด้วยความรักและหวังดี ดิฉันต้องสุญเสียคุณตาอันเป็นที่รักไปเพราะโรคมะเร็งตับ

เราต้องสูญเสียคนที่รักเพราะโรคมะเร็งอีกสักเท่าไหร่ เราถึงจะเริ่ม หยุดมะเร็ง กันเสียที บางคนไม่เคยใส่ใจดูแลตัวเองและคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อยด้วยคิดว่ามะเร็งเป็นเรื่องที่ไกลตัว คงไม่มีใครเป็นมะเร็งหรอก วันนี้คุณอาจจะโชคดีที่ยังไม่สูญเสียคนที่รักจากโรคมะเร็ง แต่ในวันหน้าคุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่คุณรักจะไม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง คนที่คุณรักจะไม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งหรือแม้แต่ตัวคุณเองจะไม่เป็นโรคมะเร็งจนตาย ในเมื่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรานั้นมีแต่มลพิษ สารพิษและสารเคมีตกค้าง ขนาดตัวดิฉันเองที่คิดว่าตัวเองไม่มีทางเป็นมะเร็งยังป่วยเป็นมะเร็งได้เลย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหยุดมะเร็ง การหยุดมะเร็งนั้นไม่ยาก เริ่มต้นที่ตัวเราโดยดูแลตัวเอง เริ่มจากกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกกินผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษมากกว่าเนื้อสัตว์ ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันเพื่อร่างกายจะได้แข็งแรงมีภูมิต้านทานโรคได้มากขึ้น ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มของมึนเมาทุกชนิด ไม่กินอาหารที่เป็นสารก่อมะเร็ง ทั้งอาหารหมักดอง อาหารที่ผ่านการถนอมอาหาร อาหารมันๆ อาหารทอด อาหารไหม้ อาหารรมควัน ทำตัวเป็นคนรักเดียวใจเดียวเหมือนกับดิฉันและสามีที่รักกัน ไม่มีชู้ ไม่มีกิ๊ก ไม่มีกั๊ก ไม่มั่ว ไม่ส่ำสอน และที่สำคัญอย่าลืมทำตัวเป็นคิดบวก คิดง่ายๆ ว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ไม่มีปัญหาใดอยู่กับเราไปตลอดชีวิตหรอกค่ะ ปัญหาเปรียบเสมือนคนขี้เบื่อที่ไม่ชอบอยู่กับที่หรืออยู่กับใครนานๆ ปัญหาจะแวะเข้ามาทักทายและอยู่กับเราแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวเค้าก็ไปต่อแล้วค่ะ การคิดบวกนี่จะทำให้จิตใจเราสดชื่นแจ่มใส ชีวิตเราก็มีความเครียดน้อยลงเมื่อความเครียดน้อยลงสุขภาพเราก็แข็งแรง ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดลบ ชีวิตมีแต่ความเครียด เครียดทั้งเรื่องของตัวเองไม่พอยังเอาเรื่องคนอื่นมาคิดมาเครียดด้วยนะ พอเครียดก็กินไม่ได้นอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แย่ทั้งกายทั้งใจ แต่พอดิฉันกลับมาเป็นคนคิดบวก มองทุกปัญหาเป็นเรื่องเล็กเดี๋ยวก็แก้ได้ ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ความเครียดลดลง กินได้นอนหลับร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น หน้าตาแจ่มใส ตั้งแต่เป็นคนคิดบวกนี่มีคนทักว่าดูสวยขึ้นสาวขึ้นด้วยนะคะ เป็นไงคะ วิธีการ หยุดมะเร็ง ไม่ยากใช่มั้ยคะ ถ้าคุณทำตามแค่นี้เราก็หยุดมะเร็งได้แล้ว ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากหยุดมะเร็ง ขอให้เริ่มที่ตัวคุณเองก่อนแล้วขยายไปยังคนในครอบครัว    คนในหมู่บ้าน ขยายต่อไปเรื่อยสู่สังคม ดิฉันเชื่อว่าต่อไปในอนาคตโรคมะเร็งเหลือแต่ชื่อเท่านั้น โรคมะเร็งจะเป็นเพียงชื่อโรคโรคหนึ่งที่เคยพบในคน เป็นโรคที่หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิงเหมือนกับอหิวาตกโรค

จะเห็นว่าการ หยุดมะเร็ง ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ต้องอาศัยความตั้งใจจริงและความร่วมมือกันของทุกคนเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ช่วยกันลด ละ เลิกสิ่งที่ทำเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ดิฉันไม่อยากเสียใจเพราะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักด้วยโรคมะเร็งอีก และไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากมะเร็งด้วยเช่นกัน ดิฉันจึงอยากที่จะหยุดมะเร็งไว้แค่นี้ ไม่อยากให้มีผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันหยุดมะเร็งร้ายให้หายไปจากโลกนี้ ร่วมกันหยุดมะเร็งเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่เราจะสูญเสียคนที่รักไปกับมะเร็งมากกว่านี้ ดิฉันเริ่มหยุดมะเร็งแล้ว คุณเริ่มหยุดมะเร็งแล้วหรือยัง?

Content by Amprohealth

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม