
ปลาดิบ
ปลาดิบ (Raw fish) คือ เนื้อปลาทะเลสดแล่เป็นชิ้นบาง ๆ นิยมกินกับวาซาบิ ซีอิ๊วญี่ปุ่น และหัวไช้เท้าฝอย เช่น ปลาแซลมอล ปลาทูน่า หรือปลาอื่น ๆ ปลาดิบสามารถนำมาประกอบอาหารหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามความนิยมของแต่ละประเทศ เช่น ซาชิมิของประเทศญี่ปุ่นที่จะหั่นปลาดิบเป็นชิ้นพอดีคำรับประทานคู่กับวาซาบิและซอสถั่วเหลือง ประเทศอิตาลีที่นำปลาดิบมาแล่บาง ๆ รับประทานคู่กับสลัด และคนไทยในแถบอีสานจะเป็นก้อยปลาโดยใช้เนื้อปลาดิบมาผสมกับน้ำปลา น้ำมะนาว กระเทียม พริก และผักชนิดต่าง ๆ ให้รสชาติคล้ายลาบและส้มตำ
ประโยชน์ของปลาดิบ
- เพิ่มสารอาหาร การรับประทานปลาดิบบางชนิดอาจได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากเนื้อปลาได้มากกว่า เช่น วิตามินดีธรรมชาติที่มักไม่ค่อยพบในอาหารชนิดอื่น และโอเมก้า 3
 - เสริมความแข็งแรงให้อสุจิ มีงานวิจัยหนึ่งให้ผู้ชายจำนวน 188 คนรับประทานปลาสดร่วมกับผัก ผลไม้ และธัญพืช พบว่าอสุจิของผู้ทดลองนั้นมีรูปลักษณ์ที่แข็งแรงและมีความคล่องตัวมากกว่าอสุจิของผู้ที่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
 - ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง การประทานปลาดิบแทนปลาปรุงสุกอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ เพราะการทอดปลาหรือย่างปลาด้วยความร้อนสูงจะทำให้เกิดสารอันตรายอย่างเฮเทอโรไซคลิก เอมีน (Heterocyclic Amine) อาจทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น
 - ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ปลาดิบ เช่น ปลาแซลมอนอุดมไปด้วย โอเมก้า 3 ช่วยต้านโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
 
ข้อควรระวังในการบริโภคปลาดิบ
อันตรายจากปลาดิบหรือเนื้อปลาที่ปรุงไม่สุก บางคนชอบเนื้อปลาสดสัมผัสถึงรสชาติหวานของปลาดิบเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นรวมถึงคนไทยบางกลุ่ม เช่น ซาซิมิ ซูชิ โดยเฉพาะปลาดิบที่มาจากทะเลสดๆ เช่น แซลมอน ปลามากุโระ ปลาบุริ ปลาซาบะ ปลาคัตสึโอะ ปลาโอ หลายคนเกิดความกังวนเมื่อกินเนื้อปลาดิบที่ไม่มีวิธีจัดการอย่างถูกวิธีในการเตรียมวัตถุดิบก่อนนำมาทำอาหาร
การจัดเก็บวัตถุดิบในเมนูปลาดิบให้ปลอดภัยจากพยาธิ
ก่อนนำปลาดิบมารับประทานควรนำไปแช่แข็งและจัดเก็บที่อุณหภูมิติดลบ 20 องศา (-20°C) หรือต่ำกว่าเป็นเวลา 7 วัน หรือแช่แข็งที่อุณหภูมิติดลบ 35 องศา (- 35°C) เป็นเวลา 15 ชั่วโมงก็สามารถฆ่าตัวอ่อนพยาธิหรือไข่พยาธิในเนื้อปลาดิบก่อนนำไปรับประทานได้
การติดเชื้อพยาธิจากปลาดิบ
การติดเชื้อพยาธิใบไม้จะเกิดขึ้นหากกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนด้วยไข่พยาธิหรือตัวออ่นจะเริ่มฝังตัวอยู่ตามผนังลำไส้ เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในของร่างกาย พยาธิสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอาศัยอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรวมถึงปลาสามารถมีพยาธิได้ หรือเรียกอีกอย่างว่า ปรสิต สามารถแพร่เชื้อสู่คนผ่านทางอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนตัวพยาธิหรือไข่พยาธิ ได้แก่ พยาธิใบไม้ (trematodes) พยาธิตัวตืด (cestodes) และพยาธิไส้เดือน (Ascariasis) ซึ่งพยาธิมีขนาดเล็กไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามีอยู่ประมาณ 50,000 สายพันธุ์ พยาธิสามารถแพร่กระจายได้ง่ายทำให้เกิดการติดเชื้อภายในระบบทางเดินอาหารอย่างรุนแรงอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อชีวิตได้
สาเหตุของการเกิดโรคพยาธิ
โรคพยาธิ เกิดจากการรับพยาธิหรือไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกาย โดยมีช่องทางการเข้าสู่ร่างกาย ดังนี้
1. เข้าทางปาก จากการกินอาหารที่มีการปนเปื้อนไข่พยาธิ หรือ ตัวพยาธิ
2. เข้าทางผิวหนัง เกิดจาการเข้าทางแผล หรือ สัตว์เป็นพาหะ
อาการเบื้องต้นของโรคพยาธิที่พบบ่อย
- ปวดศรีษะ
 - ตาพร่ามัว
 - ตัวเหลือง
 - ท้องบวม
 - หิวบ่อย
 - น้ำหนักลด
 - ท้องอืด ท้องเฟ้อ
 - ท้องเสียบ่อย
 - มีอาการบวมแดง
 - ปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
 
