สารอาหารช่วยในการเผาผลาญไขมันที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน
สำหรับสารอาหารช่วยในการเผาผลาญไขมันที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน และได้รับการทบทวนข้อมูลการวิจัยจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังต่อไปนี้
1. ส้มขม หรือ บิตเตอร์ ออเร้นจ์ ( Bitter Orange )
ส้มขม เป็นสมุนไพรในตำรายาจีนอย่างหนึ่ง ที่มีการเอาเปลือก ดอก ใบ และผลมาสกัดเป็นยารักษาโรคต่าง ๆ รวมทั้งยังมีสรรพคุณในการลดน้ำหนัก ในส้มขมจะมีส่วนประกอบของซินเนฟรีน ( Synephrine ) และโดพามีน ( Dopamine ) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคล้ายเอฟิดร้า ( Ephedra ) หรือมาฮวง ( Ma Huang ) จัดเป็นสารกระตุ้นชนิดหนึ่งที่มีการอ้างสรรพคุณว่าสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ สลายไขมัน และลดความอยากอาหารลงได้ นอกจากนี้ในส้มขมมักมีส่วนผสมของกาเฟอีนและสารประกอบอื่นๆอีกด้วย
ในแง่ของการให้ผลเพื่อช่วยให้การลดน้ำหนัก ยังคงไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันได้ชัดเจน ว่าส้มขม ช่วยให้ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ แต่ส้มขมอาจจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรีในร่างกาย และช่วยลดความอยากอาหารได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย พบว่าส้มขมอาจจะไม่ปลอดภัยนัก เพราะผลิตภัณฑ์ส้มขมอาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นรัว เกิดการวิตกกังวล และความดันโลหิตสูงขึ้นได้ และมีการพบว่าการใช้ส้มขมร่วมกับสารกระตุ้นชนิดอื่น เช่น กาเฟอีน อาจจะทำให้เกิดอาการหัวใจวายได้อีกด้วย
2. สารคาเฟอีน
สารคาเฟอีน เป็นสิ่งใกล้ตัวที่สามารถพบได้ง่ายในปัจจุบัน จากการดื่มชา กาแฟ โกโก้ หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนเป็นส่วนผสม อย่างเช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลังนอกจากนี้ยังพบได้ในยาและสมุนไพรบางชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ ที่ใช้คาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ เป็นต้น คาเฟอีน เป็นสารกระตุ้นที่มีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายเกิดความตื่นตัว เพิ่มความกระชุ่มกระชวย เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เพิ่มการสลายตัวของไขมันให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นในแง่ของการลดน้ำหนัก แม้งานวิจัยจะไม่ชัดเจนว่าคาเฟอีนช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ก็มีทฤษฎีที่อ้างถึงผลของคาเฟอีนที่อาจมีผลต่อน้ำหนักตัว คือ
คาเฟอีนเป็นสารที่ยับยั้งความหิว ทำให้กินอาหารน้อยลงแต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเพียงพอว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะยาว
คาเฟอีนช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญแคลอรีในการย่อยอาหาร แต่ก็อาจจะไม่มากพอที่จะทำให้ลดน้ำหนักลงได้นั้นเองคาเฟอีนจะปลอดภัยหากใช้ในปริมาณน้อย แต่หากร่างกายได้รับในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบ เช่น ทำให้มีอาการ กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ และหากได้รับคาเฟอีนในปริมาณสูงๆมากเกินกว่า 400 มิลลิกรัม/วัน จะทำให้คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นสูง และมีอาการชักได้
3. เยอร์บามาเต้ ( Yerba Mate )
คือพืชชนิดหนึ่งที่มีสารคาเฟอีน เป็นส่วนประกอบจะขึ้นเองอยู่ในป่าตามธรรมชาติแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยชาวอเมริกาใต้นิยมนำพืชชนิดนี้มาใช้ชงเป็นเครื่องดื่มในรูปแบบของ ชา ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณ ในการช่วยลดอาการเหนื่อยล้า ลดน้ำหนัก ลดอาการซึมเศร้าได้แต่ความเชื่อนี้ก็ยังไม่มีผลการยืนยันที่ชัดเจนแต่อย่างใด มีข้อควรระวัง คือ ผู้ที่ดื่มชานี้มากๆติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งปอดได้ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มชานี้ยิ่งมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูงขึ้นด้วย
4. แคลเซียม ( Calcium )
แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นประสาทและหลอดเลือดในร่างกายมนุษย์ พบได้มากในอาหารเช่น นมถั่วเหลือง เนื้อปลา น้ำส้ม เป็นต้น โดยแคลเซียมได้รับการอ้างสรรพคุณว่า สามารถช่วยในการเผาผลาญไขมัน และลดการดูดซึมของไขมันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่ได้รับการรับรองแต่อย่างใด การได้รับสารอาหารประเภทแคลเซียมสำหรับร่างกายนั้น ต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้ใหญ่ปริมาณที่เหมาะสมต่อวันคือ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม แต่หากได้รับมากเกินไป มากกว่า 2,000 – 2,500 มิลลิกรัมต่อวัน อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น เกิดอาการท้องผูก ร่างกายเกิดภาวะลดการดูดซึมธาตุเหล็กและสังกะสีนอกจากนี้การได้รับแคลเซียมจากอาหารที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ จำพวกอาหารเสริมต่างๆ ก็อาจจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงโรคนิ่วในไตได้
5.ไคโตซาน ( Chitosan )
ไคโตซาน คือ สารสกัดที่ได้จากธรรมชาติซึ่งสามารถสกัดได้จากเปลือกกุ้ง กระดองปู ซึ่งมีการอ้างสรรพคุณของไคโตซานว่า สามารถช่วยดักจับไขมันได้ ทำให้ไขมันถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายได้น้อย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไคโตซานสามารถช่วยดักจับไขมันได้ในปริมาณเพียงน้อยนิดเท่านั้น จึงอาจไม่ได้ผลมากนักหากต้องการนำมาช่วยลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ กุ้ง หอย และปู ไม่ควรทานไคโตซาน เพราะอาจะมีอาการแพ้ได้ พร้อมทั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง ท้องอืด คลื่นไส้ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย และจุกเสียดแสบร้อนลิ้นปี่ได้
6. โครเมียม ( Chromium )
โครเมียม เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย โดยมีการอ้างสรรพคุณเกี่ยวกับโครเมียมว่า สามารถช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อลดไขมันในร่างกาย และยังทำให้ทานอาหารได้น้อยลงจากการไปช่วยลดความอยากอาหาร แต่ในความเป็นจริงพบว่า โครเมียมอาจช่วยลดน้ำหนักและไขมันในร่างกายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปริมาณโครเมียมที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 20 – 35 ไมโครกรัม/วัน ซึ่งหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น ปวดหัว ถ่ายเหลว คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก และเป็นผื่นหรือลมพิษได้
7. ฤๅษีผสม ( Coleus Forskohlii )
เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่สามารถพบได้มากในประเทศเขตร้อน เช่นไทย และอินเดีย ใน ฤๅษีผสม จะมีสารชื่อว่า ฟอร์สโคลิน ( Forskohlin ) ที่มีการอ้างสรรพคุณว่า สามารถช่วยให้การลดน้ำหนักทำได้ดียิ่งขึ้น โดยจะไปลดความอยากอาหาร และยังเพิ่มการสลายไขมันในร่างกายได้ด้วย แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่มีการศึกษาวิจัยมารับรองความเชื่อนี้ในการวิจับพบเพียงว่า สารฟอร์สโคลิน นั้น มีความปลอดภัยและไม่มีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด
8. กรดคอนจูเกตเต็ดไลไนเลอิก ( Conjugated Linoleic Acid หรือ CLA )
คือ กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกาย ไม่สามารถผลิตได้เองพบได้มากในผลิตภัณฑ์นมและเนื้อวัวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผลจากการวิจัยพบว่าการใช้ CLA ในระยะเวลา 1 ปี สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่า CLA จะมีความปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ก็ต้องระวังกับอาการที่จะตามมาได้ เช่น อาจทำให้ไม่สบายท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย และอุจจาระเหลว นอกจากนี้ยังอาจไปลดระดับเอชดีแอลคอเลสเตอรอลในเลือด และเพิ่มความดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้
9. เอฟิดร้า ( Ephedra ) หรือมาฮวง ( Ma Huang )
เป็นพืชสมุนไพรจีนที่มีสารกระตุ้นระบบประสาทช่วยเพิ่มการเผาลผลาญในร่างกาย ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวต้องรอการวิจัยและพัฒนาต่อไป แต่สารชนิดนี้มีการถูกห้ามใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.2004 เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยต่อร่างกายเพราะอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน อารมณ์แปรปรวน ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นผิดปกติ เส้นเลือดสมองตีบ ชัก หัวใจวาย และอาจเสียชีวิตได้