ใครบ้างที่เสี่ยงการติดเชื้อพยาธิ
- ผู้ที่กินเนื้อปลาดิบเป็นประจำ
 - ผู้ที่อาศัยอยู่ในถิ่นอาศัย หรือชุมชนที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
 - ผู้ที่กินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนไข่หรือตัวอ่อนพยาธิ
 - ผู้ที่ใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ไม่ผ่านการกรองหรือบำบัด
 
วิธีป้องกันการติดเชื้อพยาธิเบื้องต้น
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ ก่อน – หลังหยิบจับอาหารเข้าปาก
 - ดื่มน้ำสะอาดที่ผ่านการต้มสุกหรือผ่านการกรองแล้ว
 - ไม่กลืนน้ำเวลาเล่นน้ำจากแหล่งธรรมชาติ
 - ควรปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้งถ้าเป็นไปได้
 - ล้างเนื้อสัตว์ เนื้อปลาดิบ ก่อนรับประทานหรือปรุงอาหาร
 
อย่างไรก็ตาม การกินปลาดิบเป็นประจำจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิได้ แต่พยาธิบางชนิดก็สามารถอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ คุณสามารถลดความเสี่ยงจากพยาธิ โดยการเลือกทานและเลือกซื้อปลาดิบจากร้านที่ได้คุณภาพมีความน่าเชื่อถือในความสะอาด และมีวิธีการจัดเตรียมอาหารเมนูปลาดิบได้อย่างเหมาะสมถูกวิธีนั้นเอง
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม











สาหร่ายที่ให้วุ้นเหล่านี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามความสามารถในการแข็งตัวของวุ้น (setting power) ได้แก่
1. วุ้นละลายในน้ำเดือด เป็นเจลระหว่าง 32 ถึง 43 ° C เจลนี้จะไม่ละลายจนกว่าจะได้รับความร้อนถึง 85 ° C หรือสูงกว่าวุ้นไม่ละลายในน้ำเย็น มีลักษณะของเจลจากวุ้น แข็งกรอบ และยึดหยุ่น



มักผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารมังสวิรัติ เนื่องจากเป็นพืชผู้ผลิตจึงใช้คาราจีแนนแทนเจลาติน ซึ่งทำจากชิ้นส่วนของสัตว์นั่นเอง
คาราจีแนนมีคุณสมบัติเฉพาะตัวใช้สำหรับเพิ่มความหนืดในอาหารเครื่องดื่มที่ต้องการเจลหรือเพิ่มความหนืด เช่น เต้าหู้นม นมช็อคโกแลต เยลลี่ ไอศกรีม ไส้กรอก เนื้อสัตว์ อาหารสัตว์ เครื่องดื่ม และเป็นสารเพิ่มเนื้อ



เพกตินสามารถหาได้จากผักและผลไม้หลากหลายชนิด ได้แก่ 
หลายคนจะเข้าใจผิดว่าเพกตินและเจลาตินจะทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความเหนียวข้น หรือสารทำให้คงตัวเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่อย่างเดียวกัน เนื่องจากเพกตินมาจากพืชส่วนเจลาตินมาจากสัตว์ ดังนั้น เพคตินจึงถูกนำมาทำเป็นอาหารมังสวิรัติ













ผู้ปกครองควรส่งเสริมพัฒนาการด้านพื้นฐาน เพื่อให้เด็กสามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆได้ เน้นให้เด็กช่วยเหลือตนเอง เช่นการทานอาหาร การแต่งตัว เป็นต้น เพื่อให้เด็กปรับตัวในสังคมได้
1. ด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพ เป็นการดูแลส่งเสริมสุขภาพอนามัยของเด็ก เช่น การดูแลสุขภาพ รับวัคซีน และพบแพทย์