10. ฟูโคแซนทิน ( Fucoxanthin )
คือสารที่ได้จากพืชตระกูลสาหร่าย เช่นสาหร่ายสีน้ำตาลและสาหร่ายชนิดอื่นๆซึ่งมีการอ้างสรรพคุณว่า สามารถช่วยในการลดน้ำหนัก โดยไปทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นและช่วยลดไขมันแต่ก็ยังไม่มีผลการรับรองที่แน่นอนเช่นเดียวกับในด้านความปลอดภัยที่ยังคงต้องศึกษาถึงผลกระทบต่อไป
11. ส้มแขก ( Garciniacambogia )
เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่สามารถพบได้มากในทวีปเอเชีย และทวีปแอฟริกา ในส้มแขกจะมีกรดที่ชื่อว่า กรดไฮดร็อกซีซิตริก ( Hydroxycitric Acid ) ซึ่งมีสรรพคุณที่เชื่อกันว่า ช่วยลดการสร้างเซลล์ไขมันในร่างกาย ลดความอยากอาหาร ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงพบว่ามีผลเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นในการช่วยลดน้ำหนัก
12. กลูโคแมนแนน ( Glucomamnan )
เป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติที่พบมากในหัวบุก และมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถพองตัวในน้ำได้มากซึ่งมีสรรพคุณที่เชื่อกันว่า คอยทำหน้าที่ดูดน้ำในลำไส้ ช่วยให้เกิดความรู้สึกว่าอิ่ม ซึ่งในข้อเท็จจริงพบว่า กลูโคแมนแนน มีผลช่วยในการลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อาจช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และระดับน้ำตาลในเลือดลงได้ ในด้านของความปลอดภัยพบว่า หากใช้งาน กลูโคแมนแนน ในระยะเวลาสั้นๆ จะไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย แต่อาจมีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น อาการท้องเสีย ท้องอืด ท้องผูก และ ไม่สบายท้องได้ แต่ถ้ามีการใช้ติดต่อกันในระยะเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตันในหลอดอาหาร ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
13. เมล็ดกาแฟสดสกัด ( Green Coffee Bean Extract )
เป็นทางเลือกในการดื่มกาแฟอีกรูปแบบหนึ่ง โดยจะใช้เมล็ดกาแฟที่ไม่ได้คั่ว เหมือนกาแฟปกติที่ดื่มกัน แต่ก็มีสารกาเฟอีนเหมือนกาแฟคั่วชนิดทั่วไป ซึ่งมีสรรพคุณที่เชื่อว่าช่วยลดการสะสมไขมันและช่วยในการเปลี่ยนนำตาลในเลือดไปเป็นพลังงาน และช่วยในการลดน้ำหนักได้ ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ อาจช่วยในการลดน้ำหนักได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับ การดื่มกาแฟจากเมล็ดกาแฟสดสกัด ผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการดื่มกาแฟรูปแบบนี้คือ อาจทำให้ปวดศีรษะ และหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะติดเชื้อได้
14. ชาเขียวและชาเขียวสกัด ( Green Tea )
ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมชนิดหนึ่ง มีสรรคุณที่เชื่อว่า หากทานเข้าไปจะช่วยทำให้เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยสลายเซลล์ไขมัน ลดการดูดซึมและการสร้างเซลล์ไขมันในร่างกาย เนื่องจากมีสารสารคาเทซิน ( Catachin ) และไทอามีน ( Thiamine ) เป็นส่วนผสมอยู่ ซึ่งข้อมูลการวิจัยพบว่า ชาเขียวอาจช่วยลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยเท่านั้นการดื่มชาเขียวมีความปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ชาเขียวสกัดอาจไม่ปลอดภัยมากนัก อาจจะส่งผลข้าง เคียงได้คือ มีอาการคลื่นไส้ ท้องผูก ไม่สบายท้อง และเพิ่มความดันโลหิตได้ มีรายงานว่า และยังเป็นอันตรายต่อตับได้อีกด้วย
15. กัวกัม ( Guar Gum )
กัวกัม เป็นใยอาหารที่ละลายน้ำ เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิดซึ่งใยอาหารในกัวกัมเป็นตัวช่วยให้เกิดความรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดความอยากอาหารและปริมาณในการทานได้ แต่จากข้อมูลการวิจัยยังไม่ยืนยันว่า กัวกัมช่วยในการลดน้ำหนักจริงหรือไม่ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับการใช้ กัวกัม คือ ทำให้ปวดท้อง ท้องอืด มีลม ท้องเสีย คลื่นไส้ ถ้าทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
16. ขิง (Ginger)
ขิง มีสารบางอย่างที่ช่วยเพิ่มอุณภูมิให้กับร่างกาย ขับเหงื่อได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับคนที่อยากเผาผลาญเอาไขมันออกเป็นอย่างมาก ดังนั้น ควรทานน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีขิงเป็นวัตถุดิบก็จะช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้
17. ฮูเดีย ( Hoodia )
คือ พืชชนิดหนึ่งที่ไม่มีใบ มีแต่ก้านที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ลักษณะคล้ายต้นกระบองเพชร พบได้ในแถบทะเลทรายในแอฟริกาใต้ใช้สำหรับช่วยลดความอยากอาหาร จากข้อมูลการวิจัยพบว่าฮูเดียอาจไม่ช่วยให้กินน้อยลงหรือลดน้ำหนักได้ ในด้านความปลอดภัย ตรวจพบว่า ฮูเดียอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้และอาเจียน ได้ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับร่างกาย
18. ไพรูเวต ( Pyruvate )
คือสารธรรมชาติที่สามารถพบได้ในร่างกาย ซึ่งมีการอ้างถึงสรรพคุณว่า สามารถช่วยเพิ่มการสลายไขมัน ช่วยลดไขมันในร่างกาย ช่วยในการออกกำลังกายให้ดีขึ้น และช่วยในการลดน้ำหนักได้ แต่จากข้อมูลพบว่าไพรูเวตนั้น ช่วยลดน้ำหนักได้แค่เพียงเล็กน้อย ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายได้ก็คือ เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร มีอาการท้องอืด ท้องเสีย ท้องไส้ปั่นป่วนเนื่องจากมีแก๊สมาก
19. ราสป์เบอร์รี่คีโตน ( Raspberry Ketone )
เป็นสารประกอบทางธรรมชาติที่เป็นสารหอมหลักของราสเบอร์รี่สีแดง โดยจะใช้ในการผลิตน้ำหอมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเป็นอาหารเสริมเพื่อปรับแต่งกลิ่นผลไม้ และเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดล่าสุดที่เข้าสู่วงการลดน้ำหนัก มีสรรพคุณที่อ้างอิงว่า สามารถทำให้ไขมันภายในเซลล์สลายตัวได้ดี ช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันดีขึ้นช่วยเพิ่มระดับอะดิโพเนกติน ( Adiponectin ) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากเซลล์ไขมัน ช่วยควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีต้นทุนสูงจึงทำให้ในปัจจุบันยังไม่มีผลการวิจัยในเรื่องการลดน้ำหนักที่แท้จริง รวมถึงความปลอดภัยในการใช้ต่อร่างกายด้วย
20. ถั่วขาว ( White Kidney Bean / Bean Pod )
เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดในแถบประเทศแม็กซิโก กัวเตมาลา สามารถเติบโตได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็นปัจจุบันปลุกได้ในทั่วโลก สารสกัดจากถั่วชนิดนี้อ้างสรรพคุณ คือ ช่วยยับยั้งความอยากอาหารได้
ถั่วขาวหรือเรียกกันอีกชื่อว่า ตัวบล็อกแป้ง ( Starch Blocker ) จะไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวย่อยแป้งให้เป็นหน่วยที่เล็กลง เมื่อเอนไซม์อะไมเลส ถูกยับยั้ง จึงทำให้ไม่สามารถไปย่อยแป้งได้ สารอาหารคาร์โบไฮเดรตก็ไม่สามารถผ่านไปถึงลำไส้ใหญ่ได้นั้นเองในทางการแพทย์จะใช้ตัวบล็อกแป้งกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและอยู่ระหว่างการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ถั่วขาวที่ไปใช้สกัดเป็นอาหารเสริมต่างๆ ยังไม่ได้รับการรับรองผลว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริงๆ เพียงแต่ก็มีสรรพคุณที่ช่วยในการลดน้ำหนักหรือการลดไขมันได้เพียงในปริมาณเล็กน้อย ส่วนในแง่ของความปลอดภัยก็ยังไม่สามารถยืนยันได้เหมือนกันว่าปลอดภัยต่อร่างกายหรือไม่อย่างไรบ้างแต่อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ทำให้ปวดศีรษะ
จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักทุกชนิดที่ได้ยกตัวอย่างดังข้างต้น แม้จะมีการโฆษณาถึงสรรพคุณต่างๆมากมายที่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักตัวไหนเลยที่มีผลการรับรองจากทางการแพทย์ ว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง อีกทั้งผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักบางอย่างก็มีผลข้างเคียงต่อร่างกายอีกด้วย
ดังนั้นหากตั้งใจจะลดน้ำหนักจริงๆ ควรใช้วิธีทางธรรมชาติ เช่นการออกกำลังกาย การควบคุมปริมาณอาหารจะดีที่สุด และอย่าลืมเอาเงินที่ต้องเสียไปกับการซื้อผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักราคาแพงๆไปซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกายแทนก็น่าจะดีและมีเป็นประโยชน์ในระยะยาวมากกว่าอีกด้วย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม